ที่นี่คนเยอะมาก หรูเว่ยเสียงยังกล้าที่จะพูดต่อหน้าสาธรณะชน ไม่กลัวเรื่องรั่วไหลออกไปหรอ?
เมื่อเผชิญคำสั่งของหลูจื๋อหลิน หรูเว่ยเสียงได้แต่ปฏิบัติตามอย่างช่วยไม่ได้
แต่สายตาของเขาจ้องไปที่ฉินซีอยู่ตลอดอย่างไม่เต็มใจ ถ้าเธอฉวยโอกาสหนีไป หรูเว่ยเสียงก็จะเข้าไปทันที แล้วจับเธอไว้
ฉินซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแววตาที่ร้อนแรงกำลังเฝ้ามองเธออยู่ รอยยิ้มที่เยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นในใจ
ต่อให้หรูเว่ยเสียงฉลาดอีกแล้วยังไง?
เมื่อเจอกับคนโง่อย่างหลูจื๋อหลิน ก็ยังต้องฟังคำสั่งปล่อยเธอไปอยู่ดี
การแสดงออกบนใบหน้าของฉินซีแสร้งทำท่าทางน้อยใจมองไปที่หลูจื๋อหลิน “ประธานหลู……”
เธอเอ่ยปากอย่างหวาดหวั่น ราวกับมีเรื่องอยากจะพูดมากมาย แต่ถูกทำให้กลัว ไม่รู้จะจัดระเบียบคำพูดอย่างไรไปครู่หนึ่ง
ท่าทางที่ละเอียดอ่อนนี้ ทำให้หลูจื๋อหลินทุกข์ใจในทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะคนในพื้นที่นี้เยอะเกินไป เขาอยากที่จะตบหรูเว่ยเสียงซักทีจริงๆ
ไอ้ผู้ชายที่ทำเรื่องไม่สำเร็จล้มเหลว ทำเอกสารสำคัญของเขาหายแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะทำให้ฉินซีกลัวจนหนีไปหรอ?
หลูจื๋อหลินระงับความโกรธในใจลง ก้าวก้าวเดียวไปถึงตรงหน้าฉินซี เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณฉิน คุณไม่ต้องกลัว คนนี้คือลูกน้องของผมหรูเว่ยเสียง เมื่อกี้เขาจำคนผิด ทำตัวหยาบคายกับคุณโดยไม่ระวัง ต้องขอโทษจริงๆ”
เขารีบเอ่ยปากขอโทษ เกรงว่าความพยายามก่อนหน้าที่ทำมาทั้งหมดจะศูนย์เปล่า
ฉินซีไม่ได้สนใจเขา สายตาตกอยู่บนตัวของหรูเว่ยเสียง “ประธานหลูคุณดูเขาสิ คุณดูท่าทีของเขา ไม่มีความรู้สึกผิดเลยซักนิด เมื่อกี้ฉันนั่งอยู่ตรงนี้เงียบๆ ไม่รู้ว่าไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้า ถึงได้รับการปฏิบัติที่หยาบคายเช่นนี้”
เธอยกข้อมือขึ้น วางไว้ตรงหน้าของหลูจื๋อหลิน
เดิมทีฉินซีก็ผิวขาวนวลอยู่แล้ว โดยปกติใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นสีแดง
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกี้หรูเว่ยเสียงต้องการที่จะหยุดยั้งการหลบหนีของฉินซี ใช้แรงทั้งหมดที่มี วาดรอยเลือดไว้ที่ข้อมือของฉินซีโดยตรง
อาการบาดเจ็บของฉินซีน่าตกใจมาก หลูจื๋อหลินโมโหขึ้นมาทันที
เขาจ้องไปที่หรูเว่ยเสียงด้วยความโกรธ เห็นเขายังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ก็เอ่ยปากพูดด้วยความฉุนเฉียว “หรูเว่ยเสียงแกขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้ ขอให้เธอยกโทษให้แก”
หลูจื๋อหลินคิดไม่ถึงเลยซักนิดว่า หรูเว่ยเสียงจะลงมือรุนแรงขนาดนั้น
เขากระทั้งรู้สึกว่าถ้าหรูเว่ยเสียง ลงมือหนักกว่านั้นอีกหน่อยข้อมือของฉินซีก็อาจจะหักได้
หลูจื๋อหลินตอนนี้เห็นหรูเว่ยเสียง ในใจทนไม่ไหว
เขาตัดสินใจว่าหลังจากกลับไปแล้วจะต้องลงโทษหรูเว่ยเสียงให้สาสม ให้เขารู้ว่ากฎคืออะไร เพื่อให้หลังจากนี้เขาไม่ทำตามใจตนเองตอนอยู่ข้างนอกอีก
หรูเว่ยเสียงยืนตัวตรงอยู่กับที่ เหมือนกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
เขามองตรงไปที่ฉินซี ดวงตาสีเข้มเขียนเต็มไปด้วยคำว่าไม่พอใจ
หรูเว่ยเสียงกล้าที่จะชี้ขาดว่ามือสังหารที่อยู่ในห้องนี้คือฉินซี แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าตนพูดความจริง
เขาได้เพียงถูกหลูจื๋อหลินบังคับให้เดินไปตรงหน้าฉินซี เอ่ยปากเสียงต่ำ “ขอโทษครับคุณฉิน เมื่อกี้ผมจำคนผิด หวังว่าคุณจะให้อภัยในความผิดพลาดของผม”
หรูเว่ยเสียงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง มองไปที่เธอด้วยสายตาแผดเผา เขียนเต็มไปด้วยคำว่าไม่เต็มใจ
คำขอโทษนี้ของเขาไม่มีความจริงใจอย่างเห็นได้ชัด
ฉินซีมองไปที่ท่าทางที่ไม่พอใจของเขา มุมปากก็โค้งขึ้น “คุณผู้ชายท่านนี้ คุณทำร้ายฉันรุนแรงขนาดนั้น คำขอโทษคำเดียวก็จบเรื่องได้หรอ?”
ดวงตาสีอำพันมีแสงแวบผ่าน เธอพูดอย่างดูถูก มองหรูเว่ยเสียงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
หรูเว่ยเสียงน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นมาทันที เขาเอ่ยถามขึ้น “งั้นคุณจะเอายังไง?”
ฉินซียิ้มแต่ไม่พูดอะไร
ห้องจัดเลี้ยงเงียบลงทันที
ทุกคนกลั้นหายใจ รอคำตอบของฉินซี
ลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงมุมมองไปที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปากของเธอ อารมณ์ก็กลายเป็นมีความสุขขึ้นมาทันที
เขาชอบมองการแสดงออกเล็กๆอย่างมีชัยของฉินซีที่สุด ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่ขโมยปลาได้สำเร็จ
ทุกครั้งที่ฉินซีเผยรอยยิ้มแบบนี้ออกมา คาดการณ์ได้ว่าจะต้องมีคนทุกข์ทรมาน
ฉินซีเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาโดยตลอด เมื่อกี้อยู่ชั้นบนหรูเว่ยเสียงเตะเธอไปหลายครั้ง เป็นธรรมดาที่ตอนนี้เธอจะเอาคืน ไม่เช่นนั้นจะแค้นใจ
ในใจเธอพลิกกลับ ลูบคางแสร้งทำเป็นครุ่นคิด
“อืม…..”
“ให้ฉันคิดอย่างละเอียดหน่อยนะ”
ฉินซีแสดงท่าทางลำบากใจอย่างมาก อันที่จริงในใจคิดไว้อย่างดีแล้วว่าจะลงโทษเขายังไง
“ฉันคิดออกแล้ว!”
ฉินซีพูดขึ้นกะทันหัน ใบหน้าเผยความตื่นเต้นดีใจ
ราวกับว่าเธอหาของเล่นที่น่าสนุกเจอแล้ว พูดพลางยิ้มบางๆ “ในเมื่อเมื่อกี้คุณผู้ชายต้องการที่จะหักมือของฉัน ถ้าอย่างนั้นก็หักมือทั้งสองข้างของคุณ ถือว่าเป็นการขอโทษฉัน”
ฉินซียิ้มแต่ไม่ยิ้ม พูดทีเล่นทีจริง
พูดคำนี้ออกไป ทุกคนต่างก็ถอนลมหายใจเย็นออกมา
พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน ว่าฉินซีจะเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมา ส่งเสียงกระซิบกระซาบทันที
“คุณฉินคนนี้สวยแต่รูปจูบไม่หอมจริงๆ ถึงแม้จะหน้าตาสะสวย แต่วิธีการก็เลวร้ายเกินไป คิดจะหักมือคนอื่น”
หนึ่งในนั้นมีคนพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ชี้ไปที่พฤติกรรมของเธอ
ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอ ได้ยินเธอพูดว่าร้ายฉินซี ก็โต้ตอบด้วยใบหน้าขุ่นเคือง “เธอจะไปเข้าใจอะไร! คุณฉินก็แค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น เมื่อกี้เธอก็เห็นแล้ว เห็นๆอยู่ว่าผู้คุ้มกันคนนั้นคิดจะหักข้อมือของคุณฉิน ตอนนี้เธอยื่นข้อเสนอนี้ก็เพียงแค่ตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น มันเกินไปตรงไหน? ถ้าเป็นเธอ มีคนมารังแกเธอ เธอจะปล่อยให้เขารังแกหรอ?”
หลังจากได้เห็นความงามของฉินซีแล้ว เขาก็กลายเป็นแฟนคลับผู้ซื่อสัตย์ที่สุดของฉินซีไปแล้ว
เขาเอ่ยปากทีละคำ ทำเอาผู้หญิงที่พูดว่าร้ายฉินซีเมื่อกี้พูดอะไรไม่ออก
อันที่จริง ผู้หญิงคนเมื่อกี้เพียงแค่อิจฉาที่ฉินซีมีใบหน้าสวยงามกว่าเธอ ดังนั้นจึงจงใจที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของเธอเสื่อมเสีย
เธอคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นของจริงมากขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องเถียงกับเธออย่างชัดเจน
หญิงสาวรู้ว่าเอาชนะเธอไม่ได้ ได้แต่ปิดปากอุบอิบ
ลู่เซิ่นได้ยินฉินซีพูดแบบนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่ลุ่มหลง
เขาไม่ได้รู้สึกว่าฉินซีทำเกินไป ถ้าเป็นเขาล่ะก็ เขาก็จะตัดสินใจแบบเดียวกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เขาลงมือไม่สะดวก หรูเว่ยเสียงก็คงไม่อยู่บนโลกไปนานแล้ว
ฉินซีไม่สนใจสายตาของคนอื่น เธอมองตรงไปที่หรูเว่ยเสียงแล้วเอ่ยปากถาม “คุณผู้ชาย คุณคิดว่าข้อเสนอของฉันเมื่อกี้เป็นยังไง?”
ขณะที่พูด เธอก็ยกข้อมือของตัวเองขึ้นมา เขย่ามันตรงหน้าของหรูเว่ยเสียง ให้เขาเห็นว่าบาดแผลร้ายแรงแค่ไหน
หรูเว่ยเสียงได้ยินคำนี้ของเธอ ใบหน้าก็ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที
จ้องไปที่ฉินซีอย่างอันตราย ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูด “ผมคิดว่าก็ไม่ยังไง”