หรูเว่ยเสียงสูดหายใจลึก บังคับตัวเองให้ใจเย็นลง
เขาก้มหน้าสบตากับฉินซี สายตาของทั้งสองบรรจบกันกลางอากาศ ปะทะกัน เกิดประกายไฟที่รุนแรง สงครามที่ปราศจากดินปืน ดำเนินไปอย่างไร้รูปร่าง
หรูเว่ยเสียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “คุณฉิน เมื่อกี้ผมได้อธิบายกับคุณแล้ว ผมทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ คนที่มีตัวตนมีฐานะอย่างคุณ ต้องการจะทำให้ผู้คุ้มกันอย่างผมลำบากหรอ?”
เขาจงใจพูดเยินยอฉินซี อยากให้เธอรู้สึกอับอายในตัวเอง
แต่หรูเว่ยเสียงไม่รู้เลยว่าฉินซีไม่เคยสนใจเสียงของคนภายนอก เธอขอแค่ตัวเองมีความสุข
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าของฉินซีก็เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “ใครบอกว่าฉันมีตัวตนมีฐานะ ฉันเป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยนที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศเท่านั้น ครั้งนี้ถูกประธานหลูเชิญมา ก็อยากจะใช้โอกาสที่หาได้ยากนี้ ดูโลกภายนอก กลายเป็นว่ายังไม่ได้เห็นโลกภายนอก ก็เกือบจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”
เธอตบหน้าอกด้วยความกลัว ใบหน้าเผยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ฉินซีถอนหายใจ แล้วพูดต่อ “ฉันรู้ว่าผู้หญิงที่อ่อนแออย่างฉันมาที่เมืองไห่ตัวคนเดียว ไม่มีคนสนับสนุนให้พึ่งพา ถูกรังแกก็เป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไป แต่ว่าฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงที่ยอมจำนนพวกนั้น ในเมื่อไม่มีใครปกป้องฉัน งั้นฉันก็ได้แต่ปกป้องตัวเองแล้ว”
เธอกำมือทั้งคู่แน่น มองไปที่หรูเว่ยเสียงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ท่าทางที่มีเจตจำนงมั่นคงเช่นนี้ ได้รับความโปรดปรานจากผู้คนไม่น้อย
ทุกคนรู้สึกว่าบนตัวฉินซีมีออร่าแตกต่างไปจากผู้คน เธอไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงที่พึ่งพาผู้ชายเพื่อความอยู่รอด
ฉินซีมีความคิดเป็นของตัวเอง อารมณ์นิสัยของเธอเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนในที่นี้ไม่มี
เพราะเอกลักษณ์ของเธอ ถึงได้เปล่งประกาย
หรูเว่ยเสียงสบตากับดวงตาสีอำพันของเธอ ในใจมีความว้าวุ่นเล็กน้อย
หรือว่าฉินซีคิดจะตัดมือทั้งคู่ของเขาจริงๆ?
ถ้าเขาไม่มีมือแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว เพราะว่าหลูจื๋อหลินจะไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ไว้ข้างกายเด็ดขาด
หรูเว่ยเสียงรู้จักคนอย่างหลูจื๋อหลินดี ด้วยเหตุนี้ความหวาดกลัวจึงเกิดขึ้นในใจ
ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวขึ้นมา มองไปที่แสงสลัวที่แวบขึ้นในดวงตาของฉินซี
หลูจื๋อหลินรู้ว่าฉินซีไม่ใช่คนที่ควรไปยั่วยุ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเสนอเงื่อนไขนี้ขึ้นมา
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่น่าอึดอัด พูดเสียงต่ำ “คุณฉิน ผมรู้ว่าเรื่องในวันนี้ทั้งหมดเขาทำไม่ถูก หนึ่งในนั้นผมก็เป็นสาเหตุ เพราะผมไม่ได้ดูแลลูกน้องของผมให้ดี หวังว่าคุณฉินจะเป็นคนใจกว้าง ให้อภัยเขาซักครั้งไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขา”
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องวุ่นวายจนจัดการไม่ได้ หลูจื๋อหลินจึงเอ่ยปากช่วยพูดให้หรูเว่ยเสียงสองสามคำ
ตอนนี้มือสังหารรอบตัวมีมากมาย มักจะมีคนมาเอาชีวิตของเขา หลูจื๋อหลินยังต้องพึ่งหรูเว่ยเสียงให้คอยปกป้องอยู่ข้างกายเขา
ถ้าไม่มีหรูเว่ยเสียงแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าเขาเสียผู้ช่วยที่แข็งแกร่งไป
ให้หรูเว่ยเสียงตัดแขนตัวเองเพื่อผู้หญิงคนเดียว เขาไม่ยินยอมเด็ดขาด
หลูจื๋อหลินเอ่ยปากพูดต่อ “ถ้าคุณฉินยังโกรธอยู่ ผมจะชดเชยให้คุณด้วยวิธีอื่น ถ้าหากคุณจะต้องตัดมือเท้าของคนอื่นให้ได้ถึงจะหายกัน งั้นก็ให้ผมมาแทนเขาเถอะ ถึงอย่างไรหรูเว่ยเสียงก็เป็นลูกน้องของผม ผมสั่งสอนเขาไม่ดีเอง”
เขาแสร้งทำเป็นตำหนิตัวเอง ก้มหัวลงใบหน้าเผยความละอายใจ
ท่าทางของหลูจื๋อหลินจริงใจขนาดนั้น แต่ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยการบีบบังคับ
เขากำลังบังคับให้ฉินซีตัดสินใจ ถ้าตอนนี้ฉินซียังจะตัดข้อมือของหลูจื๋อหลิน นั่นก็จะดูเกินเลยเกินไปแล้ว
เคล็ดลับนี้ใช้ความฉลาดสูง ฉินซีปรบมือให้เขาในใจ
วิธีนี้ของหลูจื๋อหลิน ไม่เพียงแต่ขจัดความคิดของเธอที่จะลงโทษหรูเว่ยเสียง แต่ยังสร้างชื่อเสียงที่ดีในการดูแลลูกน้องต่อหน้าผู้คน อย่างไร้รูปร่างด้วย
เมื่อได้ยินผู้คนเริ่มกระซิบกระซาบยกย่องหลูจื๋อหลินว่าเป็นคนเมตตาอ่อนโยน ดวงตาสีเข้มของฉินซีก็มีความเย้ยหยันแวบผ่าน
ถ้าหลูจื๋อหลินยังนับว่าเป็นคนเมตตาอ่อนโยน งั้นบนโลกนี้ก็ไม่มีคนเลวแล้ว
เรื่องที่เขาเคยทำมา ร้ายกาจยิ่งกว่านักโทษประหารในเรือนจำเป็นหมื่นเท่า
คิดถึงตรงนี้ ความเยาะเย้ยในแววตาของฉินซีก็เปลี่ยนเป็นความรังเกียจ
ภายใต้การเฝ้ามองของผู้คน เธอไม่อาจไม่แย้มรอยยิ้มบางๆได้ “ประธานหลู เมื่อกี้ฉันเพียงแค่หยอกผู้คุ้มกันของคุณเล่นเท่านั้น คุณจะประหม่าไปทำไม? คุณคงไม่คิดว่าฉันจะใช้วิธีการที่โหดร้ายแบบนี้มาจัดการเขาหรอกนะ?”
ฉินซีพูดด้วยรอยยิ้มที่สว่างไสว ทำให้สายตาของผู้คนพร่ามัว
เสียงของเธอชัดเจนรื่นหูราวกับเสียงกระดิ่ง ทำให้ผู้คนต่างคิดไปโดยไม่รู้ตัวว่าเธอเป็นเพียงเด็กสาวน่ารักบริสุทธิ์ ไม่มีการคุกคามใดๆ
มีแค่หรูเว่ยเสียงที่มองออกว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มมีบุคลิกที่อันตรายซ่อนอยู่
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่มีทางพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้ ได้แต่ยืนอยู่กับที่ รับความเมตตาจากฉินซี
“ประธานหลู คุณวางใจเถอะ ฉันไม่เหมือนกับคนใจไม้ไส้ระกำพวกนั้น แม้ว่าลูกน้องของคุณทำให้ฉันบาดเจ็บ แต่ฉันก็ไม่อาจเฝ้ามองเขาทำลายชีวิตแบบนี้ได้”
ฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ระหว่างคิ้วตาเต็มไปด้วยอ่อนโยน
ได้ยินเธอพูดแบบนี้ หลูจื๋อหลินก็ถอนหายใจยาวในใจ
เมื่อกี้เขาเกือบจะจริงจังแล้ว ยังนึกว่าฉินซีเป็นตัวละครที่ไม่ควรไปยั่วยุ
ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะกังวลมากไป ฉินซีเป็นเพียงแค่เด็กสาวเท่านั้น แม้จะเย็นชานิดหน่อย แต่ไม่ได้มีใจคิดร้ายอะไร
คิดถึงตรงนี้ หลูจื๋อหลินก็ชื่นชอบฉินซีมากขึ้นนิดหน่อย
สามารถที่จะรักษาความสงบในสถานการณ์เช่นนี้ได้ กระทั่งรู้ว่าควรใช้วิธีการไหนมาปกป้องตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ฉินซีไม่ลนลานเมื่อเจอเรื่องอันตราย ทั้งยังโต้ตอบอย่างสงบเป็นธรรมชาติ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าหัวใจของเธอแข็งแกร่งเพียงใด
เป็นครั้งแรกที่หลูจื๋อหลินไม่ได้ชื่นชมเธอเพราะรูปร่างหน้าตา ที่เขาเลื่อมใสคือจิตวิญญาณและความตั้งใจของฉินซี
ยิ่งสัมผัสมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าฉินซีไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น
เธอดูเหมือนมีความลับมากมาย เช่นเดียวกับหมอกที่ต้องเดินเข้าไปแล้วถึงจะค้นพบได้ทีละน้อย
หลังจากเปิดหีบสมบัติทีละอัน ล้วนแต่ทำให้เขาตื่นเต้นดีใจ
บนใบหน้าจริงจังของหลูจื๋อหลิน ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มขึ้น “คุณฉินเป็นคนจิตใจดีจริงๆ แกยังไม่รีบขอบคุณความเมตตาของคุณฉินอีก”
เขาเหลือบมองไปที่หรูเว่ยเสียง บ่งบอกให้เขารีบก้าวไปข้างหน้า แก้ไขเรื่องนี้ หยุดสร้างปัญหาต่อได้แล้ว
หรูเว่ยเสียงรู้ว่ารอบนี้เขาแพ้
ด้วยความทำอะไรไม่ได้ เขาได้เพียงเดินไปตรงหน้าฉินซีก้มหัวรับผิด “ขอบคุณคุณฉิน จิตใจกว้างขวาง ยกโทษให้ผมในครั้งนี้”
ฉินซีมองใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ริมฝีปากแดงก็ขยับ “เอาเถอะ นายก็ไม่ต้องขอบคุณฉัน”
เธอยกแขนขึ้น หยุดการเคลื่อนไหวของหรูเว่ยเสียง