หลูจื๋อหลินจะมานั่งรอความตายที่นี่ทำไม จะโง่เกินไปหรือเปล่า
เส้นทางที่หลอจี่หอางเดินผ่านมามีมากกว่าพวกเขา คดีที่สืบสวนก็มากกว่า
สาเหตุที่หลูจื๋อหลินไม่ได้หนี หนึ่งเพราะเขาคิดวิธีไว้แล้ว ว่าจะรับมือตำรวจยังไง
เขาเชื่อมั่นในความรู้สึกตัวเองมาก ตนสามารถหลบการติดตามของตำรวจได้ อยู่ที่เมืองไห่พัฒนาต่อไป
สองคือ เพราะหลูจื๋อหลินเองก็ไม่คิดว่า จดหมายรายงานนิรนามฉบับนี้จะตกอยู่ในมือของตำรวจอย่างรวดเร็ว เขาคิดที่จะโอนทรัพย์สินทั้งหมดออกไปภายในหนึ่งวันมันเร่งรีบเกินไป
หลูจื๋อหลินทนไม่ได้ที่จะสละทรัพย์สมบัติขนาดนั้น ดังนั้นจึงยอมเสี่ยง อยากจะรอให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไป ค่อยคิดหาวิธีออกจากเมืองไห่
ข้างต้น เป็นเพียงการคาดการณ์ของหลอจี่หอาง ตามประสบการณ์การทำคดีมาหลายปีเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ หลอจี่หอางก็ไม่รู้แล้ว
ถ้าหลูจื๋อหลินสามารถอ่านใจได้ จะต้องประหลาดใจมาก
เพราะที่หลอจี่หอางคาดเดาไว้นั้นแม่นยำมาก เขาวิเคราะห์ความคิดของเขาออกมาอย่างชัดเจนไม่ขาดตกบกพร่องได้อย่างไร ช่างน่ากลัวเสียจริง
หลอจี่หอางมองเขาด้วยสายตาที่แผดเผา ไม่ได้ปล่อยวางความระแวดระวังในตัวเขา เพราะคำพูดนั้นของเขาเลย “ดูท่า ประธานหลูเองก็เป็นคนที่มีความรู้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ขอเชิญคุณไปที่สถานีตำรวจกับเราด้วย อย่าให้ผมกับลูกน้องต้องลำบาก”
เขาพูดแผ่วเบา ยกยอหลูจื๋อหลิน
หลูจื๋อหลินในตอนนี้แม้ว่าจะไม่อยากไป ในฉากแบบนี้ ก็ต้องคล้อยตาม ได้แต่ไปกับหลอจี่หอาง แต่เขาได้คิดวิธีรับมือไว้แล้ว
หลูจื๋อหลินปิดประตูห้องลงอย่างไม่รีบไม่ร้อน “โอเค ผมต้องให้ความร่วมมือเป็นธรรมดา งั้นตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ สายๆผมต้องกลับไปทำงานอีก”
เขาไม่รู้ว่า เขาไปในครั้งนี้ คิดจะออกมา ก็เป็นเรื่องยากแล้ว
……
ในองค์กร ที่ห้องหนังสือ
ฉินซีได้ยินข่าวว่าหลูจื๋อหลินถูกตำรวจพาตัวไปแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง
ถ้าไม่ใช่เพื่อปฏิบัติภารกิจ ตอนนี้หลูจื๋อหลินก็ถูกเธอทุบตีจนหน้าช้ำจมูกบวมไปนานแล้ว
ใครให้หลูจื๋อหลินถ้ำมองเธอตลอดเวลา คิดจะลงมือกับเธอ
แค่อาศัยที่เขาเป็นตาแก่หน้าตาน่าเกลียด ก็คู่ควรกับเธอ?
ฉินซียกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย อันที่จริงหลูจื๋อหลินก็ไม่ได้หน้าตาดูไม่ได้ กลับกัน ด้วยอายุของเขา สามารถรักษารูปลักษณ์แบบนี้ได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว
บนใบหน้าหลูจื๋อหลินดูเป็นชายรุ่นใหญ่ที่มีอารมณ์ขันแบบผู้ใหญ่ สาวน้อยมากมายต่างชื่นชอบคนประเภทที่ทำให้เจ็บปวด แล้วยังมีเงิน
แต่ว่า สิ่งของอย่างเงิน ฉินซีมีอยู่แล้ว เธอสามารถเลี้ยงตัวเองได้
ที่ฉินซีต้องการคือรักแท้ แล้วก็หน้าตากับรูปร่าง ลู่เซิ่นห่างไกลจากหลูจื๋อหลินตั้งไม่รู้เท่าไหร่
โดยเฉพาะอายุ หลูจื๋อหลินเป็นพ่อเธอได้แล้ว เป็นธรรมดาที่ฉินซีจะไม่สนใจ
จ้านเซินมองรอยยิ้มตรงมุมปากของเธอ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ฉินซี เธอเป็นอะไร?”
เขาไม่รู้เลยว่าหลูจื๋อหลินซ่อนความคิดสกปรกที่มีต่อฉินซีไว้ ถ้าหากเขารู้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะให้อภัยเขาง่ายดายแบบนี้
ฉินซีได้ยินเสียงของเขา ก็ได้สติกลับมา ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
เธอเอ่ยปากเบาๆ “ภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นก็ดีแล้ว ฉันก็นับว่าไม่เนรคุณต่อความไว้วางใจที่นายกับองค์กรมีต่อฉัน”
ฉินซีนั่งสงบนิ่งอยู่บนโซฟา ดูแล้วสงบยิ่งกว่าตอนที่เข้าองค์กรครั้งแรกไม่น้อยเลย
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ทำให้จ้านเซินมีความสุขมาก
จ้านเซินมองใบหน้าที่ขาวนวลของเธอ ขยับริมฝีปากบาง “อืม ภารกิจครั้งนี้ เธอทำได้ดีมาก บอกซิ เธออยากได้ของขวัญอะไร ถือว่าเป็นรางวัล”
อันที่จริง นี่เป็นแค่สิ่งที่ทุกคนควรทำเท่านั้น
แต่ว่า เพราะจ้านเซินชอบฉินซี ดังนั้นจึงปฏิบัติกับเธอเป็นพิเศษ
ฉินซีขมวดคิ้ว “นี่เป็นแค่หน้าที่ที่ฉันควรทำเท่านั้น จ้านเซินนายไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับฉันเป็นพิเศษ ถ้านายทำกับฉันแบบนี้ คนในองค์จะมองฉันยังไง นายจะให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ในองค์กรต่อไปยังไง นายก็รู้ ฉันเกลียดสายตาแปลกๆแบบนั้น”
ริมฝีปากบางขยับ เธอพูดทีละคำ น้ำเสียงจริงจัง
ฉินซีมองตรงไปที่จ้านเซิน แสดงความมุ่งมั่นของตนอย่างไม่ลดละ
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาถึงองค์กร ที่ฉินซีใช้น้ำเสียงหนักแน่นพูดกับจ้านเซิน
แต่จ้านเซินนอกจากในตอนแรกแล้ว ใบหน้ามีความมืดมนเล็กน้อย จากนั้นจู่ๆก็เผยรอยยิ้มจางๆ การเปลี่ยนแปลงที่แปลกเป็นพิเศษนี้ ทั้งหมดมาจากประโยคครึ่งหลังที่ฉินซีพูดเมื่อกี้
จ้านเซินฟังออกจากปากของเธอ ว่าฉินซีวางแผนที่จะใช้ชีวิตอยู่ในองค์กรต่อ
งั้นก็พูดได้ว่า เธอลืมลู่เซิ่นไปแล้วใช่ไหม อยากที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องจับตาดูฉินซีอย่างเคร่งครัดอีก
จ้านเซินไม่รู้ว่า นี่เป็นเพียงวิธีการหนึ่งของฉินซีเท่านั้น คิดจะใช้วิธีนี้ ให้จ้านเซินลดการป้องกันในใจ
ความพิเศษที่จ้านเซินมีต่อฉินซี เป็นเรื่องที่ทุกคนในองค์กรรู้อยู่แก่ใจ
แต่ว่า แม้ว่าภายในองค์กรจะมีกฏที่เข้มงวด ก็ยังมีข้อยกเว้น
ทุกคนต่างรู้สึกว่าฉินซีมีวาสนามาก ได้เป็นที่โปรดปรานของจ้านเซิน มีแค่ฉินซีที่รู้สึกว่า นี่เป็นการทรมานอย่างนึง ถ้าทำได้ เธออยากที่จะเอาสิ่งที่เรียกว่า “วาสนา” นี้ส่งให้คนอื่นจริงๆ
ฉินซีมองเขาด้วยแววตาแผดเผา เห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่หาได้ยากบนในหน้าจ้านเซินอย่างชัดเจน ในใจเผยความยินดี บนใบหน้ากลับยังคงเผชิญหน้ากับเขาอย่างจริงจัง
เธอรู้ คำพูดเมื่อกี้ของเธอ ทำให้ก้นบึ้งในหัวใจของจ้านเซินเกิดคลื่น และเริ่มทำงาน
จ้านเซินสบตากับดวงตาสีเข้มคู่นั้นของเธอ เห็นความมุ่งมั่นในแววตาของเธออย่างชัดเจน จึงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นก็ได้ ในเมื่อเธอพูดแบบนี้ งั้นก็แล้วแต่เธอ”
ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่จะผ่อนคลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินซี ไม่อยากบีบบังคับเธอจนแน่นเกินไป
ตราบใดที่ฉินซียังอยู่ในองค์กรอย่างปลอดภัย อยู่ข้างกายเขา จ้านเซินก็ปล่อยวางได้อย่างเหมาะสม
ฉินซีสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าช่วงนี้ จ้านเซินกำลังประนีประนอมทีละน้อย
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ทำให้ฉินมีความสุขมาก
เธอรู้สึกว่า ระยะห่างที่เธอจะได้อยู่กับลู่เซิ่น ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาอีกขั้นแล้ว
เธอไม่อยากอยู่ในองค์กรต่อไป แม้ว่าพึ่งจะเจอกันผ่านไปยังไม่ถึงวัน แต่ว่าฉินซีเริ่มคิดถึงลู่เซิ่นแล้ว
ฉินซีอยากที่จะหาโอกาศเจอลู่เซิ่นในครั้งต่อไปจนแทบรอไม่ไหว
เธอแสร้งทำทีสงบนิ่ง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกจ้านเซินเห็นความน่าสงสัย
จ้านเซินขมวดคิ้ว “เธอพึ่งจะกลับมา ไม่พักผ่อนซักสองสามวันหรอ? ฉันวางแผนให้เธอรับภารกิจเดือนหน้า”
เขาบอกความคิดของตนต่อฉินซี สีหน้าของฉินซีเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที