แม้ว่าทั้งคู่จะตกลงกันอย่างลับๆ คนที่รู้เรื่องไม่มากนัก แต่ก็ได้จดทะเบียนกันแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรลู่เซิ่นก็เสียใจ ที่ไม่ได้จัดงานแต่งที่ใหญ่โตให้กับฉินซี
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจัดให้กับเธอ แต่เป็นเพราะจ้านเซิน ฉินซีไม่กล้าอุกอาจ
คุณปู่เช่เผยสีหน้าแห่งความเกรี้ยวโกรธ “แกหลอกล่อฉินซีไปแล้ว ยังไม่มาบอกกับฉัน แถมยังไม่ได้เชื้อเชิญฉันไปงานแต่งอีก”
เขาจับจ้องลู่เซิ่น ด้วยความโกรธที่ปะทุ
คุณปู่เช่โกรธขึ้นมาจริงๆ เขาทำทีท่าหยิบท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา คิดที่จะทำร้ายร่างกายเขา
ลู่เซิ่นไม่คิดเลย ว่าพูดคุยอยู่ดีๆ เขาจะลงมือใช้ความรุนแรงเสียอย่างนั้น ช้าไปก้าว เขาไม่ทันได้หลบ
ในขณะที่เขาคิดว่าต้องเจอดีแน่ ฉินซีพุ่งเข้ามากะทันหัน
เธอจับจ้องเหตุการณ์ด้วยความตระหนก “คุณปู่เช่ หยุดก่อน!”
ฉินซีตะโกนเสียงดัง ดวงตาอำพันประกายแววแห่งความกังวล
ทำไมพูดคุยอยู่ดีๆ ถึงได้ใช้ความรุนแรงเสียได้
ฉินซีรีบเข้ามาห้ามเอาไว้ พลันแย่งไม่กวาดมาจากมือของคุณปู่เช่
เมื่อคุณปู่เช่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เขานิ่งไป
เพราะความลังเลในชั่วพริบตา ดูถูกฉินซีคว้าอาวุธมาไว้ได้
คุณปู่เช่จับจ้องเธอนิ่ง ดวงตาสีขุ่นประกายหยดน้ำตา “นางเด็กบ้า ปีนี้มานี้เธอไปอยู่ที่ไหนมา!ไม่รู้จักกลับมาเยี่ยมฉันบ้าง มีผู้ชายคนนี้แล้วลืมฉันไปเลยใช่ไหม!”
เขากล่าวด้วยความเสียใจ สายตาที่จับจ้องฉินซีเต็มไปด้วยความถือโทษ
ฉินซีสบสายตาของเขา พลันรู้สึกผิดขึ้นมา “ขอโทษ คุณปู่ เป็นความผิดของฉันเอง”
อันที่จริง ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากกลับมา เพียงแต่ระหว่างนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ฉินซีถูกรั้งเอาไว้
ลู่เซิ่นเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงรีบกล่าว “ปู่ครับ ไม่ใช่เพราะไม่อยากกลับมาเยี่ยมท่าน เพียงแต่สองปีนี้ฉินซีความจำเสื่อม ลืมเรื่องราวในอดีตไป จึงไม่ได้กลับมา”
เขาไม่ได้ที่จะแก้ตัวให้กับฉินซี เขาไม่ต้องการที่จะให้ฉินซีและคุณปู่เช่ต้องผิดใจกัน
คุณปู่เช่นิ่งแข็ง ขมวดคิ้วแน่น “ความจำเสื่อม?”
เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ เขาคิดว่าเพราะโลกภายนอกช่างน่าดึงดูด ทำให้ฉินซีเสียคน จนลืมเขาไปแล้ว
ก่อนหน้านี้คุณปู่เช่เองก็เคยคิดที่จะลงจากเขาไปตามหาฉินซี แต่เมื่อคิดได้ว่าทั้งคู่เพียงแค่ได้พบกันเพราะความบังเอิญ หลังจากนั้นฉินซีมีใจกตัญญู มักจะหาเวลามาเยี่ยมเขาอยู่เสมอ เพราะงั้นเขาจึงมองฉินซีเป็นหลานสาวแท้ๆ
ตอนนี้เมื่อฉินซีไม่มาแล้ว ก็เท่ากับว่าวาสนาของทั้งคู่ได้สิ่นสุดกันแล้ว
เพราะงั้น สองปีมานี้คุณปู่เช่จึงอาศัยอยู่บนเขานี้คนเดียว แต่ในใจเขาก็ยังคงนึกถึงฉินซีอยู่เสมอ
ลู่เซิ่นพยักหน้ารับ “เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้ฉินซีเสียความทรงจำ เพราะงั้นเธอไม่ได้ตั้งใจไม่มาหาท่าน อย่าโกรธไปเลย”
จากไม่ใช่เพราะฉินซีได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว ชาตินี้คุณปู่เช่คงไม่ได้พบกับฉินซีอีก
คุณปู่เช่สีหน้าจริงจัง พลันกล่าวถาม “นี่มันเรื่องอะไรกัน!แกเป็นสามีของฉินซีไม่ใช่หรือไง แกดูแลเธอยังไง”
เขาจับจ้องลู่เซิ่นด้วยสายตาประกาย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ
ปู่เช่รู้สึกว่า ลู่เซิ่นไร้ความเป็นผู้นำแม้แต่น้อย เป็นลูกผู้ชาย แม้แต่ภรรยาของตนเองยังดูแลไม่ดี จะมีประโยชน์อะไร
ฉินซีไม่ต้องการให้เขาเข้าใจลู่เซิ่นผิด “คุณปู่คะ ฉันได้พบกับลู่เซิ่นหลังจากที่ความจำเสื่อม เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา เขาเสียสละทำเพื่อฉันมามาก”
เธอยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างลู่เซิ่นและปู่เช่ เพื้อไม่ให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน
คุณปู่เช่มองออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ธรรมดา เพราะงั้นเขาได้แต่ถอนหายใจยาว “พอได้แล้ว พวกเธอสองคนเข้าไปด้านในก่อนสิ เล่าให้ฉันฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เขากล่าว พรางวางไม้กวาดลง เดินเข้าไปที่กระท่อม
ฉินซีและลู่เซิ่นต่างจ้องหน้ากันก่อนที่จะเดินตามเข้าไปติดๆ
คุณปู่เช่นั่งลงบนเก้าอี้ผู้นำในห้องโถง จับจ้องทั้งคู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ฉินซีเดินเข้าไป กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปู่ลู่เซิ่นบาดเจ็บ ช่วยเขารักษาได้หรือไม่ ปู่อยากรู้อะไร ฉันจะพูดความจริงทั้งหมด”
ดวงตาอำพันสายแววความห่วงใย เธอเกรงว่าหากเสียเวลาไปมากกว่านี้ อาการของลู่เซิ่นจะแย่เข้าไปใหญ่
หลังจากที่คุณปู่เช่เข้าใกล้ลู่เซิ่น ก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง
แต่ผ่านไปนานขนาดนี้ เขากลับไม่ได้ยินลู่เซิ่นเอ่ยปากขอความช่วยเหลือแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าไอ้หมอนี่ใช้ได้เลย ปฏิกิริยาของคุณปู่เช่ดีกับเขาขึ้นมาบ้าง
เขาแสร้งกล่าวด้วยความเย็นชา “ไปนั่งบนเตียงก่อน ฉันจะไปเตรียมของแล้วจะรีบตามไป”
จบคำคุณปู่เช่เดินออกจากห้องอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉินซีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใบหน้าที่ขาวซีดเริ่มเผยรอยยิ้มจางๆ “ลู่เซิ่น วิชาแพทย์ของคุณปู่เช่ดีมาก นายไม่ต้องกังวล ฉันจะประคองนายไปนั่งตรงนั้น”
ทีแรกอาการของเขาแย่กว่าลู่เซิ่นเป็นไหนๆ ภายใต้การรักษาของคุณปู่ เช่เธอหายดีเป็นปกติ
เธอเชื่อว่าครั้งนี้ลู่เซิ่นเองก็จะปลอดภัยเช่นเดียวกัน
ลู่เซิ่นเชื่อใจในตัวฉินซีอยู่แล้ว เขาพยักหน้ารับ “ผมดูออก วางใจเถอะ ผมจะอาศัยอยู่กับคุณปู่เช่อย่างดี”
เซนส์ของเขาแรงกล้ามาโดยตลอด เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน การที่คุณปู่ เช่ไม่พอใจในตัวเขา เป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเขาไม่ดีต่อฉินซี
คุณปู่เช่รักและเอ็นดูฉินซีมาก ไม่เช่นนั้นเมื่อสักครู่คงจะไม่มีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนั้น
“อืมอืม”
เมื่อได้รับการยืนยันจากลู่เซิ่น ฉินซีถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
สิ่งที่เธอไม่อยากเห็น คือการฆ่าล้างกันเอง
ฉินซีประคองลู่เซิ่นให้นั่งลงบนเตียง คุณปู่เช่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง
เขาอายุเจ็ดสิบปีแล้ว แต่ร่างกายยังไงแข็งแรง ไม่แพ้ชายวัยรุ่นอายุยี่สิบกว่าเลยแม้แต่น้อย
หากมองจากภายนอก คนรอบกายดูไม่ออกเลยว่าเขามากถึงขนาดนี้แล้ว
ลู่เซิ่นจับจ้องคุณปู่เช่ที่ดูราวกับวัยรุ่นไม่แก่เฒ่า เขาอยากจะรู้เสียจริงว่าคุณปู่เช่ใช้เคล็ดลับอะไรกันแน่
“ถอดเสื้อผ้าออก”
คุณปู่เช่กล่าวอย่างเคร่งครัด
ลู่เซิ่นไม่กล้าล่าช้า เขาถอดผ้าพันแผลออก เปิดรอยแผล
ขณะที่เขาถอดอยู่ ก็นึกถึงฉินซีที่อยู่ด้วย เพราะงั้นเขาจึงหยุดชะงัก
ลู่เซิ่นขมวดคิ้วหันไปที่เธอ “ฉินซี เธอลองไปก่อนไหม”
เขาไม่อยากให้ฉินซีได้เห็นบาดแผลของเขา เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วงไปมากกว่านี้
แต่ฉินซีกลับยืนกรานที่จะอยู่ “ไม่ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่กับคุณ อย่าไล่ฉันออกไปเลย!”
เธอกล่าวอย่างมุ่งมั่น ดวงตาอำพันประกายแววแห่งความตั้งใจ
ฉินซีเข้าใจดี ว่าเหตุใดลู่เซิ่นถึงได้บอกให้เธอออกไปในเวลานี้
เธอสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หลีกเลี่ยงด้วยตนเอง แต่เธอไม่อยากเป็นคนขี้ขลาด