ลู่เซิ่นหัวเราะอย่างไร้หนทาง เหมือนกับเด็กชราเข้าไปทุกที
บางทีอาจเพราะคุณปู่เช่อาศัยอยู่บนเขามาโดยตลอด เพราะงั้นจิตใจของเขาจึงร่าเริงมากกว่าเหล่าผู้สุเอายุในเมือง คุยกับเขาก็ไม่ต้องมีพิธีอะไรมากมาย
คุณปู่เช่พยักหน้า “มีเหตุผล ฉินซีเป็นหลานสาวของฉัน เธอก็ต้องฉลาดเหมือนฉันอยู่แล้ว”
เมื่อพูดถึงฉินซี ใบหน้าของคุณปู่เช่เผยรอยยิ้มแห่งความรักใคร่เอ็นดู
ตอนนี้ลู่เซิ่นอยากจะพูดประโยคหนึ่งว่า คุณปู่เช่ ท่านและฉินซีไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่อกัน ความฉลาดของเธอจะได้มาจากท่านได้ยังไง
แต่ เพื่อหลีกเลี่ยงคุณปู่เช่วางยาพิษใส่เขา ลู่เซิ่นจึงปิดปากเงียบอย่างว่าง่าย
ลู่เซิ่นเผยรอยยิ้มพลางให้ความร่วมมือ “ใช่แล้ว คุณปู่เช่พูดไม่ผิดหรอก”
คนสูงอายุมักจะชอบการถูกเอาไว้ คุณปู่เช่เองก็ไม่ยกเว้น
ภายใต้ความร่วมมืออย่างมีความอดทนของลู่เซิ่น ความเกลียดชังต่อลู่เซิ่นของปู่เช่เองก็น้อยลงบ้าง
คุณปู่เช่หยิบไว้ที่ถูกขัดจนเรียบออกมา งัดเอายาออกมาจากขวด ทาลงที่บาดแผลของลู่เซิ่นอย่างเบามือ
“ซี๊ด…..”
ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเผยความประหลาดใจ
เมื่อใส่ยาบนบาดแผลของเขา มีความรู้สึกแสบจี๊ด
ลู่เซิ่นสูดลมหายใจเข้าอย่างสุดทน ยากที่จะทนอยู่ได้ เม็ดเหงื่อไหลผุดบนหน้าผาก
ปู่เช่จ้องมองทีท่ากัดฟันสู้ของเขา พลันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ทนหน่อย ยานี่จะเจ็บสักหน่อย แต่อีกเดี๋ยว ก็จะรู้สึกดีเอง”
เป็นไปตามคาด หลังห้านาทีผ่านไป ความเจ็บแสบค่อยๆ ลดลง ตรงข้ามกลับรู้สึกเย็น สบายมาก
“ปู่ครับ ในนี้ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?”
ลู่เซิ่นอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
ปู่เช่ช่วยเขาทายา พรางตอบคำถามไปด้วย “ในนี้มีตัวยาทั้งหมดนับร้อยชนิด ต่างก็เป็นของวิเศษที่เอาไว้รักษาบาดแผลภายนอกทั้งนั้น ขวดแค่นี้ฉันลงแรงไปนับสิบปี วันนี้แกช่างโชคดีจริงๆ”
เขาบ่นอุบอย่างเสียดายของ “หากไม่เห็นแก่ที่แกเป็นสามีของฉินซีละก็ ฉันไม่มีทางให้แกได้ใช้ของดีขนาดนี้หรอก แกต้องดีต่อเธอให้มาก หากวันหนึ่งแกดูแลหลานสาวของฉันไม่ดี ฉันจะตัดขาของแก หั่นแกเป็นชิ้นๆ”
ปู่เช่ข่มขู่ด้วยความดุดัน เขายิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ เสมือนกับว่าได้เห็นเหตุการณ์ก่อนล่วงหน้า
เขาเพิ่มกำลังแรงอย่าอดไม่ได้ ลู่เซิ่นเจ็บจนหลังตรงขึ้นมาในทันใด
ลู่เซิ่นเกรงว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป คุณปู่เช่จะฆ่าเขาทิ้งเสียก่อน จึงรีบกล่าว “คุณปู่ ผมสาบานว่าผมจะดีต่อฉินซี ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง”
เขากล่าวด้วยความหนักแน่น อย่างจริงใจ
เมื่อคุณปู่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น สีหน้าถึงได้ผ่อนคลายลงมาบ้าง
เขากล่าวอย่างไม่พอใจ “ฉันจะลองเชื่อแกดูสักครั้ง จำของของตัวเองเอาไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นบนหัวแกมีเทวดาเฝ้ามองอยู่ สิ่งที่แกทำทั้งหมดฟ้าดินเป็นพยาน ในเมื่อสาบานแล้ว ก็จะถูกลงโทษ”
แม้ว่าคุณปู่เช่ จะแข็งแกร่งในปาก แต่การกระทำของเขานั้นอ่อนโยนกว่ามาก
ลู่เซิ่นพยักหน้ารับ กล่าวอย่างให้ความเคารพ “ปู่เช่ ท่านวางใจเถอะ ผมจะจำคำสอนของท่านให้ขึ้นใจ ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อฉินซี ผมจะรักเธอ เคารพเธอ เอ็นดูเธอ ตามใจ เหมือนกับชีวิตของผมเอง”
เขาก้มหน้าลงจ้องมองสายตาของปู่เช่ ดวงตาดำประกายความมุ่งมั่น
แม้ว่าในปกติปู่เช่จะไม่ออกไปไหน แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงหัวใจที่มั่นคงและจริงใจของหนุ่มอายุน้อยตรงหน้า
นาทีนี้ ปู่เช่ทราบซึ้งในหัวใจของลู่เซิ่นเข้าอย่างจัง
ปู่เช่ตบบ่าของเขา ดวงตาอำพันฉายแววแห่งความชื่นชม “ได้ ฉันเชื่อแก”
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมฉินซีถึงได้ชอบผู้ชายคนนี้
เพราะลู่เซิ่นไม่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น แต่ยังอีคิวสูงอีกด้วย
ผู้ชายแบบนี้ มีใครบ้างล่ะที่ไม่ชอบ
ลู่เซิ่นสบสายตาของเขา ในใจเกิดความรู้สึกยินดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขารู้สึกว่าการได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสของฉินซี เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
บรรยากาศของทั้งคู่ดีขึ้นไม่น้อย
ไม่นาน ฉินซียกน้ำร้อนเข้ามา
ฉินซีกล่าวเสียงหวาน “คุณปู่ ฉันต้มน้ำร้อนเสร็จแล้ว มีอะไรให้ฉันทำอีกไหม?”
เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม จับจ้องปู่เช่นิ่ง
ปู่เช่วางผ้าขนหนูลงไปในอ่าง ช่วยลู่เซิ่นเช็ดบริเวณรอบๆ “ไม่เป็นไร พักก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวฉันก็เสร็จแล้ว”
หลังจากที่เช็ดตัวเสร็จ คุณปู่เช่หยิบผ้าก๊อซออกมา ช่วยลู่เซิ่นพันแผล
คุณปู่ เช่ค่อนข้างช่ำชอง ไม่เหมือนกับชายชราเลยแม้แต่น้อย
เขาพันแผลอย่างสวยงาม รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นหมอเก่า
มิน่าเล่าฉินซีถึงบอกว่าเขาเป็นผู้มีวิชาความรู้สูง ลู่เซิ่นนึกทึ่ง
ฉินซีจ้องมองบาดแผลที่ถูกพันเรียบร้อย ด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า “ขอบคุณค่ะปู่”
ลู่เซิ่นเองก็รีบกล่าวขึ้น “ขอบคุณครับปู่”
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะปู่เช่ ตอนนี้เขาอาจจะสลบไปเพราะเสียเลือดมากแล้ว
ปู่เช่จ้องมองทั้งสอง เม้มริมฝีปากแน่น “พอได้แล้ว พวกเธอสองคนอย่ามาเกรงใจกับฉัน ฉันว่าพวกเธอเองก็เหนื่อยแล้ว ฉันจะไปเตรียมอาหาร คืนนี้เราทานอาหารด้วยกัน”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถามรายละเอียดมาก แต่เขาก็รู้สึกได้ ว่าฉินซีและลู่เสี้ยงหยางต้องเผชิญกับความลำบากแน่
ไม่เช่นนั้น บาดแผลแบบนั้นต้องไปหาหมอตั้งแต่แรก จะอุตส่าห์วิ่งมาไกลถึงบนเขาเพื่อมาหาเขาได้อย่างไร
ในเมื่อฉินซีและลู่เซิ่นไม่อยากพูด เขาก็จะไม่พูดมาก
เรื่องจองคนหนุ่มสาว ก็ไม่ใช่เรื่องที่แก่ที่ละโลกอย่างเขาจะเข้าใจได้
ปู่เช่กล่าว พรางเก็บข้างของกลับเข้าที่ วางเอาไว้ที่ตระกร้าสานเช่นเคย ก่อนที่จะถือออกไป
ฉินซีจ้องมองแผ่นหลังของคุณปู่ พลันดวงตาแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
เธอเองก็ไม่รู้ ว่าทำไมช่วงนี้ ถึงได้ร้องไห้บ่อยนัก ช่างดูเล่นตัวเสียเหลือเกิน
แต่ก่อนคนอื่นบอกว่าเธอเป็นคนเลือดเย็น ไม่ค่อยร้องไห้ ตอนนี้เธอเป็นอะไรกันแน่
ลู่เซิ่นรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเธอ จึงขมวดคิ้วแน่น
เขายื่นมือออกไป รั้งฉินซีเข้ามากอด “พอได้แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ลู่เซิ่นค่อยๆ ปาดน้ำตาที่ขอบดวงตาของเธออย่างเบามือ พลันเปลี่ยนเรื่อง “ฉินซี เธอคิดว่าชีวิตในป่าเขาของคุณปู่เป็นยังไง?”
เขากล่าวอย่างหยั่งเชิง อยากจะรู้ว่าฉินซีคิดยังไง
ฉินซีนิ่งไป ความคิดถูกปล่อยออกมา “ฉันว่าดีมากเลย ที่นี่มีภูเขามีลำธาร ตอนที่ฉินซีรักษาตัว ได้อาศัยอยู่กับคุณปู่ช่วงหนึ่ง ฉันว่าดีกว่าในทีมเป็นไหนๆ ที่นี่สงบมากเลย แล้วก็สบายใจ”
ริมฝีปากแดงหนักยกขึ้น เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่ฉันต้องไปจากที่นี่ฉันอาลัยมากเลย ก็เลยบอกปู่ไปว่าจะมาที่นี่อีก”