เพราะถังย่ารักจ้านเซินอย่างหมดใจ เพราะงั้นเธอจึงแคร์จ้านเซิน
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มองผู้ชายที่ตนเองรัก ไปชอบผู้หญิงอื่นได้หรอก ต่อให้เป็นถังย่าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เธออดทนมาตั้งนาน ท้ายที่สุดก็เก็บไม่ไหวอีกต่อไป
“ฉันสั่งให้เธอหยุดพูด ได้ยินไหม!”
จ้านเซินถลึงตาโตด้วยความโมโห จับจ้องเธอนิ่ง สายตาคมกร้าว
หากสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้ถังย่าคงกลายเป็นผงธุลีไปตั้งนานแล้ว
ถังย่าไม่รู้ควรจะอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างไรดี บนใบหน้าของเธอยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยตนเองเช่นเคย ราวกับว่าไม่หวาดหวั่นในความตาย
“จ้านเซิน แน่จริงนายก็ฆ่าฉันเลยสิ! ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่มานานแล้ว ทางที่ดีนายฆ่าฉันซะตอนนี้เลยจะดีกว่า ไม่อยากนั้นฉันจะพูดข้างหูนายไปตลอด”
ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงย่าไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แม้ว่าถังย่าจะไม่อยากมีจุดจบเช่นนี้กับจ้านเซิน แต่เพื่อให้จ้านเซินได้สติ เธอไม่เสียสละไม่ได้
“ดี!ดี!ดี!!”
คำว่า “ดี”สามคำ เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นโทสะของจ้านเซิน
นิ้วมือที่บีบลำคอของถังย่ารัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จ้านเซินจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ กล่าวด้วยความโกรธ
จ้านเซินในตอนนี้ขาดสติอย่างสิ้นเชิง ลืมเรื่องในอดีตทุกอย่าง เขาพร้อมการสังหารคนที่แช่งเขาและศัตรูของฉินซีให้สิ้นซาก
ถังย่ารู้สึกถึงอาการในปอดที่น้อยลงไปทุกที สีหน้าของเธอบวมแดง ราวกับปลาที่ขาดอากาศหายใจ บนใบหน้าเผยความเจ็บปวด
แต่ ต่อให้ถึงเวลาแบบนี้ ถังย่าก็ไม่รู้สึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
ชีวิตนี้เธอทำผิดมามาก บางทีการที่ได้ตายในกำมือของคนที่ตนเองรัก อาจจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุด
ถังย่าเผยรอยยิ้มที่โดดเดี่ยว เธอจ้องมองจ้านเซินเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหลับตาลงช้าๆ ไร้การต่อต้าน เผชิญหน้าต่อความตายอย่างมั่นคง
จ้านเซินจับจ้องรอยยิ้มของเธอ ในใจพลันเจ็บจี๊ดขึ้นมา
ชายหนุ่มค่อยๆ ได้สติกลับคืนมาอย่างช้าๆ จ้านเซินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าเขาบีบคอถังย่าได้อย่างไร
ในขณะที่จ้านเซินคิดที่จะปล่อยถังย่า ซิวหน่ายซิงมาถึงซะก่อน
“นายครับ!”
ซิวหน่ายซิงจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลันวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เขาผลักจ้านเซินออก ช่วยถังย่าออกมาจากจ้านเซิน “นายครับ!นาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตื่นเร็วเข้า อย่าล้อผมเล่นสิครับ!”
ซิวหน่ายซิงจับจ้องถังย่าที่ปิดตาสนิท ด้วยความตื่นตูม
เขาตะโกนเสียงดังลั่น แต่ก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด
ซิวหน่ายซิงตรวจชีพจร ถังย่าขมวดคิ้ว ไออย่างรุนแรง “แค่กแค่ก…..”
เธอลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ลำคอแสบร้อนอย่างรุนแรง
ที่นี่คือ…..
ภาพตรงหน้าจองถังย่าพร่ามัว เวลาอันสั้นเธอแยกไม่ออกว่าภาพตรงหน้าคือความจริงหรือภาพในฝัน
เธอตายแล้วอย่างนั้นหรือ?
รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้าของถังย่า ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ
“นาย!ตื่นแล้วหรือ รู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
ในขณะที่ถังย่าจินตนาการไปต่างๆ นานา น้ำเสียงที่ลนลานดังขึ้นข้างหู
เธอค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่พร่ามัวตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ร้อนใจของซิวหน่ายซิง
“ซิวหน่ายซิง……”
ถังย่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลำคอของเธอเจ็บแสบ
จ้านเซินยืนมองเหตุการณ์อยู่อีกด้าน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก
ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่เขาเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงได้ลงมือกับถังย่า
ซิวหน่ายซิงจับจ้องรอยแดงบนลำคอของเธอ พร้อมกล่าวอย่างสงสาร “นาย อย่าเพิ่งพูดเลย ผมจะไปเอาน้ำมาให้”
เขากล่าว พรางลุกขึ้นยืน
แต่ ซิวหน่ายซิงคิดได้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่ด้านหลัง เขานิ่งไปสักพัก
เขาเปลี่ยนใจกะทันหัน “ช่างเถอะ ผมจะอุ้มนายไปที่รถ บนพื้นสกปรก”
จบประโยค ซิวหน่ายซิงโน้มตัวเองอุ้มถังย่าขึ้น
จ้านเซินที่ยืนมองเหตุการณ์ ด้วยความสับสน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าการกระทำของซิวหน่ายซิงมันหมายความว่ายังไง แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายอย่างไร
ขณะที่ถังย่าถูกช้อนตัวขึ้น ก็ได้เห็นจ้านเซินที่ยืนนิ่งอยู่อีกด้าน
เขาดูสิ้นหวัง โดดเดี่ยว ทำให้ถังย่ารู้สึกเจ็บจี๊ด
ต่อให้เมื่อสักครู่จ้านเซินคิดที่จะเอาชีวิตเขา แต่ถังย่ากลับโกรธเขาไม่ลงเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ในหัวของถังย่าตีกันให้วุ่น เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะเข้าไปปลอบใจชายหนุ่มหรือไม่ บางทีเขาในตอนนี้ อาจจะไม่ต้องการความปลอบใจของเธอ
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ถังน่าจึงก้มหน้าลงอย่าเยาะเย้ยตนเอง
จ้านเซินจับจ้องแผ่นหลังของทั้งคู่ที่จากไป พลันกำหมัดแน่น ดวงตาของเขามีความเจ็บปวดซ่อนอยู่
ซิวหน่ายซิงเปิดประตูรถหลัง ก่อนที่จะวางถังย่าลงอย่างระแวดระวัง “ระวังโดนหัว”
เขากล่าวอย่างอ่อนโยน เขาจ้องมองถังย่าอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร
ซิวหน่ายซิงไม่เข้าใจว่าถังย่าชอบจ้านเซินตรงไหนกันแน่
หากเมื่อสักครู่เขามาช้ากว่านี้สักหน่อย บางทีตอนนี้ถังย่าได้ตายไปแล้ว
ซิวหน่ายซิงเก็บนิสัยขี้เล่นของเขาในปกติ ทีท่าของเขาเคร่งขรึมจริงจัง
ถังย่าถูกวางเข้าไปในรถภายใต้ความดูแลของเขา เธอเสมือนกับตุ๊กตาที่ไร้จิตวิญญาณ นั่งอยู่กับที่นิ่ง ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
ไม่นาน ถังย่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
เธอรู้สึกว่าข้างกายของเธอมีอีกหนึ่งคนเพิ่มขึ้นมา เมื่อหันกลับไปดูก็ได้พบกับจ้านเซิน
ถังย่าหัวใจเต้นโครมขึ้นมา ตอนนี้เธอคาดเดาความคิดของจ้านเซินไม่ได้เลย
ใบหน้าที่ขาวนวลเผยรอยยิ้มแห่้งความเย้ยหยัน เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “นายจะมาฆ่าฉันให้ตายงั้นหรือ?”
น้ำเสียงที่เจ็บปวดของถังย่า ทำให้ซิวหน่ายซิงเจ็บปวดหัวใจ
ซิวหน่ายซิงเดินขึ้นหน้าอย่างเบื่อหน่าย บังสายตาของจ้านเซิน
น้ำเสียงของเขาไร้ความเคารพแต่อย่างใด “หัวหน้า หากนายของผมได้ร่วงเกินท่าน ท่านมาลงที่ผมได้เลย แต่ขอให้ท่านไว้ชีวิตเธอด้วย”
ซิวหน่ายซิงจับจ้องเขา พร้อมสูดหายใจเข้า กล่าวอย่างโกรธเคือง “หลายปีมานี้นายของเราทำประโยชน์เพื่อองค์กรมามาก หวังว่าคุณจะเห็น ความทุ่มเทเสียสละของเธอในองค์กร ทำงานให้กับท่านมาหลายปี อย่าถือสาเธอเลย”
เขารู้สึกไม่คุ้มค่าแทนถังย่า
ในสายตาของซิวหน่ายซิงจ้านเซินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจ เขาไม่เข้าใจความรักแม้แต่น้อย
เพราะงั้นฉินซีถึงได้เกรงกลัวเขา อยากจะหนีไปจากเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ซิวหน่ายซิงแอบด่าในใจอย่างโมโห สมน้ำหน้า
จ้านเซินจับจ้องเขาอย่างเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หลีกไป”
นี่เป็นเรื่องระหว่างเขาและถังย่า เขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามาแทรกทั้งนั้น
ซิวหน่ายซิงยืนอยู่ตรงกลางทั้งสองอย่างสุภาพบุรุษ “หัวหน้า ผมไม่มีทางยอมให้คุณทำร้ายนายของเราต่อไปแน่”
เขากล่าวตอบจ้านเซินอย่างมุ่งมั่น ไร้ความลังเลแม้แต่น้อย
จ้านเซินที่อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น สีหน้าของเขาหม่นหมองมืดมนขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิดเสียอารมณ์