ลู่เซิ่นคิดว่าปู่เช่เพียงแค่ได้วิชาโดยผิวเผินเท่านั้น ไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ไม่คิดเลย ว่าเขาจะเก่งกาจถึงเพียงนี้
นี่สินะปรมาจารย์ที่เลี่ยงทางโลก เหมือนกับอาจารย์ที่ทำหน้ากากหนังคนที่ตอนนั้น
ปู่เช่จ้องมองทั้งสองที่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น พลันเร่งทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พอได้แล้ว เลิกยื้อเวลาได้แล้ว รีบไปหยิบถ้วยมา แล้วมาตัดน้ำซุปซะ”
เขาโบกมือ สั่งให้ฉินซีและลู่เซิ่นเคลื่อนไหว
เมื่อฉินซีเห็นว่าแผนการของเธอพังทลาย พลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เธอเบะปาก หันไปทางลู่เซิ่น
ลู่เซิ่นจ้องมองเธออย่างเอ็นดู ก่อนปลอบใจ “เป็นเด็กดีนะ ยาพวกนี้ดีต่อสุขภาพ ดื่มเข้าไปแล้ว อาการเมื่อสักครู่นี้ก็จะหายดี”
เขาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าแท้ที่จริงแล้วสุขภาพของฉินซีจะย่ำแย่ขนาดนี้
วันนี้หากไม่ใช่ปู่เช่พูดออกมา เขาก็จะไม่รู้เลย
หากในระหว่างหนีเอาชีวิตรอด ฉินซีเป็นอะไรขึ้นมา ลู่เซิ่นจะต้องรู้สึกผิดมากแน่
ฉินซีกล่าวอย่างน่าสงสาร “อาเซิ่น ฉันไม่อยากดื่ม…,.”
เมื่อประโยคนั้นหลุดออก ลู่เซิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
เขาแสร้งทำสีหน้าเคร่งครัด ก้มหน้าลงจ้องฉินซี “ฉินซี ก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่บอกผม ว่าสุขภาพของเธอไม่ดี?”
เมื่อเห็นลู่เซิ่นเริ่มคิดบัญชี ฉินซีว่าง่ายขึ้นไม่น้อย
เธอก้มหน้าลง “ฉันกลัวว่าถ้าฉันบอกนาย นายจะกังวล”
ก่อนหน้านี้ในสถานการณ์แบบนั้น หากพูดออกไป ลู่เซิ่นต้องไปหาเธอที่องค์กรโดยไม่สนใจอะไรแน่
ฉินซีไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับลู่เซิ่น แล้วอีกอย่าง อาการพวกนี้ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่ป่วยเท่านั้น ต่อให้ไม่ทานยา พักผ่อนให้เพียงพอ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นได้
เมื่อคืนนี้ เธออยู่ข้างกายลู่เซิ่น นอนหลับสบายมาก เพียงแต่การหลบหนีตอนเช้า เพราะความตึงเครียด จึงทำให้ปวดหัวนิดหน่อย
อาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเธอ ในสายตาลู่เซิ่นนั้นเป็นเรื่องใหญ่
“ต่อจากนี้ ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน หากเธอไม่ดูแลสุขภาพให้ดี เราจะวิ่งหนีได้ยังไง ถ้าหากอาการกำเริบขึ้นมา ต้องรักษา หากไปหาหมอที่โรงพยาบาล ความพยายามของเราทั้งหมดก็จะสูญเปล่า”
ลู่เซิ่นกล่าว หวังว่าเธอจะเข้าใจ
ความจริงจังของเขา ทำให้ฉินซีเกิดประหลาดใจ
ไม่นาน ฉินซีเลือกที่จะยินยอม
“ได้ ฉันจะฟังนาย”
เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดของการทานยา ฉินซีทนไม่ได้ที่จะแยกออกจากลู่เซิ่นไปอีกหน
เธอไม่อยากจะเมื่อถึงเวลา อุตส่าห์หนีออกมาได้ แต่กลับตกไปอยู่ในเงื้อมมือของจ้านเซินอีก เพราะปัญหาของสุขภาพ จึงไม่กลับไปไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงรู้สึกผิดแย่
ลู่เซิ่นเห็นเธอเศร้าสร้อย จึงลูบหัวเล็กๆ ของเธอแผ่วเบา “โอเค รอเราออกไปแล้ว ผมจะพาไปทานเค้ก ยิ้มหน่อย”
เสียงปลอบใจที่อ่อนโยนของเขา ฉินซีค่อยๆ เผยรอยยิ้มภายใต้การปลอบใจของเขา
ทั้งสองเดินไปหยิบชามอย่างยืดยาด
ปู่เช่ยืนอยู่อีกทาง จ้องมองการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ พลันส่ายหน้า ริมฝีปากหยักยกขึ้น “เป็นไปตามคาดลู่เซิ่นมีวิธีจริงด้วย ให้ฉินซียอมดื่มอย่างเต็มใจ”
เขาถอนหายใจ พลันบ่นด้วยความหึงเล็กน้อย
นึกถึงตอนแรก เขาเพื่อให้ฉินซียอมทานยาแต่โดยดี เขาลงทุนไม่น้อย ภายใต้การล่อลวงและการบีบบังคับ ฉินซีถึงได้ยอมทานยา
ตอนนี้เพราะประโยคไม่กี่คำของลู่เซิ่น ฉินซีก็ว่าง่าย พลังของความรักนี่มันยิ่งใหญ่เสียจริง
……
ไม่นาน
ลู่เซิ่นและฉินซีหยิบชามเข้าไป
ฉินซียื่นถ้วยให้กับปู่เช่ “คุณปู่ อาการของฉันไม่ร้ายแรง ไม่ต้องดิ่มมากขนาดนั้นหรอกใช่ไหม ท่านตักน้อยหน่อย แค่ครึ่งถ้วยก็พอแล้ว”
แต่ให้มาถึงเรื่องแบบนี้ ฉินซีก็ไม่ลืมที่จะต่อรอง
ปู่เช่ถลึงตาใส่เธอ ทีแรกคิดที่จะตักให้เธอน้อยหน่อย ตอนนี้เขาคิดเปลี่ยนใจ “ไม่ได้ ต้องเต็มถ้วย”
เขากล่าว พลันรับถ้วยของฉินซีมาไว้ ตักหนึ่งถ้วยเต็มให้กับเธอ
ฉินซีถือถ้วยเอาไว้ จ้องมองสิ่งสีดำๆ ในถ้วย สูดดมกลิ่นที่รุนแรง ทิ้งน้ำตาแห่งความเศร้าเอาไว้
เมื่อเทียบกับฉินซี แม้ว่าลู่เซิ่นเองก็ไม่อยากดื่ม แต่ก็กล้าหาญกว่าเธอมาก
“คุณปู่เช่ ในนี้คงไม่ได้มีพวกงู มดอะไรแบบนี้จริงๆ หรอกนะ”
เมื่อลู่เซิ่นแหงนหน้า ขณะที่กระดกเท ฉินซีกล่าวอย่างนิ่งเฉย ทำให้ความกล้าหาญที่รวบรวมอย่างยากเย็น พังทลายลง
ลู่เซิ่นจับจ้องน้ำซุปสีดำๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ รูม่านตาขยาย
เมื่อกี้เขาได้ยินอะไร?
งู มด ตะขาบ…..
ทีแรกลู่เซิ่นคิดว่า ในนี้เป็นเพียงนาธรรมดาทั่วไป แต่ไม่คิดเลย ว่าจะมีอะไรมากมายขนาดนี้
เขาหมดความอยากที่จะดื่มต่อทันที แม้แต่อยากจะอ้วกออกมา
ลู่เซิ่นยกถ้วยออก ปฏิเสธด้วยการกระทำ
ปู่เช่ที่แรกเห็นลู่เซิ่นจะดื่มเข้าไปอยู่แล้ว หากอต่ เพียงเพราะประโยคของฉินซี หยุดชะงักลง จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์
“เธอคิดว่าไงล่ะ?”
ปู่เช่ยิ้มมุมปากขึ้น จับจ้องเธอ
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคุณปู่เช่หมายถึงอะไร
คงไม่ได้เป็นเรื่องจริงหรอกนะ
นิสัยของปู่เช่ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้
ของพวกนี้สำหรับปู่เช่ เป็นของธรรมดาที่หอมหวาน
ปู่เช่จับจ้องสีหน้าที่ซีดเซียวของทั้งคู่ จึงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง “โอเค ฉันไม่ล้อพวกเธอแล้ว พวกนี้เป็นเพียงใบยา แม้ว่าสีจะดูน่าเกลียด แต่ไม่ได้ดื่มยากหรอก ไม่ได้เติมอะไรอย่างอื่นด้วย พวกเธอสบายใจได้”
เสียงหัวเราะของเขา ไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำให้ฉินซีและลู่เซิ่นผวา หากแต่ทำให้พวกเขายากที่กลืนมากกว่าเดิม
เมื่อเห็นว่าฉินซีและลู่เซิ่นยังคงลังเล ปู่เช่ขมวดคิ้วแน่น
“ทำไม ไม่เชื่อฉันเหรอ?”
ปู่เช่กล่าวอย่างนิ่งขรึม “เอางี้แล้วกัน ฉันจะดื่มให้พวกเธอดูก่อน”
เขากล่าว พลันเดินไปหยิบถ้วย แหงนหน้าขึ้นกระดก
ปฏิกิริยาที่เด็ดขาดของปู่เช่ ฉินซีและลู่เซิ่นจ้องหน้ากัน
ทั้งคู่เสมือนกับว่าจะไปตายพร้อมกัน ช่างน่าขัน
ปู่เช่เข็ดคราบน้ำซุปที่มุมปาก “ตอนนี้พวกเธอเชื่อที่ฉันพูดได้แล้วใช่ไหม?”
เขาวางถ้วยลงที่อีกด้าน รอคำตอบของฉินซีและลู่เซิ่น
เมื่อเห็นปู่เช่ว่าอย่างนั้นแล้ว ทั้งคู่ได้แต่ยกถ้วยขึ้น
ยืดยาดสู้ทีเดียวจบเลยดีกว่า ดังนั้นฉินซีและลู่เซิ่นจึงเลียนแบบปู่เช่ กระดกเทน้ำสีดำเข้าปากรวดเดียว
ปู่เช่เห็นทีท่าของพวกเขา เกิดดีใจเป็นอย่างมาก
ยานี่ แม้ว่าจะดูไม่น่าทาน ไม่ต่างอะไรกับยาพิษ แต่เมื่อดื่มเข้าไปกลับไม่รู้สึกขม แต่กลับรู้สึกถึงความหวานเล็กน้อย
หลังจากที่ดื่มเข้าไป กลับรู้สึกเย็นสดชื่น ให้ความรู้สึกสบาย
ฉินซีกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ปู่คะ ไอนี่ดื่มไม่ยากเลย”