วินาทีนั้นหัวใจของฉินซี เจ็บปวดราวกับถูกบิด
เรื่องนี้…… ว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของทั้งสองคน เธอไม่สามารถซ่อนอยู่ข้างหลังของลู่เซิ่นได้ รอให้เขาทำให้อย่างสบายใจ
โชคดี….. ลู่เซิ่นไม่มีความคิดไร้สาระที่ผู้ชายเป็นใหญ่แบบนั้น และไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวใจได้
ทั้งสองคนวางปมในใจลงแล้ว บรรยากาศกำลังดี และพวกเขาก็อยู่ใกล้กันมากขึ้น แทบจะประสานหายใจกัน
ฉินซีกะพริบตาช้าๆ ดวงตาของลู่เซิ่นก็ค่อยๆเปลี่ยนความรู้สึกไป และค่อยๆเข้าใกล้เธอ
ขณะที่ริมฝีปากของคนทั้งสองกำลังจะสัมผัสกัน ประตูห้องก็ถูกเคาะในทันใด
ฉินซีถอยหลังตามสัญชาตญาณ
ในดวงตาของลู่เซิ่นปรากฏความไม่พอใจขึ้น และโดยไม่สนใจคนที่เคาะประตู เขาเอื้อมมือออกไปและกดคอของฉินซีไว้
“อย่าไปสนใจเขา……” เสียงของเขาจางหายไประหว่างริมฝีปากและฟันของทั้งสองคน
ฉินซีจับเสื้อที่หน้าอกของลู่เซิ่นด้วยมือทั้งสองข้าง และบอกเธออย่างมีเหตุมีผลว่า คนด้านนอกน่าจะเป็นคนที่โจวเอ้อสั่งให้เอายามาให้ และเรื่องนี้ช้าไม่ได้ แต่สัญชาตญาณของเธอทำให้แรงปฏิเสธของเธอ ไม่สามารถออกแรงได้ ค่อยๆ ดื่มด่ำไปกับจูบของลู่เซิ่น
มีกระจกชิ้นเล็กๆ อยู่ตรงประตูห้อง สามารถเห็นความเคลื่อนไหวภายใน คนด้านนอกประตูก็พอจะเห็นท่าทางของคนสองคนในห้อง จึงไม่ได้เคาะประตูต่อ
ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ลู่เซิ่นเริ่มจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าจะระบายความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการเกลี้ยกล่อมของฉินซี ทั้งหมดระบายลงไปที่ริมฝีปากและลิ้น
คนข้างนอกไม่รู้ว่าเขารอในความเงียบมานานแค่ไหน ในที่สุดประตูห้องก็เปิดจากด้านใน
ฉินซียืนอยู่ที่ประตู ใบหน้าดูเป็นปกติ แต่ริมฝีปากของเขาแดงมาก
คนที่โจวเอ้อส่งมาก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง มองผ่านๆแล้วรีบก้มหน้าลงไม่สบตากับฉินซีอีก เพียงยื่นมือออกมา แล้วหยิบของที่โจ้วเอ้อฝากมาให้ออกมา “เจ้านายให้นำสิ่งนี้มาให้คุณ ใช้ยังไง ใช้เท่าไหร่ รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว”
ฉินซีพยักหน้าอย่างสุภาพ รับของแล้วเดินกลับไปที่ห้อง
เมื่อสักครู่นี้ลู่เซิ่นจูบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกือบจะลุกเป็นไฟ โชคดีที่ฉินซียังคงระแวดระวังว่าที่หน้าต่างบนประตู และด้านนอกมีคนอยู่ ดังนั้นจึงผลักเขาออกไป
ดังนั้นฉินซีจึงเดินไปที่อีกด้านหนึ่งของโซฟาอย่างมีสติและนั่งลง ไม่กล้าเข้าใกล้ลู่เซิ่นอีก
บนหน้าของลู่เซิ่นมีความไม่พอใจ แต่เขาไม่ได้เป็นคนโง่ที่มีความยากขึ้นสมอง เขารู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพลอดรักกัน หายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง และยืนขึ้น เดินไปหาฉินซีแล้วนั่งลงข้างๆ
ฉินซีกำลังก้มหน้าฉีกสิ่งที่โจวเอ้อให้คนนำมาให้
กล่องกระดาษเล็กๆหนึ่งกล่อง ถูกห่ออย่างแน่นหนา ฉินซีใช้ความพยายามเล็กน้อย ถึงแกะกล่องชั้นแรกออกได้
กระดาษแผ่นหนึ่งลอยลงมาจากในกล่อง ลู่เซิ่นเอื้อมมือไปรับมันมา มองดูอย่างตั้งใจ
“ในกล่องมียาอยู่สองเม็ด เมื่อถึงเวลาเพียงแค่แกะพลาสติกที่ห่อออก และโรยผงลงในเครื่องดื่ม ผงสามารถละลายในของเหลวได้ทุกประเภท จะเห็นร่องรอยใดๆ” ลู่เซิ่นดูไปด้วยและพูดไปด้วย “ปริมาณยาที่ต่างกันผลจะไม่ต่างกัน แต่จะทำให้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของยาต่างกัน ถ้าใช้สองเม็ด ผลจะเกิดขึ้นภายในสิบนาที หากลดเหลือเพียงหนึ่งเม็ด ก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง”
ฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จะใช้ปริมาณยาเท่าไหร่………ส่วนนี้จำเป็นต้องพิจารณาก่อน——”
“คืนนี้มู่วี่สิงไม่ตามมาด้วย” ความเข้าใจโดยปริยายระหว่าง ลู่เซิ่นกับฉินซีไม่จำเป็นต้องพูดออกมาหมด เพียงแค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“ถ้าเป็นเช่นนี้…….พวกเราก็จะใช้แค่หนึ่งเม็ด” ฉินซีพูดจบ เงยหน้าขึ้นมองและยิ้มให้ลู่เซิน
สิ่งที่เธออยากจะถามก็คือ คืนนี้มู่วี่สิงอยู่ในบาร์หรือไม่ ถ้ามู่วี่สิงอยู่ที่นั่น ยาที่จะใช้กับเวินจิ้งยิ่งเกิดผลเร็วก็จะยิ่งดี แต่ถ้ามู่วี่สิงไม่อยู่……. พวกเขาจำเป็นต้องควบคุม ปริมาณยา พวกเขาแค่ต้องการสร้างโอกาสสำหรับเวินจิ้งและมู่วี่สิง แต่ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเวินจิ้ง ดังนั้นต้องมั่นใจว่าขณะที่ยาออกฤทธิ์มู่วี่สิงจะอยู่ข้างกายเวินจิ้งทันเวลา
แต่เธอยังไม่ทันพูดออกมา ก็ลู่เซิ่นเข้าใจความหมายของเธอแล้ว
มันเป็นเรื่องของความเข้าใจโดยปริยาย……..ถึงทำให้เธอไม่สามารถแยกออกจากลู่เซิ่นได้
การสื่อสารที่ง่ายดายเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็สามารถทำได้
ลู่เซิ่นพยักหน้าให้ฉินซี “ครึ่งชั่วโมงก็กำลังดี”
ทั้งสองคุยกันอีกสองสามคำ และประตูก็ถูกเคาะอีกครั้ง
คราวนี้คนสองคนตอบรับอย่างรวดเร็ว “เข้ามา”
โจวเอ้อที่เข้ามา
เขาผลักประตูเข้ามา แต่ไม่ได้รีบเดินเข้ามา แค่ยืนมองทั้งสองคนที่หน้าประตู แซวว่า “ครั้งนี้ไม่รีบจูบแล้วหรอ ไม่ยุ่งกับการจูบ?”
ฉินซีขี้อาย รู้สึกเขินเล็กน้อยในสิ่งที่เขาพูด ลู่เซิ่นเอื้อมมือไปโอบกอดฉินซีอย่างมั่นใจ “ทำไม ฉันจูบเมียตัวเองไม่ได้หรอ”
“ได้ๆ คุณทำได้ จะทำอะไรก็ได้” โจวเอ้อยกมือขึ้นแสดงท่ายอมจำนน และสุดท้ายก็เดินเข้าไป เดินไปที่โซฟา มองเห็นสิ่งที่อยู่ในฉินซีถือในมือ จึงหยุดเดินและยกคางขึ้น “เห็นแล้วใช่ไหม?”
ฉินซีพยักหน้า “อืม เข้าใจแล้ว”
โจวเอ้อหามุมที่โซฟาแล้วนั่งลง “เธออยู่ข้างบาร์ คุณเดินลงไปก็จะเห็นทันที”
ฉินซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง เปิดปากพูดว่า “ช่วยส่งฉันออกไป ฉันจะเข้ามาจากประตูหน้า”
โจวเอ้อยักคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร แค่เพียงพยักหน้าตอบรับ “โอเค”
สำหรับเหตุผล……ไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ คงเป็นเพราะเธอต้องการเอาตัวออกจากเรื่องนี้
ฉินซีไม่ได้สนใจความรู้สึกของโจวเอ้อ แค่ยกมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา และหันไปหาลู่เซิ่นแล้วพูดว่า “ก็เกือบจะได้เวลา…….ฉันจะลงไปก่อนนะ”
น้ำเสียงของเธอดูสบายๆ ราวกับว่าเธอกำลังจะไปเดินเล่นอย่างนั้น
ลู่เซิ่นเม้มปาก แต่ในที่สุดก็พยักหน้า
ฉินซียืนขึ้น โจวเอ้อก็ยืนตาม “ฉันจะพาคุณไปที่ประตูหน้า”
ฉินซีส่ายหัว “เปลี่ยนสีหน้าหน่อย”
โจวเอ้ออึ้งไปเล็กน้อย
เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักความดีและความชั่ว ฉินซีช่วยคำนึงถึงทุกๆด้านเช่นนี้ จะบอกว่าไม่ซาบซึ้งเลย ก็คงจะไม่จริง
แต่เขาไม่ได้หยุดเดิน และเขาก็เดินตามฉินซีมาถึงหน้าประตู และมอบเธอให้กับลูกน้องที่เชื่อถือได้
ขณะที่ฉินซีกำลังจะหันหลังแล้วออกไป เขาก็เรียกเธอ
“ฉินซี” สีหน้าของโจวเอ้อนั้นจริงจังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ราวกับว่าเขากำลังให้คำมั่นว่า “ที่ผ่านมาสำหรับฉันคุณคือภรรยาของลู่เซิ่น แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณคือเพื่อนของฉันโจวเอ้อ”
ฉินซีตกตะลึงสักครู่ หลังจากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
เธอไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้าให้โจวเอ้อ จากนั้นหันหลังแล้วเดินตามคนของโจวเอ้อลงไป