บทที่ 155 ยังมีบ้ากว่านี้อีก
“ผมไม่กล้าทำให้คุณชายลี่ต้องเสียเวลาหรอก ถึงยังไง คุณก็เป็นห่วงผมขนาดนี้ ผมคงไม่บีบคั้นคุณ หืม?” มู่วี่สิงยักคิ้ว ปากสวยยกยิ้ม
“หึ ถ้าคุณไม่ให้ผมอยู่ต่อ ผมก็จะไปบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป” ลี่หนานเฉิงตั้งใจเอ่ย
มู่วี่สิงคุ้นเคยกับเขามานาน รู้ว่าไม่ได้จริงจัง ตอนแรกลี่หนานเฉืงตั้งใจมาที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เหตุผลแรกคือมู่วี่สิง อีกเหตุผลคือพวกเขามีศัตรูคนเดียวกัน
“บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปตอนนี้ซื้อบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไปแล้ว ถือว่าร่วมมือกันเข้มแข็งมากขึ้น อำนาจของฉินเจิ้งในเมืองหนานเฉิงหลายปีมานี้ก็ถือว่าไม่น้อย ก้าวนี้ของฉีเซินถือว่ามั่นคง” พูดถึงเรื่องงาน มู่วี่สิงขมวดคิ้วอย่างหนาวเหน็บ
ในความคิดของเขา ฉืออี้เหิงอย่างน้อยคงไม่ล้มง่ายขนาดนั้น
“ถึงจะร่วมมือกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก็ยังเทียบกับอำนาจของเราไม่ติด วี่สิง หลายปีแล้ว ผมทนไม่ไหวแล้ว” ลี่หนานเฉิงหรี่ตาลง
ทั้งสองคุยเรื่องงานกันอยู่สักพัก ลี่หนานเฉิงพึ่งจะกลับเมืองหนานเฉิงมาไม่นาน คืนนั้นนัดเพื่อนไปเที่ยวที่ร้านเหล้าต่ะ
“วี่สิง พาภรรยาของคุณไปด้วยกันไหม ผมอยากรู้รักเธอมาก” ลี่หนานเฉิงยกแก้วไวน์ หรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้
ในเมื่อมู่วี่สิงแทบจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับแต่งงานสายฟ้าแลบ เขาจึงยังสงสัย
“เธอทำงานที่บริษัทการผลิตยาเทียนอี ถ้าอยากเจอ พรุ่งนี้ก็มาเข้าประชุม” ตอนนั้นเอง เสี้ยงหงก็เดินเข้ามา
“แล้ว เธอเป็นใคร?” เห็นว่ามู่วี่สิงไม่ได้เอ่ยอะไร ลี่หนานเฉิงจึงหันไปถามเสี้ยงหง
เสี้ยงหงเหลือบตามองมู่วี่สิง ยักคิ้ว “ไม่ได้อยู่ในวงก๊วนของเราหรอก”
“แล้วคุณปู่ก็ยอมรับแล้ว?” ลี่หนานเฉิงถาม
“คุณปู่ยอมรับ เขาพอใจมาก” มู่วี่สิงตอบ
“เสี้ยงหง งั้นพรุ่งนี้ฉันจะมาประชุม” ลี่หนานเฉิงยกแก้วไปทางเขา
มู่วี่สิงขมวดคิ้วหน้านิ่ง เปิดโทรศัพท์ขึ้นมา นี่ก็เกินเที่ยงคืนแล้ว
เธอคงจะนอนแล้ว
ตอนนั้นเองที่เกาเชียนเดินเข้ามา ก้มลงเอ่ยกระซิบมู่วี่สิง “ฉีเซินยื่นคำร้องต่อเบื้องบน ตอนนี้เทียนอวี่กรุ๊ปตอนนี้ไม่จำเป็นต้องย้ายไปแอฟริกาแล้ว”
มู่วี่สิงนิ่งสงบ ไม่ได้เปิดเผยอารมณ์ออกมามากนัก
แกว่งแก้วเหล้าไปมา น้ำสีแดงฉานราวกับสะท้อนดวงตาของเขา ความเยือกเย็นราวกับจะไหลทะลักออกมา
“เรื่องวันนี้สืบได้อะไรบ้าง?”
“ความจริงวันนี้ฉืออี้เหิงใช้คุณผู้หญิงมาข่มขู่ฉีเซินครับ หลังจากนั้นฉีเซินก็คุยกับฉืออี้เหิงอยู่สักพัก”
“ฉีเซินเกี่ยวข้องกับภรรยาของคุณด้วยหรอ?” ลี่หนานเฉิงเอ่ยเสียงเย็น
มู่วี่สิงใบหน้าเรียบนิ่งอยู่ตลอด ความโกรธแผ่ออกมาอย่างน่ากลัว
แก้วเหล้าในมือแทบแหลกละเอียดคามือ เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “เวินจิ้งใสซื่อเกินไป ฉีเซินเข้าหาเธอ เธอคงไม่สังเกต”
“ผมสืบมาว่าความสัมพันธ์แม่ของเวินจิ้งกับคุณนายฉีก็ไม่ธรรมดา วี่สิง คุณระวังหน่อยก็ดี” เสี้ยงหงเอ่ยเตือน
ถ้าหากเวินจิ้งอยู่ฝั่งฉีเซิน งั้นเกรงว่ามู่วี่สิงก็ต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น
“เธอคือภรรยาของผม ผมเชื่อใจเธอ” มู่วี่สิงเอ่ยเสียงเข้ม
อยู่ต่ออีกไม่นาน มู่วี่สิงรีบกลับไป
ลี่หนานเฉิงขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างไม่พอใจ “วี่สิง ผมพึ่งจะกลับมา คุณกลับมาเดี๋ยวนี้นะ พวกเราไม่เมาไม่กลับ”
มู่วี่สิงยังก้าวต่อไป แต่เพียงเดินออกมานอกห้องวีไอพี ลู่หวั่นก็เดินเข้ามา
เห็นว่ามู่วี่สิงกำลังจะไป ใบหน้าเธอแสดงออกถึงความน้อยใจ “วี่สิง ฉันพึ่งจะมา คุณอย่าพึ่งกลับเร็วแบบนี้สิ”
ใบหน้าของมู่วี่สิงไร้ความรู้สึก “ลู่หวั่น ภรรยาผมรอผมอยู่ที่บ้าน”
เอ่ยจบจึงสาวเท้ายาวก้าวเดินออกไป
ความผิดหวังก่อเกิดขึ้นในหัวใจลู่หวั่น เห็นเธอยืนอยู่หน้าประตู ลี่หนานเฉิงจึงเชิญเธอเข้ามา
“เรื่องการแต่งงานของเขาคุณรู้มานานแล้วหรอ?” ลี่หนานเฉิงเอ่ยถาม
ลู่หวั่นพยักหน้า “ไม่กี่เดินก่อนฉันไปทำงานนอกสถานที่ บังเอิญเจอวี่สิง เขากับเวินจิ้งอยู่ด้วยกันแล้ว”
“เขาบ้าไปแล้วจริงๆ มีแค่ผมที่ไม่รู้เรื่อง ดูเหมือนว่าผมจะจัดการผิดซะแล้ว” ลี่หนานเฉิงตบหน้าผากตัวเอง ถ้ารู้ว่ามู่วี่สิงแต่งงานแล้ว เขาคงไม่ให้ลู่หวั่นเข้ามาทำงานที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
หัวใจของลู่หวั่นมีแต่มู่วี่สิง แต่ถ้าตอนนี้จะยกเลิกคำสั่ง คงหักหน้าลู่หวั่นแล้ว
การ์เด้นมู่เจียวาน
เวินจิ้งอาบน้ำและมานอนลงบนเตียงตั้งนานแล้ว แต่พลิกไปพลิกมาก็นอนไม่หลับ
อยากโทรหามู่วี่สิง แต่พอนึกถึงใบหน้าเย็นชาของเขาเมื่อตอนกลางวันแล้ว จึงวางโทรศัพท์ลง
ด้านนอกมีเสียงเท้าที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้ามา เวินจิ้งจำได้ เป็นมู่วี่สิง
เธอยกผ้าห่มคลุมหัว หันหลังให้ประตู
ตอนที่มู่วี่สิงกลับเข้ามา กลิ่นเหล้าบนตัวเขาก็ลอยมาด้วย เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
เมื่อกี้เขาไปดื่มเหล้า?
ผ้าห่มถูกดึงออกไป มู่วี่สิงเปิดไฟ ภายใต้แสงไปนุ่มนวล คิ้วคมของเขาขมวดขึ้น จ้องมองเวินจิ้งอยู่แบบนั้น ทว่าไม่เอ่ยอะไรออกมา
เวินจิ้งหลับตา แต่ขนตากลับขยับ เผยให้เห็นว่าเธอกำลังแกล้งหลับ
เสียงลมหายใจที่คุ้นเคยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เวินจิ้งนึกว่ามู่วี่สิงจะจูบเธอ พลันรีบลืมตาขึ้น ใบหน้าระมัดระวัง
“คุณ….อยู่ห่างๆฉันหน่อย” เวินจิ้งยกมือ ผลักไหล่มู่วี่สิงเอาไว้
แต่มือใหญ่ได้รวบมือเล็กของเธอเอาไว้แล้ว การต่อต้านของเวินจิ้งนั้นไม่ได้ผล ถูกมู่วี่สิงกักไว้ใต้ลำตัวหนา
“อยู่ห่างฉันหน่อย? คุณนายมู่ เราต้องนอนด้วยกัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายยหนุ่มเอ่ยขึ้น
“คุณโกรธฉันอยู่ไม่ใช่หรอ? งั้นก็อย่าเข้ามาใกล้ฉันสิ” เวินจิ้งเอ่ยอย่างโมโห
เมื่อตอนเย็นเธอตั้งใจเตรียมกับข้าวให้เขาอย่างยากลำบาก แต่เขากลับออกไปดื่มเหล้า
มู่วี่สิงหรี่ตาแคบ จับยึดปลายคางของเวินจิ้งเอาไว้ เธอจะหลบสายตาเขาไม่ได้ “อืม ผมโกรธแล้ว แต่ผมโกรธตัวเอง ตอนที่คุณโดนฉืออี้เหิงทำร้าย คนที่อยู่เคียงข้างคุณกลับไม่ใช่ผม คนที่ช่วยคุณก็ไม่ใช่ผม”
เวินจิ้งนิ่ง ดังนั้น……มู่วี่สิงเลยรู้สึกผิดงั้นหรอ?
แต่เป็นธอที่ปฏิเสธไม่ให้เขาไปด้วย และเป็นเธอที่ไม่อยากออกงานกับเขาอย่างเปิดเผย
นี่…..นี่ไม่โทษเขา
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก มองเห็นสีหน้าเสียใจของมู่วี่สิง หัวใจเธอเจ็บปวด
เขาทำทุกอย่าง มันเกินข้อตกลงของเขากับเธอตั้งแต่แรก
“เวินจิ้ง ต่อไปผมจะกักคุณไว้ข้างๆผม ดีไหม?” ใบหน้าของมู่วี่สิงขยับเข้าใกล้ แนบชิดหน้าผากเวินจิ้ง คำพูดของเขาไหลเข้ามาในหู
มีฤทธิ์ร้ายแรงมากจริงๆ
แต่ว่า เวินจิ้งไม่ได้กีดกัน
ตอนนี้เธอกลับไปทำงานที่บริษัทการผลิตยาเทียนอีได้หนึ่งเดือนแล้ว แต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับความคิดถึงในตอนที่มาทำงานกับมู่วี่สิง
ตอนทำงานก็คิดถึงเขา ตอนพักก็คิดถึงเขา เวลาไหนๆก็คิดถึงเขา
เธอ…บ้าไปแล้วจริงๆใช่ไหม
“คุณทำไมบ้าแบบนี้” มองมู่วี่สิง เธอผลักแผ่นออกของเขา แต่ว่า……ไม่ขยับ
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก เสียงทุ้มต่ำ “อืม ยังมีบ้ากว่านี้อีก คุณนายมู่ ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไร…..”
เวินจิ้งหัวใจเต้นกระหน่ำ ลมหายใจถูกมู่วี่สิงปล้นชิง เขากดเธอลงบนเตียงอย่างร้ายกาจ แนบชิด