บทที่ 159 จะเป็นห่วงเขาไม่ได้แล้ว
“ไม่ว่าผลลัพธ์อะไร ฉันจะยอมรับมัน” เวินจิ้งเอ่ย
ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงยิ้มเย็น ยืดตัวขึ้น รอบข้างเต็มไปด้วยกลิ่นอายของระยะห่าง
“ในเมื่อคุณนายมู่ยืนยัน งั้นผมจะคิดบัญชีให้ดี เพียงแค่คุณนายมู่จัดการบัญชีระหว่างเราสำเร็จ ผมก็จะปล่อยคุณให้เป็นอิสระ” เขาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
เอ่ยจบ หมู่วี่สิงไม่ได้อยู่ต่อ เสียงปิดประตูตามมาดังเข้ามาในหูเวินจิ้ง
เธอค่อยดึงสติกลับมา ห้องที่ว่างเปล่าเหลือเพียงแค่เธอคนเดียว เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวจะหย่ากับมู่วี่สิงแล้ว เธอก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว
ต่อไปเขาต้องอยู่ที่นี่กับผู้หญิงคนอื่น แค่คิด น้ำตาของเวินจิ้งก็ไหลออกมา
เธอม้วนตัว ความหนาวเหน็บวิ่งเข้ามา หนาวจังเลย………
เสื้อผ้าบนตัวค่อยๆแห้งเอง เธอรู้สึกร้อนมากเลย พลิกตัวไปมาอยู่บนโซฟา พลันรู้สึกเลือนราง
ลงจากตึก มู่วี่สิงนั่งอยู่ในรถ ช่องเก็บของมีซองบุหรี่ เป็นของลี่หนานเฉิง
เดิมทีเขาไม่สูบบุหรี่ แต่เวลานี้ มีเพียงนิโคตินที่จะช่วยให้เขาสงบลง
ภาพเก่าๆโผล่เข้ามาในหัว เขาอดไม่ได้นึกย้อนกลับไป ตอนนั้นเขาพึ่งหกขวบ
เป็นครั้งแรกที่ได้เจอเวินจิ้ง เธอพึ่งจะสามขวบ เธอสวชุดกระโปรงสีขาว เปียผมสองข้าง
“เด็กคนนี้ โตขนาดนี้แล้ว ยังคงร่าเริง ไม่งั้นก็ไม่มีใครรับเลี้ยงเธอแล้ว”
“เธอดูสิ ใครเข้ามาแค่ไม่นานก็มีคนรับไปแล้ว มีเธอที่อยู่นี่มาตั้งหลายปี”
ประธานเอ่บบอกกับเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ มู่วี่สิงนั่งอยู่ที่มุมๆหนึ่ง ไม่มีเสียงใดๆ
แม้ว่าเขาจะเติบโตมาหน้าตาดี เพียงแต่เขาไม่พูด ไม่กว่าพูดออกมาไม่ดี ไม่มีใครอยากรับเลี้ยงเขา
ไม่ไกล เวินจิ้งกัดไอศกรีม มองมู่วี่สิงอย่างมึนงง
เธอเดินเข้าไปหา เอ่ยถามเขา “เธอไม่อยากไปจากที่นี่ใช่ไหม?”
มู่วี่สิงเชยตาขึ้น กัดริมฝีปากแน่น พยักหน้า
“แต่ว่า เธอจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตไม่ได้ ถ้าถูกรับไปเลี้ยง เธอก็จะได้เรียนหนังสือ เธอไม่อยากเรียนหนังสือหรอ?”
ได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่น การเฝ้ารอปรากฏขึ้นในแววตา
เขาไม่โกหกเวินจิ้ง พยักหน้า
“งั้น ฉันจะถามพ่อว่ารับเธอไปด้วยได้ไหม แม่ว่าบ้านเราจะไม่ร่ำรวย แต่ว่า รับเลี้ยงเธอก็น่าจะได้”
พูดจบ เวินจิ้งคิดว่าจะพูดกับพ่อ คิดแล้วคิดอีก ก็ยื่นไอศกรีมที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งยื่นให้เขา “ฉันได้ยินว่าพวกเธอไม่มีเงินใช้ ปกติคงจะซื้อแบบี้มากินไม่ได้ใช่ไหม? มาสิ ลองชิมดู”
มองไอศกรีมที่กำลังละลายอยู่ตรงหน้า แถมยังเปื้อนน้ำลายของเวินจิ้ง แต่ในสายตาของมู่วี่สิง กลับดึงดูดใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินไอศกรีม เขาไม่ชอบของหวาน แต่กลับไม่รังเกียจไอศกรีมอันนี้
พลันต้องลืมตา มู่วี่สิงดีดบุหรี่ในมือดับ เปิดประตูลงรถ
เดินกลับเข้าไปในบ้าน ภายใต้แสงไปอบอุ่น ภาพที่เข้าสู่สายตาคือร่างผอมบางที่ม้วนตัวอยู่บนโซฟา เธอกำเสื้อตัวเองแน่น เผยให้เห็นผิวขาวผ่อง
เขาขมวดคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ แตะมือลงบนใบหน้าหนองเวินจิ้ง ร้อนมาก
มู่วี่สิงรีบอุ้มเธอขึ้น เท้าถีบประตูห้องนอนเปิดออก วางเธอลงบนเตียง หาแผ่นแปะและยาลดไข้
เห็นเวินจิ้งดึงรั้งเสื้อเธอเอาไว้ตลอด เขาค่อยๆช่วยเธอเปลี่ยน ผิวของเวิ้นจิ้งขึ้นสีแดง อยู่ในสายตาของเขา เป็นยาปลุกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
เขาควบคุมอารมณ์รุนแรงนั้น ไม่นานก็ช่วยเธอเปลี่ยนใส่ชุดนอนด้สำเร็จ กอดร่างกายที่โอนอ่อนนั่นไว้ เขากดจูบลงริมฝีปากสวยเบาๆ
ร่างกายร้อนผ่าวทำให้เขาต้องอดใจ เขาหยิบยาบรรเทาอาการหวัดป้อนเธอสองเม็ด แต่เธอปฏิเสธมัน เอ่ยพึมพำ “อื้อ……มู่วี่สิง คุณอย่าแตะต้องฉัน ไม่ให้จูบฉัน….ได้ยินไหม?”
มู่วี่สิงหน้านิ่งขรึม ความโกรธที่เก็บไว้แทบจะระเบิดออกมา เขาเป็นสามีเธอนะ ไม่แตะต้องเธอจะให้แตะต้องใคร?
บีบคางของเธอ มู่วี่สิงผลักยาเข้าไปในปากเธอ ดื่มน้ำเข้าปากตัวเอง จูบปากเวินจิ้งแล้วปล่อยน้ำลงไปให้เธอ
เธอสำลัก แต่ได้กลืนยาลงไปแล้ว แต่เธอสำลักจนหน้าแดง สักพักจึงลืมตาขึ้น
มองใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิง ตอนนี้ในสายตาของเธอกลับเป็นเพียงความระยำ
ผู้ชายคนนี้ทำไมจูบเธอได้ไม่เลือกเวลา
“คุณ……..” เธออ้ำอึ้ง มือไร้เรี่ยวแรงอยากจะผลักเขา แต่ราวกับกำลังกอดเขาไว้
มู่วี่สิงรู้สึกเพียงว่ามือเล็กตรงหน้าอกนั้นกระตุ้นเขา เขาจับเอาไว้แน่น ร่างใหย่นอนลงมา ชั่วพริบตาก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขน
“ไม่ให้แตะต้องคุณ? ฆืม? คุณนายมู่ บอกผมสิ คุณอยากให้ใครแตะต้อง?” สายตาของเขาเยือกเย็น จับข้อมือเธอเอาไว้แน่น ริมฝีปากคลอเคลียชิดใบหูเล็ก น้ำเสียงทุ้มต่ำอันตราย
การรับรู้ของเวินจิ้งพลันตื่นตัว จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า เธอเอ่ยอย่างไม่กลัวตาย “ยังไง….ก็ไม่ใช่คุณ”
เอ่ยจบ มือของมู่วี่สิงพลันกำแน่น เวินจิ้งรู้สึกว่าร่างกายของเธอเย็นขึ้นมา ชุดนอนที่พึ่งถูกเปลี่ยนถูกมู่วี่สิงฉีกทึ้งจนขาด
ดวงตาเธอเบิกกว้าง มู่วี่สิงขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง ดวงตาคมหรี่แคบ “ไม่ใช่ผม? งั้นผมจะทำให้คุณรู้ว่า สุดท้ายใช่ไม่ใช่ผม”
เอ่ยจบ การกระทำของเขาเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด
“ไม่….มู่วี่สิง คุณปล่อยฉันนะ ฉันไม่สบาย…..อื้อ ทรมานจัง….” เวินจิ้งใบหน้าบิดเบี้ยว มู่วี่สิงทำให้อุณหภูมิเธอสูงขึ้นรู้สึกไม่สบายตัวไปทั่วทั้งร่าง
ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มหยุดชะงัก หยุดมือของตัวเองเอาไว้ แต่ยังกักกดอยู่บนตัวเธอ ไม่ยอมห่างไปไหน
เขาสูดหายใจลึก ขยับพิงพนักเตียง ออกห่างจากเวินจิ้ง
เวินจิ้งผ่อนลมหายใจ อยากหนีไปจากที่นี่ แต่ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เพียงลงจากเตียงร่างทั้งร่างก้ดงนเงน
อีกทั้ง ชุดนอนบนตัวเธอก็ถูกฉีกออกจนหมดแล้ว ตอนนี้ร่างที่เปิดเผยสู่สายตาม
วี่สิงนั้น ขาวสะอาด แดงระเรื่อ งดงาม
อารมณ์ที่สะกดกั้นอย่างยากลำบากเมื่อสักครู่ปะทุขึ้นมาอีกรอบ มู่วี่สิงหรี่ตา เดินเข้าไป หยิบชุดนอนชุดใหม่ให้เธอสวม
เวินจิ้งปฏิเสธการเข้าใก้ของเขา แต่มู่วี่สิงแรงเยอะ ไม่ต้องออกแรงก็สามารถสวมจนแล้วเสร็จ สายตาคมเข้มค่อยๆชัดขึ้น
พอเสรฝ้จเรียบร้อย เขาจึงช่วยเธอติดแผ่นแปะลดไข้แผ่นใหม่ จึงเดินเข้าห้องน้ำไป
เวินจิ้งเฉื่อยชา คนบางคนเห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ แต่ก็ยังดูแลเธอแบบนี้ หัวใจพลันอบอุ่นขึ้นมา
แต่พอคิดถึงท่าทางของเขาเมื่อสักครู่ ก็น่านิ่งอีกครั้ง อยากจะดึงชุดนอนที่เขาสวมให้ออกจากตัว
แต่ว่าร่างกายไม่สบายจริงๆ เวินจิ้งก็ไม่อยากทำให้ตัวเองลำบาก หลบอยู่บนเตียง เธอได้ยินเสียงน้ำดังออกมาจากในห้องน้ำ ดุเหมือนมู่วี่สิงจะอาบน้ำนานไปหรือเปล่า?
เธอขมวดคิ้ว สั่งให้ตัวเองห้ามไปเป็นห่วงเขา
ปิดตาลง อาจจะเพราะยาลดไข้ออกฤทธิ์แล้ว ไม่นานเวินจิ้งก็หลับไป
ตอนที่มู่วี่สิงเดินออกมา ภาพแรกที่เข้าสู่สายตาคือเวินจิ้งที่นอนหลับเงียบสงบ เขาเดินเข้าไปจัดผ้าห่มคลุมให้เธอดีๆ กลับได้ยินเสียงพึมพำของเธอ “มู่วี่สิง คุณทำแบบนี้ได้ยังไง…….ฉันไม่รู้จะปฏิเสธคุณยังไงแล้ว……….”