บทที่ 181 ตาบอดขนาดนี้แล้ว
เวินจิ้งใจเต้นไม่เป็นจังหวะเล็กน้อย มือถูกมู่วี่สิงหยุดยั้งเอาไว้ ผลักเขาออกไปไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ผ่านไปเป็นเวลานาน เวินจิ้งรู้สึกว่าแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว ผู้ชายคนนี้ถึงได้ปล่อยเธอ
“มู่วี่สิง คุณเกินไปแล้วนะคะ!” เวินจิ้งโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก หันหลังให้กับมู่วี่สิง ท่าทีเหมือนไม่อยากเห็นเขายังไงอย่างงั้น
มู่วี่สิงกลับช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน เวินจิ้งถูกเขาอุ้มมาถึงบนโซฟาที่อยู่ด้านนอก เบื้องหน้า อาหารที่เย้ายวนใจราวกับกำลังส่งคำเชื้อเชิญมาให้เธอ
เธอกลืนน้ำลายเล็กน้อย ท้องส่งเสียง “จ๊อกๆ” ออกมา
“คุณนายมู่ คุณโกรธผม แต่อย่าทำไม่ดีต่อร่างกายเลยนะครับ หืม?” มู่วี่สิงนำไก่ทอดยื่นไปที่ด้านหน้าของเธอ
เวินจิ้งโน้มสายตาลง อ้าปากกัดเข้าไปในทันที รสชาติที่หอมกรอบวนเวียนอยู่ในช่องปากของเธอ ตอบสนองความพึงพอใจให้กับเธอได้ดีเป็นอย่างยิ่ง
หิวเหลือเกิน เวินจิ้งแทบจะทำให้อาหารส่วนใหญ่ที่อยู่บนโต๊ะหายวับไป มู่วี่สิงกลับทานไปน้อยมาก เพียงแค่เสต็กเนื้อไม่กี่คำ ไวน์ที่อยู่ด้านข้างส่งกลิ่นที่เข้มข้นออกมา
“มู่วี่สิง คุณทานอันนี้ให้หมด” เวินจิ้งเห็นเขาทานไปเพียงไม่เท่าไร ก็เลยหั่นเสต็กชิ้นนึงให้กับเขา
มู่วี่สิงที่กำลังดูเอกสารที่อยู่ในมือ ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น ส่งสัญญาณให้เวินจิ้งป้อนเขา
เวินจิ้งก้มศีรษะลง มือสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เดิมทีทั้งสองคนก็นั่งอยู่บนโซฟา ระยะก็ไม่ได้ห่างกันมากอยู่แล้ว ชายหนุ่มในเวลานี้สวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท กระดุมปลดออกสองเม็ด เผยกล้ามอกที่กำยำสมบูรณ์แบบออกมาให้เห็น เลื่อนขึ้นไปด้านบน ใบหน้าอันหล่อเหลาแฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ มีเสน่ห์เย้ายวนมากมายเหลือเกิน
สายตาของเวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะหยุดค้างเอาไว้ สีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา วางมีดส้อมลง
“คุณจะทานก็ทาน ไม่ทานก็ไม่ต้องทานค่ะ” พูดจบ เธอก็หมุนตัวเตรียมกลับไปที่ห้องนอน
แต่พอเพิ่งจะลุกขึ้นมา มือก็ถูกมู่วี่สิงคว้าเอาไว้อย่างกะทันหัน เธอยืนได้ไม่มั่นคง ทั้งตัวล้มลงไปในอ้อมแขนของเขาอย่างโซซัดโซเซในทันที
ทันใดนั้น กลิ่นหอมอ่อนๆที่อยู่บนร่างกายของเขาก็ปะทะเข้ามา เวินจิ้งเบิกตาโพลงขึ้น
“คุณนายมู่ คุณกำลังให้ท่าผม?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ฉันเปล่า”
“เมื่อครู่นี้คุณมองผมอยู่ตลอด ผมคิดมากได้” เสียงในลำคอของมู่วี่สิงเคลือบไปด้วยความแหบพร่า
เวินจิ้งอึดอัดใจเล็กน้อย เป็นเพราะเสน่ห์ของมู่วี่สิงไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ…
มือของเขากำลังโอบเอวบางของเธอเอาไว้ เธอพาดไปบนร่างกายของเขา ในเวลานี้ชุดนอนที่อยู่บนเรือนร่างเปิดกว้างออกมา ทัศนียภาพทั้งหมดฉายสะท้อนกลับเข้าไปในสายตาของชายหนุ่ม
ความเร่าร้อนที่อยู่ภายในดวงตาของเขายิ่งไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เวินจิ้งรู้สึกได้อย่างชัดเจน แทบจะลุกนั่งขึ้นมาในทันที “คุณรีบทานข้าวเถอะค่ะ ทานเสร็จรีบพักผ่อน”
พูดจบ เธอก็แทบจะวิ่งกลับไปที่ห้องนอน
มู่วี่สิงโน้มสายตาลง กลิ่นหอมอ่อนๆของเวินจิ้งเมื่อสักครู่นี้ลอยวนขึ้นมา ไม่สลายหายไปอยู่นาน
ลิ้มลองรสชาติของเสต็กเนื้อที่เวินจิ้งหั่นเอาไว้ให้เสร็จเมื่อสักครู่นี้ นัยน์ตาของชายหหนุ่มก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆขึ้น
…
โรงแรมเหิงสิ้น
ฉินเฟยกับหลินน่าเดินช้อปปิ้งเสร็จ เธอซื้อของต่างๆมาไม่น้อย อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
เพิ่งจะเดินขึ้นไปบนห้อง กลับมองเห็นเงาร่างที่คุ้นตายืนอยู่ที่หน้าประตู
เธอสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ความอ่อนแอภายในสายตาพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ฉืออี้เหิง มีธุระ?”
“มี” ฉืออี้เหิงควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้
“ฉะนั้น คุณจะเข้ามาไหมคะ?” ฉินเฟยเปิดประตูห้องออก ลักษณะท่าทางเชื้อเชิญ
ฉืออี้เหิงหรี่ตาลง ก้าวขายาวๆเข้าไป
“คุณรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!” พอเข้าประตูมา ฉืออี้เหิงก็ตะคอกขึ้นด้วยความโมโห
ฉินเฟยท่าทีไม่รู้เรื่องอิโหน่อิเหน่ มองเขาด้วยสายตาแบ่งแยกถูกผิดออกมาอย่างชัดเจน “ฉันทำอะไรให้คุณโกรธขนาดนี้คะ?”
“คุณอยู่ข้างนอกใส่ร้ายเหม่ยทงว่าคือยาปลอม คุณคิดว่าคนของบริษัทการผลิตยาเทียนอีจะตรวจสอบออกมาไม่ได้อย่างงั้นหรอ?” เสียงในลำคอของฉืออี้เหิงเยือกเย็นจนถึงขีดสุด
ฉินเฟยหัวเราะออกมาเล็กน้อย นั่งลงบนโซฟาอย่างไม่แยแส “ตรวจสอบพบ แล้วจะยังไงคะ?”
“พวกเขาไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่” ฉืออี้เหิงสีหน้าบึ้งตึงลงมา
“คุณคงจะไม่ได้…กำลังเป็นห่วงฉันอยู่หรอกนะคะ?” ฉินเฟยเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มที่อยู่ตรงมุมริมฝีปากลึกซึ้งมายิ่งขึ้น
“ใช่ ผมเป็นห่วงคุณ” ฉืออี้เหิงไม่ได้ปฏิเสธ
“คุณทำอย่างนี้ทำไม? ฉีเซินก็รู้เรื่องด้วย?”
“ฉีเซิน?” ฉินเฟยขมวดคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากได้ยินชื่อนี้สักเท่าไร “เกี่ยวอะไรกับเขา”
ฉืออี้เหิงควบคุมอารมณ์ของตนเอง นั่งลงที่ด้านข้างของฉินเฟย ยื่นมือออกมาโอบรอบตัวเธอเอาไว้ “เฟยเฟย ก่อนที่คุณจะทำเรื่องอะไรก็แล้วแต่ บอกผมก่อนไม่ได้เลยหรอ?”
“บอกคุณ? ทำไมคะ ระหว่างเราเป็นอะไรกัน?” ฉินเฟยหรี่ตาลง ในสายตาปรากฏความเย็นชาออกมาเล็กน้อย
“ระหว่างเรา…คุณรู้ดี”
พูดจบ ฉืออี้เหิงก็กดฉินเฟยลงบนโซฟา จากนั้นจูบอันร้อนแรงก็กดทับลงไป
มือของเขากำลังเลื่อนลงมา คุ้นเคยกับร่างกายเธอดีเหลือเกิน ไม่ช้าฉินเฟยก็อ่อนปวกเปียกไปทั่วทั้งตัว
ฉินเฟยเชิดลำคอขึ้น ดันไปบนแผ่นอกของเขา มือกระทุ้งออกไปอย่างกะทันหัน เป็นตรงนั้นของฉืออี้เหิงพอดี
เห็นท่าทีที่ทรมานของเขา ฉินเฟยก็ส่งเสียงหัวเราะ “ฮ่าๆ” ออกมา
“ฉืออี้เหิง คุณคิดว่าตัวเองยังเป็นว่าที่สามีของฉันอยู่จริงๆหรอคะ? คุณน่ะคุณสมบัติไม่เพียงพอ” ฉินเฟยจัดการเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย นั่งดีๆอย่างนิ่งสงบ
ฉืออี้เหิงสูดหายใจเข้าเต็มปอด ควบคุมความปรารถนาอันสวยงามที่แผ่ขยายไม่หยุดเอาไว้
“ผมหวังดีกับคุณ ฉินเฟย อย่าไปยุ่งกับบริษัทการผลิตยาเทียนอี ผมรู้ว่าคุณอยากจะแก้แค้นเวินจิ้ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลา” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้วขึ้น
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลา งั้นตอนไหนถึงจะใช่คะ?”
“อนาคตยังอีกยาวไกล เฟยเฟย พวกเราจัดวางดีๆ” ในขณะที่ฉืออี้เหิงพูด ก็จะเข้ามาโอบฉินเฟยเอาไว้
กลับถูกเธอผลักออกอย่างไม่ไว้หน้า
ฉินเฟยยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น “ตอนนี้ฉันคิดเพียงแค่จัดการกับเวินจิ้งให้เร็วหน่อย ตอนนี้มันกำลังเตรียมตัวสอบปริญญาโทแล้ว คุณว่าหากให้มันตรวจสอบเรื่องในปีนั้นพบ งั้นคุณก็คงจะอันตรายแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ฉืออี้เหิงก็สั่นไปทั้งตัว ความลนลานที่อยู่บนใบหน้าพาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เธอจะสอบปริญญาโท? เธอไม่มีคุณสมบัตินี้หรอก” เสียงในลำคอของฉืออี้เหิงกำลังสั่น
“มันไม่มีจริงๆ แต่คุณอย่าลืมไปว่าคนที่อยู่ข้างกายของมันคือมู่วี่สิง ก่อนหน้านี้ฉันคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขายังจะเป็นผู้สืบทอดของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้งทำให้ฉันต้องขยี้ตามองใหม่แล้วจริงๆ” น้ำเสียงของฉินเฟยทั้งโมโหทั้งริษยา
คิดไม่ถึงว่ามันมีสิทธิ์อะไรถึงสามารถแต่งงานกับผู้ชายที่สถานะเรืองอำนาจเช่นนี้ได้ มันก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ไม่รู้จะธรรมดายังไงคนหนึ่ง กลับเหนือกว่าเธอไปซะทุกด้าน
ฉืออี้เหิงโน้มสายตาลงต่ำ แอบกำหมัดแน่นอย่างเงียบๆ
“เรื่องนี้ผมจะไม่ยอมให้เธอตรวจสอบพบแน่” ฉืออี้เหิงเอ่ยขึ้นอย่างรับประกัน
“ทางที่ดีที่สุดคือเป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเราสองคนคงจะจบเห่กันหมดแน่ คุณยังคิดว่า พวกเรารอได้อยู่อีกหรอ?” ฉินเฟยมองไปทางฉืออี้เหิง
เธอตอนนี้ก็คือแม้แต่วินาทีเดียวก็ไม่สามารถรอได้ คิดเพียงแค่อยากจะกำจัดเวินจิ้งไปซะเดี๋ยวนี้
“ตอนนี้ทางสำนักงานตรวจสอบอาหารและยาได้กำลังตรวจสอบแล้ว ไม่ช้าก็จะประกาศเหม่ยทงยาตัวใหม่นี้ออกไป ถึงเวลาร้านค้าปลีกก็ไม่ได้หวั่นเกรง ต่างก็จะลงนามในสัญญากับบริษัทการผลิตยาเทียนอี”
“สิ่งที่ฉันต้องการก็เพียงแค่ทำลายชื่อเสียงของบริษัทการผลิตยาเทียนอี ผู้บริโภคน่ะนะล้วนมีแนวคิดเชื่อและยอมรับในสิ่งที่ได้ยินได้เห็นมาก่อน ตอนนี้ต่อให้รู้ว่าเหม่ยทงไม่ใช่ยาปลอม แต่ก็ไม่มีคนกล้าที่จะซื้อ หลังจากนั้นฉันจะแพร่กระจายข่าวอื่นๆออกไปอีก บริษัทการผลิตยาเทียนอีจะทำอะไร ฉันก็จะไม่ให้มันทำได้อย่างราบรื่น” ความโหดร้ายภายในดวงตาของฉินเฟยปรากฏขึ้น
“ผมจะช่วยคุณ แต่เรื่องนี้ ฉีเซินรู้หรือเปล่า?” ฉืออี้เหิงเอ่ยถาม
“เขา? พวกเราไม่สนใจเขา”
พอคิดขึ้นมาว่าฉีเซินกลับก็ชอบเวินจิ้งเช่นเดียวกัน เธอก็โมโหขึ้นมา
ผู้ชายคนสองคนนี้ต่างก็ตาบอดกันขนาดนี้แล้วหรอ!
“เฟยเฟย คุณระวังหน่อย ฉีเซินเป็นคนน้ำนิ่งไหลลึก เรื่องที่คุณทำ เขาอาจจะรู้หมดก็ได้” ฉืออี้เหิงเอ่ยเตือนขึ้น
“เขาไม่มาใส่ใจฉันหรอก ความมุ่งมั่นภายในจิตใจของเขาน่ะนะ ก็อยู่ที่เวินจิ้งเช่นเดียวกัน” ฉินเฟยเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น
สายตาของฉืออี้เหิงลึกซึ้งลงมา เขายังไม่ลืมตอนที่จะบีบบังคับเวินจิ้งในตอนแรก ฉีเซินก็กังวลเป็นอย่างมากจริงๆ