บทที่ 183 กลับไปง้อสามี
กลับมาถึงโรงแรม เวินจิ้งกำลังคิดว่าจะไปหาอั๊ยเถียน กลับเห็นเธอกำลังจัดเก็บกระเป๋าเดินทาง
ตอนนี้บริษัทโป๋ทงกรุ๊ปได้ยินยอมที่จะร่วมมือกับบริษัทการผลิตยาเทียนอีต่อไปได้ เพียงแต่ยังคงมีร้านค้าปลีกส่วนนึงเลือกที่จะยกเลิกสัญญา แต่นี่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการขายของเหม่ยทง เพียงแต่สำหรับผลประกอบการที่เสี้ยวหงได้สั่งลงมา ก็ไม่มีทางที่จะทำได้สำเร็จแล้ว
“จิ้งจิ้ง ฉันควรที่จะกลับไปแล้ว เรื่องของทางนี้จัดการได้เกือบจะเสร็จเรียบร้อย ฉันก็พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว หากเสี้ยวหงไม่พอใจในผลลัพธ์นี้ ฉันก็จะลาออก” อั้ยเถียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เรื่องในคราวนี้ได้สร้างปัญหาจนใหญ่เกินไปแล้ว เธอคือผู้รับผิดชอบสำคัญ ช่องทางการขายไม่เป็นไปตามท่ีคาดการณ์เอาไว้ ชื่อเสียงของตัวยายังเสื่อมลงอย่างรวดเร็วอีก ต่อให้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเธอ เธอก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
เวินจิ้งกลับมาถึงห้องชุดที่อยู่ชั้นบนสุด มู่วี่สิงกลับไม่อยู่ เธอจัดกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว คิดว่าก็จะกลับไปวันนี้เช่นเดียวกัน
ก่อนที่จะออกไปจากที่นี่ เธอโทรศัพท์หามู่วี่สิง เขาไม่ได้รับสาย เธอก็เลยทิ้งข้อความเอาไว้
มองดูทีท่าไม่พูดไม่จาของอั้ยเถียนที่อยู่ด้านข้าง เวินจิ้งก็เอ่ยปลอบใจว่า “คุณเสี้ยงไม่ตำหนิเธอหรอก”
“ฉันรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์” อั้ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างหม่นหมอง ที่ผ่านมาเธอต่างก็คิดว่าความสามารถในด้านธุรกิจและความสามารถในการพูดของตนเองนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก แต่ผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ ถึงได้พบว่าดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนี้
ความสามารถของเธอยังต้องรอการพัฒนาขึ้นอีก
“เธอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว” เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น
เธอรู้ว่าความเข้มงวดที่อั้ยเถียนมีต่อตนเองนั้นสูงมากมาโดยตลอด เพียงแต่ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นเพราะเธอ
เวินจิ้งสีหน้าหนักอึ้งลงอย่างรู้สึกผิด หากเธอไม่ได้อยู่ที่บริษัทการผลิตยาเทียนอี ฉินเฟยก็คงจะไม่ทำอย่างนี้ใช่หรือเปล่า?
“พูดจริงๆแล้ว เรื่องนี้ต่างก็เกิดขึ้นเพราะฉัน ฉินเฟยต้องการแก้แค้นฉัน ถึงได้โจมตีบริษัทการผลิตยาเทียนอีอย่างนี้ คุณเสี้ยงจะต้องเข้าใจเหตุผลอย่างแน่นอน” เวินจิ้งตบไหล่ของอั้ยเถียนเบาๆ
“ฉินเฟย? เรื่องนี้เธอเป็นคนทำ?” อั้ยเถียนหยุดชะงักไปชั่วขณะ ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ประกาศผลการตรวจสอบล่าสุด เธอนึกว่าเป็นเพียงคู่แข่งของบริษัทการผลิตยาเทียนอีที่กำลังให้ร้ายมาโดยตลอด
“อืม มู่วี่สิงได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เบื้องหลังของสำนักพิมพ์ข่าวอีหยินก็คือฉินเฟย แต่ผลการตรวจสอบครั้งสุดท้าย ก็ยังไม่ได้ออกมา”
วันนี้เธอถือเอาหลักฐานฉบับนี้เดิมทีคิดว่าจะทำให้ฉินเฟยหวาดกลัวจนพูดเรื่องในปีนั้นออกมา แต่เธอกลับกัดไม่ยอมปล่อยว่าเธอไม่รู้เรื่องนั้น เวินจิ้งกลับประหลาดใจเล็กน้อย
หลักฐานฉบับนั้นแน่นอนว่าคือของปลอม และของจริงชุดนั้น อยู่ในมือของมู่วี่สิงมาโดยตลอด เธอไม่รู้ว่าสุดท้ายมู่วี่สิงจะจัดการยังไง และก็จะไม่ไปแทรกแซง
“ฉินเฟยยัยผู้หญิงสารเลวนั่น!ตอนนี้เธอไม่ได้จะแต่งเข้าบ้านตระกูลฉีแล้วหรอกหรอ? ทำไม ยังกลัวเธอจะแย่งฉืออี้เหิงไปอยู่อีก?” อั๊ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น ฉินเฟยพุ่งเป้ามาที่เธอมาโดยตลอด แน่นอนว่ามีเหตุผลของฉืออี้เหิงอยู่ในนั้นด้วย สำหรับเรื่องการแท้งของเธอนั้น เดิมทีก็เป็นเพราะตัวเธอเองท้องนอกมดลูกจึงมีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ถึงได้ถือโอกาสโยนความรับผิดชอบมาให้กับเธอ
…
กลับมาถึงเมืองหนานเฉิงได้เป็นเวลาหลังจากนั้นสามชั่วโมง ลงจากเครื่องบิน พอเวินจิ้งเปิดเครื่องถึงได้พบว่ามู่วี่สิงโทรศัพท์หาเธอเป็นจำนวนไม่น้อย เธอโทรกลับไป
“คุณนายมู่ ไม่รอกลับไปพร้อมกับผม หืม?” เสียงในลำคอของมู่วี่สิงเบามากหนักมากเยือกเย็นมาก
เวินจิ้งหยุดชะงักลงเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “คุณต้องทำธุระเรื่องอื่นๆ ฉันไม่ใช่ว่าไม่กล้ารบกวนคุณหรอกหรอคะ?”
“คุณนายมู่ต่างก็ไม่กล้ารบกวน ใครยังจะกล้ารบกวนผมอีก?” เสียงในลำคอของมู่วี่สิงยิ่งหนักอึ้งลงไปอีก
เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
“คุณอย่าโกรธเลยค่ะ ฉันก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้บอกคุณ…” เวินจิ้งรู้สึกว่าตนเองอธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
เธอก็ไม่ใช่ไม่เคยคิดว่าจะกลับมาพร้อมกับมู่วี่สิง แต่เธอไปที่เมืองBเดิมทีก็ไปเพื่อทำงานนอกสถานที่ ธุระเสร็จแล้วก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ต่อ
แบ่งแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจนเป็นสิ่งที่เธอยึดถือมาโดยตลอด
“มู่วี่สิงไม่พอใจหรอ?” อั้ยเถียนประชิดเข้ามา
“ดูเหมือนจะโกรธแล้ว” เวินจิ้งขมวดใบหน้าเล็กๆเข้าหากัน
“เธอน่ะนะ รีบนั่งเครื่องบินกลับไปง้อสามี!” อั้ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เดิมทีเธอก็ไม่เห็นด้วยที่เวินจิ้งกลับมาพร้อมกับเธอ หากเธออยู่ข้างกายของมู่วี่สิง จะต้องไม่ถูกเสี้ยวหงตำหนิอย่างแน่นอน
อั้ยเถียนตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอด
“เถียนเถียน พวกเราทำงานด้วยกัน ฉันก็ไม่ใช่คนที่เห็นความรักจนลืมหลักการที่ตนเองยึดถือมานะ” ท่าทีของเวินจิ้งเฉียบขาดเป็นอย่างมาก
อั้ยเถียนเปลี่ยนแปลงความคิดของเธอไม่ได้ ทั้งสองคนกลับมาถึงบริษัทการผลิตยาเทียนอี ช่วงนี้เป็นเพราะยาตัวใหม่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ บรรยากาศของอาคารใหญ่ต่างก็หม่นหมองเป็นอย่างมาก
อั้ยเถียนตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุด รอเสี้ยวหงประชุมเสร็จ เธอก็ผลักประตูเข้าไป
เสี้ยวหงได้จัดการงานที่บริษัทไม่ได้นอนหลับไม่ได้หยุดพักเป็นเวลาติดต่อกันสามวันสามคืน บนใบหน้าที่หล่อเหลาสดใสมาโดยตลอดคือความเหนื่อยล้าที่ปิดเอาไว้ไม่อยู่
“คุณเสี้ยง” ความเป็นห่วงบนใบหน้าของอั้ยเถียนแสดงออกมาให้เห็น
“อืม นั่งสิ” เสี้ยวหงบีบไปบนตรงกลางระหว่างหัวคิ้ว เดินมาที่โซฟา
เพียงแต่พอเพิ่งจะก้าวขายาวๆออก ความรู้สึกเวียนศีรษะก็ประดังเข้ามาไม่ยอมหยุด เขาแทบจะยืนได้ไม่มั่นคง
อั้ยเถียนรีบประคองเขาเอาไว้ในทันที
“เสี้ยวหง คุณเป็นอะไรไปคะ!” อั้ยเถียนมองดูสีหน้าที่ขาวซีดของเขา มือลองทาบไปบนหน้าผากของเขา ร้อนมาก!
“ฉันพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาล!” อั้ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างตื่นตระหนก
เสี้ยวหงกลับโบกไม้โบกมือ นั่งลงบนโซฟา บีบตรงกลางระหว่างหัวคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า “ช่องทางการขายเหล่านั้นเจรจามาได้เท่าไรแล้ว?”
อั้ยเถียนชักสีหน้า “คุณไม่ไปโรงพยาบาลกับฉัน ฉันก็ไม่บอกคุณแล้วค่ะ”
เสี้ยวหงขมวดคิ้วขึ้น คลึงไปบนศีรษะของเธออย่างรักใคร่เอ็นดู “เด็กดี อย่ากวนสิ”
“ฉันไม่ได้กวน” อั้ยเถียนถอนหายใจออกมา เธอรู้ว่าช่วงนี้เสี้ยวหงยุ่งอยู่กับเรื่องการออกวางจำหน่ายของเหม่ยทง จะต้องไม่ได้พักผ่อนเต็มที่อย่างแน่นอน
แต่ไข้นี่ก็รุนแรงมากเหลือเกิน เธอกลัวว่าร่างกายของเสี้ยวหงจะรับไม่ไหว
“พวกเราไปโรงพยาบาลกัน” อั้ยเถียนยังคงดื้อรั้นเป็นอย่างมาก
เสี้ยวหงขมวดคิ้วขึ้น โอบอั้ยเถียนเอาไว้ให้เธอพิงเข้ามาในอ้อมแขน อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจัดของเขาทำให้เธอไม่สามารถใจเย็นลงได้ รอบดวงตาต่างก็แดงก่ำไปหมด
“ผมได้ทานยาลดไข้แล้ว พรุ่งนี้บริษัทการผลิตยาเทียนอีต้องเปิดงานแถลงข่าว ผมยังมีเรื่องที่จะต้องเตรียมอีกมาก” เสี้ยวหงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“แต่ว่า คุณต้องการการพักผ่อน คืนนี้โต้รุ่งอีกไม่ได้แล้วนะคะ…”อั้ยเถียนมองเขาอย่างเป็นห่วง
“อืม บอกกับผมมาหน่อยร้านค้าปลีกที่เซ็นสัญญาในตอนนี้” เสี้ยวหงหยิบเอกสารที่อั้ยเถียนถือเข้ามาขึ้นมาดู
อั้ยเถียนหยุดเขาเอาไว้ไม่ได้ ก็ทำได้เพียงแบ่งเบาภาระให้กับเขามากขึ้นหน่อยแล้ว
เดิมทีคิดว่าเสี้ยวหงจะตะคอกใส่ว่าเธอเจรจาร้านค้าปลึกได้เพียงไม่ถึงสิบร้าน คิดไม่ถึงว่าท่าทีของเสี้ยวหงจะสุภาพเป็นที่สุด ถึงขั้นพอใจเป็นอย่างมาก
“ผมรู้แล้ว คุณออกไปก่อนเถอะ”
“คุณเสี้ยง คุณไม่ตำหนิฉันเลยหรอคะ? ฉันยังห่างไกลจากการเป้าในตอนแรกของคุณมาก” อั้ยเถียนขมวดคิ้วขึ้น
เป็นเพราะเธอรู้ความเข้มงวดและเฉียบขาดของเสี้ยวหง ดังนั้นจึงพยายามตามมาตรฐานของเขามาโดยตลอด
เสี้ยวหงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างยากที่จะได้เห็น “ขอบเขตการแพร่กระจายของข่าวยาปลอมนั้นกว้างขวางเกินไป บริษัทเล็กๆก็ต้องไม่ยอมนำเข้าสินค้าอีกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ผมเข้าใจได้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือให้ยาตัวนี้สร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาใหม่อีกครั้ง รู้หรือเปล่า?”
อั้ยเถียนพยักหน้า มองดูใบหน้าอันหล่อเหล่าที่เหนื่อยล้าของเสี้ยวหง จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมเลิกราว่า “ฉันกลับไปพักผ่อนเป็นเพื่อนคุณดีไหมคะ? คุณเอางานสั่งการมาให้กับฉัน ฉันช่วยคุณจัดการ”
ตอนนี้เสี้ยวหงไข้ขึ้นสูง เธอไม่มีทางให้เขาทำงานต่อไปอย่างนิ่งเฉยได้
มองดูสาวน้อยที่จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่ายตรงหน้า ในที่สุดเสี้ยวหงก็ยอมอ่อนข้อ ชี้ไปยังห้องพักผ่อนที่อยู่อีกด้าน “ผมไปนอนครู่หนึ่ง คุณช่วยผมดูข้อมูลฉบับนี้ให้จบ หลังจากนั้นสองชั่วโมงไปปลุกผม”
อั้ยเถียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ประชิดเข้าไปจูบลงบนข้างแก้มของเสี้ยวหงในทันที
และในเวลานี้เอง ประตูห้องทำงานอยู่ๆก็ถูกผลักให้เปิดออกอย่างกะทันหัน เป็นเลขาสาวอานหน้า
เห็นภาพที่สนิทสนมกันของเสี้ยวหงกับอั้ยเถียน สีหน้าของเธอก็แข็งทื่อ รีบปิดประตูลงไปอีกอย่างรู้จักกาลเทศะในทันที
ความเยือกเย็นภายในสายตาของเสี้ยวหงปรากฏขึ้น ผลักอั้ยเถียนออก