บทที่ 184 ผู้หญิงที่ปากไม่ตรงกับใจไม่น่ารัก
อั้ยเถียนก็ตะลึงงันไปเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับเสี้ยวหงเป็นความลับมาโดยตลอด แม้ว่าในบริษัทจะมีข่าวลือเกี่ยวกับทั้งสองคนมานานแล้ว แต่ถึงสุดท้ายก็ไม่ได้มีหลักฐานยืนยัน
“คุณออกไปก่อนเถอะ” เสี้ยวหงสั่ง
ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธแล้ว
อั้ยเถียนขมวดคิ้วขึ้น หยิบเอกสารออกไป เดินออกจากห้องทำงาน อานหน้ากำลังดูโทรศัพท์มือถืออยู่ อั้ยเถียนเดินไปถึงด้านหน้าของเธอ
“อะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด คุณรู้นะคะ” อั้ยเถียนเตือนขึ้น
อานหน้าพยักหน้าติดต่อกัน เพียงแต่สายตากลับเยือกเย็นลงมาเล็กน้อย
ช่วงเย็น เวินจิ้งเก็บข้าวของเตรียมตัวเลิกงาน อั้ยเถียนกลับยุ่งเป็นอย่างมาก หลังจากที่ลงมาจากห้องท่านประธานก็ดูเอกสารหลากหลายอย่างอยู่ตลอด
อีกทั้งต่างก็ไม่ใช่งานที่แต่เดิมเธอจะต้องรับผิดชอบ
“เย็นนี้เธอจะต้องทำโอที?” เวินจิ้งเอ่ยถามเธอ
อั้ยเถียนพยักหน้า
“ทำโอทีให้กับคุณเสี้ยงอย่างไม่มีเงื่อนไข?” เวินจิ้งเข้าใจอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีเงื่อนไขที่ไหนกัน เอาค่าโอทีนะ!” อั้ยเถียนเอ่ยอย่างฟึดฟัด
เวินจิ้งหัวเราะออกมาเล็กน้อย “อย่ายุ่งจนดึกมากเกินไปล่ะ วันนี้เธอนั่งเครื่องบินก็เหนื่อยมากแล้ว”
“รู้แล้วน่า เธอรีบไปรับมู่วี่สิงเถอะ”
เวินจิ้งมองดูข้อความที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ เป็นข้อความที่สามชั่วโมงก่อนมู่วี่สิงส่งให้กับเธอ
เครื่องบินของเขาหนึ่งทุ่มก็ถึงที่สนามบินหนานเฉิง
“ใครบอกว่าฉันจะไปรับเขา” แก้มทั้งสองข้างของเวินจิ้งแดงระเรื่อ
“อยากไปก็ไปเถอะ จิ้งจิ้ง เธอต่างก็แต่งงานกับมู่วี่สิงเกือบจะหนึ่งปีแล้ว ทำไมยังปลดปล่อยไม่ได้ขนาดนี้อยู่อีก” อั้ยเถียนส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
นิสัยของเวินจิ้งนิ่งเฉยเชื่องช้ามาโดยตลอด ในด้านความรู้สึกก็ยิ่งเป็นแบบนั้น ตอนที่คบกับฉืออี้เหิงในปีนั้น ก็รักษาอยู่ในสถานะของผู้ถูกกระทำมาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้ฉืออี้เหิงก็เลยถูกฉินเฟยลากขึ้นเตียงไปอย่างง่ายดาย อย่างไรเสียในเวลานั้น เวินจิ้งก็ยังคงปฏิเสธพฤติกรรมที่สนิทสนมมากเกินไปกับเขาอยู่ตลอด
“เถียนเถียน สำหรับมู่วี่สิงแล้ว ฉันปลดปล่อยตัวเองในระดับที่สูงที่สุดมาโดยตลอด” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นเบาๆ
ตอนที่เผชิญหน้ากับมู่วี่สิง เธอถึงขั้นราวกับสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไป เขาอยากได้ เธอก็ให้ ต่อต้านไม่ไหวเลยแม้แต่น้อย
“โอ้โห ดูเหมือนก็ยังคงเป็นคุณหมอมู่ของพวกเราที่มีเสน่ห์ไม่มีที่สิ้นสุด” อั้ยเถียนกระพริบตาปริบๆอย่างคลุมเครือส่งมาให้กับเธอ
แก้มทั้งสองข้างของเวินจิ้งยิ่งแดงเข้าไปกันใหญ่ คิดถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่แต่งงานกับมู่วี่สิง เธอถูกเขาครอบครองสิทธิ์ในการริเริ่มมาโดยตลอด
“อืม จริงด้วย โดยเฉพาะเสน่ห์บางอย่าง” เวินจิ้งโน้มตัวลงเอ่ยขึ้นที่ข้างใบหูของอั้ยเถียน
“อ๊าย!จิ้งจิ้งเธอเสียคนแล้ว!” อั้ยเถียนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมา คิดไม่ถึงว่าในชาตินี้ก็จะสามารถได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของเวินจิ้งได้!
เวินจิ้งยักคิ้วขึ้น เห็นเวลาพอสมควรแล้ว เธอรีบไปที่สนามบิน
บางทีในความสัมพันธ์นี้ เธอก็ควรจะยิ่งริเริ่มด้วยตนเองขึ้นมาหน่อยแล้ว
เรื่องของอนาคตใครก็ไม่สามารถคาดเดาได้ งั้นก็ทะนุถนอมตอนนี้ก่อนเถอะ
สนามบิน คนเดินผ่านไปผ่านมา
ตอนที่เวินจิ้งไปถึงถึงได้รู้ว่าเที่ยวบินที่มู่วี่สิงโดยสารมานั้นดีเลย์แล้ว เธอหาที่นั่งลงในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เตรียมจะอ่านนิยายเพื่อฆ่าเวลา
ในเวลานี้ ในกลุ่มพนักงานบริษัทมีคนกำลังพูดคุยกันถึงชีวิตด้านความสัมพันธ์ของคุณเสี้ยง มีบุคคลนิรนามออกมาเปิดเผยว่าเสี้ยวหงกับอั้ยเถียนคบกันมาตั้งนานแล้ว
เวินจิ้งอ่านข้อความไล่ลงไปทีละบรรทัด ในกลุ่มนี้อั้ยเถียนก็อยู่ เธอก็ถูก@ออกมาแล้ว
เพียงแต่ไม่ได้มีการตอบกลับ
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในกลุ่มปกติต่างก็สนใจข่าวซุบซิบกันไม่ใช่น้อย ไม่ช้าก็มีคนเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “คุณเสี้ยงน่ะมีว่าที่ภรรยาแล้วนะ สามปีก่อนก็หมั้นกันอยู่ที่ประเทศAแล้ว จะต้องไม่ได้คบกับอั้ยเถียนอย่างแน่นอน!”
“ที่แท้คุณเสี้ยงมีคู่หมั้นแล้ว? ฉันเห็นว่าก่อนหน้านี้ช่วงใหญ่ๆเขามีข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวเยอะมาก ยังนึกว่าโสดอยู่เลยนะ!”
“คงจะเป็นเพียงแค่มีโอกาสก็เล่นสนุกเป็นบางครั้งบางคราวล่ะมั้ง คู่หมั้นคนนั้นของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองหนานเฉิง อยากจะคุมก็คุมไม่ได้”
“คู่หมั้นของคุณเสี้ยงคือใครอ่ะ?”
เวินจิ้งกลับสงสัยขึ้นมาแล้วเช่นเดียวกันว่า หากเสี้ยวหงมีคู่หมั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังจะมาแหย่อั้ยเถียน?
เพียงแต่เธอไม่ค่อยยินยอมที่จะให้อั้ยเถียนรู้เรื่องนี้ จึงตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า
“เรื่องส่วนตัวของเจ้านายพวกคุณก็ยังกล้าซุบซิบ?” เวินจิ้งส่งอิโมติคอนโกรธมากเข้าไป
“เจ้านายก็ไม่ได้อยู่ในนี้สักหน่อย อีกทั้งพวกเราก็แค่เอาใจใส่คุณเสี้ยง!”
เวินจิ้งตอบกลับอย่างรวดเร็ว “นี่น่ะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเสี้ยง พวกคุณเอาใจใส่จนเกินขอบเขตไปแล้ว”
ในเวลานี้ อั้ยเถียนที่นั่งอ่านอยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็ตอบกลับมา “ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณเสี้ยงเป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกน้องธรรมดาก็เท่านั้นเอง เลิกซุบซิบมั่วซั่วกันได้แล้ว”
เวินจิ้งหยุดชะงักลง ค่อนข้างเป็นห่วงอั้ยเถียน จึงได้โทรศัพท์ไปหาเธอ เพียงแต่อั้ยเถียนไม่ได้รับสาย
ข้อความที่อยู่ในกลุ่มเธอยังคงจับตาดูอยู่ เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าคู่หมั้นของเสี้ยวหงเป็นใครกันแน่ แต่มีคนหาภาพที่เสี้ยวหงหมั้นเมื่อสามปีก่อนเจอ ผู้หญิงสวมชุดแต่งงานสีขาวที่อยู่บนรูปสวยจนน่าตกตะลึง
…
หลังจากนั้นสองชั่วโมง เที่ยวบินของมู่วี่สิงก็ร่อนลงสู่พื้นดินอย่างราบรื่น
เวินจิ้งเดินเข้าไปถึงโซนผู้เดินทางมาถึง ยังไม่ทันได้เห็นมู่วี่สิง กลับเห็นฉีเซินกับฉินเฟยคล้องแขนกันเดินออกมาก่อน
ฉินเฟยหรี่ตาลง มือที่คล้องฉีเซินเอาไว้รัดแน่นขึ้น
“ไม่เข้าไปทักทายหน่อยหรอคะ?” เธอเอ่ยถามขึ้นอย่างเยือกเย็น
ฉีเซินยกมุมริมฝีปากบางขึ้น ถอดแว่นกันแดดออก ดวงตาดำขลับหรี่ลงอย่างมืดหม่นและเยือกเย็น
เมื่อครู่นี้เขาก็เห็นมู่วี่สิงอยู่ที่ชั้นเฟิร์สคลาสแล้ว แน่นอนว่าเขารู้ว่าเวินจิ้งกำลังรอมู่วี่สิงอยู่
“คุณจะหึงเอาได้” เสียงในลำคอของฉีเซินทุ้มต่ำลงเล็กน้อย
“ฉันกล้าที่ไหนกันคะ”
“ผู้หญิงที่ปากไม่ตรงกับใจไม่น่ารัก” ฉีเซินยิ้มออกมา
สุดท้ายฝีเท้าก็หยุดอยู่ที่ด้านหน้าของเวินจิ้ง
“มู่วี่สิงถูกแฟนคลับปิดล้อมเอาไว้แล้วบนเครื่องบิน ผมว่าในชั่วครู่ชั่วยามคงจะออกมาไม่ได้”
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น อดไม่ได้ที่จะหันไปทางฉีเซิน
“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณคุณฉีที่เตือน”
ฉีเซินจากไปอย่างรวดเร็ว ในหางตา สายตาเยือกเย็นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“เวินจิ้งได้ตรวจสอบพบแล้วว่าข่าวยาปลอมคือฉันที่เป็นคนปล่อยออกมา ผู้หญิงที่คุณชอบกำลังจะทำฉันให้ตาย” นั่งเข้ามาในรถ ฉินเฟยเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก
ฉีเซินพิงไปบนพนักเก้าอี้ ยืดขายาวๆออกอย่างขี้เกียจ เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “คุณถูกทำให้ตายง่ายขนาดนี้เลยหรอ? ผมเห็นคุณแข็งแกร่งอยู่นะ”
“ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังกับคุณนะคะ!ในมือของเธอมีหลักฐาน” ฉินเฟยเป็นกังวลมาโดยตลอด
แม้ฉีเซินบอกว่าจะปกป้องคุ้มครองเธอ แต่ในใจของเขาแคร์เวินจิ้งขนาดนั้น จะตลบหลังเธอหรือเปล่าก็ยังไม่แน่
“หลักฐานที่สามารถค้นหาได้ในตอนนี้ต่างก็ไม่สามารถข่มขู่อะไรคุณได้”
“จริงหรอคะ?” นัยน์ตาของฉินเฟยเปล่งประกายขึ้น
“อืม งานแถลงข่าวของบริษัทการผลิตยาเทียนอีในวันพรุ่งนี้ รอดูละครสนุกๆก็พอแล้ว” ฉีเซินปรากฏรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา
ฉินเฟยขนพองสยองเกล้าขึ้นมาในทันที ผู้ชายคนนี้ ไม่ธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
ในที่สุด หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เวินจิ้งก็มองเห็นเงาร่างสูงโปร่งที่ถูกรายล้อมอยู่ในกลุ่มคน
มู่วี่สิงสวมเสื้อคลุมกันลมแบบยาวสีดำ ลำตัวตั้งตรง ใบหน้าหล่อเหลา รัศมีเยือกเย็นแต่ไม่อาจที่จะละเลยได้
ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของเวินจิ้ง สายตาของเขาผ่านกลุ่มผู้คน ประสานเข้ากับสายตาของเธอ
เพียงแต่ สีหน้าเยือกเย็นเป็นอย่างมาก
เวินจิ้งเดินมาถึงข้างกายของเขา เห็นด้านหลังของเขายังมีแฟนคลับหลายคนตามอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ไม่รู้เลยนะคะว่าคุณอาศัยฝีมือทางการแพทย์หรืออาศัยหน้าตาโด่งดังขึ้นมา”
ที่แฟนคลับเหล่านี้ถืออยู่ต่างก็คือรูปภาพของมู่วี่สิง ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็หล่ออย่างไม่มีมุมตาย ตามมู่วี่สิงเหมือนกับเห็นเป็นดารา
“ทำไมครับ อิจฉาผม?” มู่วี่สิงเดินเข้ามาใกล้ เอ่ยขึ้นอย่างเย็นๆ
“เปล่าสักหน่อยค่ะ”
“งั้นคือหึง?” มู่วี่สิงโอบเอวบางของเธอเอาไว้อย่างกะทันหัน ใบหน้าอันหล่อเหลาห่างกันใกล้มาก
หัวใจของเวินจิ้งเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง