บทที่ 185 ต่อไปไม่อนุญาตให้เอาใจใส่ผู้ชายคนอื่นอีก
สายตาของแฟนคลับเหล่านั้นที่อยู่ด้านข้างก็แทบจะฆ่าเธอให้ตายอยู่แล้ว
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะดันหน้าอกของเขาเอาไว้ ยังคงเป็นการปฏิเสธ “คุณคิดมากไปแล้วค่ะ”
มู่วี่สิงยกมุมริมฝีปากขึ้นยิ้ม ในวินาทีนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดจนทุกสรรพสิ่งหลงใหล
กลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน มู่วี่สิงจัดให้คนรับใช้มาเตรียมอาหารเย็นเอาไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เพราะว่าเครื่องบินดีเลย์มาถึงช้ากว่ากำหนด ตอนที่กลับมาถึงอาหารต่างก็เย็นหมดแล้ว
เวินจิ้งไปอุ่นใหม่อีกครั้ง คิดถึงเรื่องของวันนี้ เธอจึงสอบถามกับมู่วี่สิง
“คุณเสี้ยงมีคู่หมั้นแล้วใช่หรือเปล่าคะ?”
ความสัมพันธ์ของมู่วี่สิงกับเสี้ยวหงดีขนาดนี้ จะต้องรู้อย่างแน่นอนล่ะมั้ง?
ชายหนุ่มหยุดชะงักลงไปเล็กน้อย เดินเข้ามากอดจากทางด้านหลังของเวินจิ้งเอาไว้ คางเกยอยู่บนไหล่ของเธอ เสียงในลำคอเบาและไร้เรี่ยวแรงเป็นอย่างมาก “อืม”
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจนัก เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ…
“งั้นเขายังหว่านเสน่ห์ไปทั่ว” น้ำเสียงของเวินจิ้งโกรธมาก
เธอรู้ว่าตอนนี้อั้ยเถียนจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน เรื่องที่เสี้ยวหงมีคู่หมั้น เธอรู้หรือเปล่านะ?
มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น เรื่องส่วนตัวของเสี้ยวหงซับซ้อนมากเหลือเกิน แม้ว่าจะเป็นเพื่อน แต่เขาไม่เคยแทรกแซงมาก่อน
แต่ว่า เขาก็มีความยากลำบากของเขาเช่นเดียวกัน
“สิ่งที่คุณเห็นสิ่งที่คุณได้ยิน บางทีก็ไม่ใช่เรื่องจริง” มู่วี่สิงหันใบหน้าเล็กๆของเธอเข้ามา
ปลายนิ้วลูบไล้ไปบนข้างแก้มของเวินจิ้ง สายตาของเขาลึกซึ้ง
“ดังนั้น เสี้ยวหงเป็นคนที่เชื่อถือได้หรือเปล่าคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
เธอรู้ดีเหลือเกินว่าอั้ยเถียนรักเสี้ยวหงขนาดไหน เธอกับอั้ยเถียนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปีแล้ว ก็ไม่หวังที่จะให้เธอจะพ่ายแพ้อยู่กับผู้ชายเลวๆคนหนึ่ง
โดยจิตใต้สำนึก เธอคิดว่าคนที่สามารถสนิทสนมกับมู่วี่สิงได้ ความประพฤติส่วนใหญ่ต่างก็ไม่แย่
แต่ว่า ข่าวคราวเรื่องชู้สาวเหล่านั้นที่ผ่านมาของเสี้ยวหงวางแผ่เอาไว้อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้เธออดสงสัยไม่ได้อีก
“นี่ต้องดูว่าปฏิบัติต่อใคร หากเป็นคู่แข่งทางด้านธุรกิจ การใช้อุบายบางอย่างก็จำเป็นจะต้องมี” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นอย่างความหมายไม่ค่อยจะชัดเจนนัก
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่เขา รู้สึกว่ามู่วี่สิงนั้นไม่อยากที่จะบอกเธอ
เธอถามคำถามอย่างอื่นกับเขา “เสี้ยวหงคงจะแต่งงานกับคู่หมั้นของเขาล่ะมั้งคะ?”
“เอาใจใส่เขาขนาดนั้น ไม่เอาใจใส่ผมสักหน่อยหรอ?” เสียงในลำคอของมู่วี่สิงแฝงไปด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
แก้มทั้งสองข้างของเวินจิ้งแดงระเรื่อขึ้นอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ เงยหน้าขึ้นประสานเข้ากับสายตาที่ลึกซึ้งของมู่วี่สิง จากนั้นเอ่ยขึ้นโดยจิตใต้สำนึกว่า “คุณมีอะไรที่ต้องการให้ฉันเอาใจใส่กันคะ?”
สีหน้าของมู่วี่สิงเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย ”อะไรผมก็ต้องการให้คุณเอาใจใส่”
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น สายตาของชายหนุ่มล้ำลึกกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด มักจะทำให้เธอแทบจะจมเข้าไปในนั้นตาย
ริมฝีปากของเขาเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ลมหายใจของเพศชายที่คุ้นเคยปกคลุมลงมา ชั่วเวลาที่เวินจิ้งกระพริบตานั้น เขาก็ได้จับกุมลมหายใจของเธอเอาไว้อย่างเผด็จการ
บริเวณโดยรอบเงียบมาก ได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจเต้นของกันและกัน เวินจิ้งริเริ่มกอดมู่วี่สิงเอาไว้ เขย่งปลายเท้าขึ้น
คิดอยากจะใกล้ชิดเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้
ฝ่ามือของเขาทาบอยู่บนแผ่นหลังของเธอ กำเริบเสิบสานเข้าไปอย่างลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ความหอมหวานของเธอก็เหมือนกับยาพิษ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะหยุดได้
จนกระทั่งไมโครเวฟที่อยู่ด้านหลังส่งเสียง“ติ๊ดๆ”ออกมา เวินจิ้งถึงได้มีสติกลับคืนมา
“อาหารเสร็จแล้วค่ะ”
มู่วี่สิงกลับล็อคศีรษะทางด้านหลังของเธอเอาไว้ วาดเค้าโครงรูปทรงริมฝีปากที่สวยงามของเธอเอาไว้อีกครั้งถึงได้ปล่อยออกอย่างพอใจ
“ต่อไปไม่อนุญาตให้เอาใจใส่ผู้ชายคนอื่นอีก หืม?”เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาและแหบพร่า
ความมืดมนที่อยู่ด้านหน้าแผ่ขยายออก
เวินจิ้งทำปากจู๋ ในใจกลับหวานซึ้งเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันก็แค่เป็นห่วงอั้ยเถียนค่ะ” เวินจิ้งยกอาหารออกไป คิ้วที่เรียวงามขมวดคิ้ว
“เสี้ยวหงจะต้องมีขอบเขตอย่างแน่นอน” มู่วี่สิงลูบศีรษะของเธออย่างรักใคร่เอ็นดู
เวินจิ้งกลับไม่มีทางสงบลงได้ ทานข้าวเสร็จก็โทรศัพท์ไปหาอั้ยเถียน ในที่สุดคราวนี้เธอก็รับสายแล้ว
“เถียนเถียน เธอยังสบายดีอยู่หรือเปล่า?”
“ฉันจะมีอะไรที่ไม่สบายได้…” ประโยคนี้พูดออกมา น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างกะทันหัน
เธอจะสบายดีได้ที่ไหนกันอีก ราวกับทั่วทั้งโลกต่างก็รู้แล้วว่าเสี้ยวหงมีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอก็ยังคงมุดเข้าไปอย่างโง่ๆอีก
“เธออยู่บ้านใช่ไหม? ฉันไปอยู่เป็นเพื่อน…” เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหา
“สองสามวันนี้ฉันไม่อยู่ที่เมืองหนานเฉิง จิ้งจิ้ง ฉันต้องการอยู่คนเดียวสักพัก เธอไม่ต้องตามหาฉัน” อั้ยเถียนสูดน้ำมูกเข้าไป
พูดจบ ก็วางสายลงไปอย่างรวดเร็ว
พอเวินจิ้งโทรกลับไปใหม่อีกครั้ง อั้ยเถียนก็ได้ปิดเครื่องลงแล้ว
คราวก่อนตอนที่อั้ยเถียนอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ ก็ยังคงเป็นห้าปีก่อนตอนที่พี่ชายของเธอเครื่องบินตกเสียชีวิตลง เธอตัวคนเดียวตัดขาดช่องทางการติดต่อทั้งหมดหายไปเต็มๆหนึ่งเดือน
เธอกลัวว่ายังจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก
สีหน้าซีดเผือดลง พอเวินจิ้งหมุนตัว มู่วี่สิงก็อาบน้ำเสร็จออกมาพอดี แผ่นอกที่กำยำยังคงมีน้ำหยดอยู่ เสื้อคลุมอาบน้ำสีน้ำเงินบดบังหุ่นที่สมบูรณ์แบบของเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เวินจิ้งกลับไม่มีใจที่จะชื่นชม จับแขนของชายหนุ่มเอาไว้แน่น “คุณเอาเบอร์โทรศัพท์มือถือของเสี้ยวหงมาให้ฉัน”
หากอั้ยเถียนเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอไม่มีทางปล่อยผู้ชายเลวๆคนนี้ไปแน่!
มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น กดศีรษะของเธอเอาไว้ “อย่าก่อกวนสิ”
เวินจิ้งจ้องไปที่มู่วี่สิงอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “ฉันไม่ได้ก่อกวน ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปตามหาอั้ยเถียนท่ีไหน ฉันกังวลว่าเธอจะเกิดเรื่อง”
มู่วี่สิงโน้มสายตาลงต่ำ ผ่านไปอยู่นาน ก็ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของเสี้ยวหงออกมา
เวินจิ้งโทรออกไปในทันที
“วี่สิง แกโทรศัพท์มาได้พอดีเลย ฉันกับหนานเฉิงอยู่ที่สถานบันเทิงทางนี้ จะมาไหม?”
“เสี้ยวหง ตอนนี้หาตัวอั้ยเถียนไม่เจอ” เวินจิ้งสูดหายใจเข้าเต็มปอด”
เสี้ยวหงหยุดชะงักไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นคือเวินจิ้ง จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “คุณน่ะสิที่เป็นเพื่อนของเธอ เรื่องนี้ คุณบอกผมไม่มีประโยชน์”
“คุณเป็นแฟนของเธอ ร่องรอยการเคลื่อนไหวของเธอคุณไม่ชัดเจนหรอกหรอ?” น้ำเสียงของเวินจิ้งแฝงไปด้วยข้อสงสัยเล็กน้อย
เสี้ยวหงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ความสัมพันธ์ของผมกับเธอ เป็นเพียงแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น”
“คุณ…อั้ยเถียนตาบอดไปแล้วจริงๆถึงชอบคุณไปได้!” เวินจิ้งตะคอก โยนโทรศัพท์มือถือทิ้ง
“มู่วี่สิง เพื่อนของคุณมากพอแล้วจริงๆ!” เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะจ้องไปที่มู่วี่สิง
มู่วี่สิงหยุดชะงักไปชั่วขณะ “คุณนายมู่ นี่คุณกำลังระบายความโกรธกับผม?”
เวินจิ้งชะงักงัน ดูเหมือนจะ…ใช่
“ช่างเถอะค่ะ ไม่มีอะไรแล้ว” เวินจิ้งคลุมโปง ทำได้เพียงส่งข้อความวีแชทไปหาอั้ยเถียนอยู่ตลอดเวลา ปลอบใจเธอ
มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น เงาร่างที่สูงโปร่งขยับเข้าไปใกล้ กอดเวินจิ้งเข้ามาไว้ข้างในอ้อมแขน จูบลงบนตรงกลางระหว่างคิ้วของเธอ “พรุ่งนี้คุณจะต้องได้เห็นเธออย่างแน่นอน พรุ่งนี้เป็นงานแถลงข่าวของบริษัทการผลิตยาเทียนอี เธอคือผู้รับผิดชอบ จะขาดเธอไปไม่ได้”
เวินจิ้งนิ่งเงียบ อาศัยความเข้าใจที่เธอมีต่ออั้ยเถียนแล้ว หากเธอไม่อยากออกมาให้เห็น ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาเธอก็สามารถไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อยได้
“ตอนนี้เธอขาดการติดต่อไปแล้วค่ะ” เวินจิ้งพึมพำออกมา
“หากขาดเธอไปจริงๆ ผมก็ไม่รับประกันว่าเสี้ยวหงจะทำอะไรออกมาได้” เสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นลงมา
พูดจบ มู่วี่สิงก็ไปที่ห้องหนังสือ ไม่นานนักเสี้ยวหงก็โทรศัพท์เข้ามา
“เวินจิ้งล่ะ?” เสียงในลำคอของเสี้ยวหงค่อนข้างร้อนรน
ท่าทีของมู่วี่สิงราบเรียบอยู่ตลอดเวลา กลับแฝงไปด้วยความเย็นชาและเคร่งขรึมหลายระดับ ”เธอนอนแล้ว ดึกดื่นแกหาเมียฉันทำไม?”
เสี้ยวหงสะอึกเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ฉันหาอั้ยเถียนไม่เจอ”
“สมควร” มู่วี่สิงส่งสองคำให้กับเขา จากนั้นก็จะวางสายลง
เสี้ยวหงรีบหยุดยั้งเขาเอาไว้ในทันที “วี่สิง ไม่ใช่แบบนี้!แกก็รู้ว่านิสัยของฉันไม่คงที่ ฉันไม่ได้คิดที่จะทำร้ายเธอ”
“อาฮะ” มู่วี่สิงเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ
“เอาล่ะ ฉันไม่อยากพูดเรื่องส่วนตัวกับผู้ชายดีๆอย่างแก พวกเรามาคุยธุระกัน อั้ยเถียนเป็นผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบการขายของเหม่ยทง งานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้เดิมทีเป็นเธอที่เป็นคนออกหน้าอธิบาย ตอนนี้หาเธอไม่เจอ ฉันก็ทำได้เพียงหาเมียของแกแล้ว”
มู่วี่สิงสีหน้าบึ้งตึง เอ่ยขึ้นอย่างนิ่งๆว่า “งั้นแกก็ออกหน้าด้วยตัวเอง”