บทที่ 200 ฉันเต็มใจ
“ฉันไม่รู้การเดินทางของเขา” เวินจิ้งส่ายศีรษะไปมา
ลี่หนานเฉิงจับคางด้วยท่าทีที่สงสัย ไม่รู้หรอ?
เขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ยังดีมาก!
“ถ้างั้น ผมจะบอกคุณเอง” ลี่หนานเฉิงยกริมฝีปากที่บอบบาง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ท่าทางของลี่หนานเฉิงเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม เธอค่อยๆละสายตากลับมา
ลี่หนานเฉิงชักสีหน้า ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ จึจึ เหมือนกับมู่วี่สิงไม่มีผิด
มองไปทางเวินจิ้ง ลี่หนานสิงเปิดปากพูดขึ้นว่า “พอดีว่าฉันมีธุระนิดหน่อย เวินจิ้ง คุณก็มากับผม
สิ”
พูดจบ ลี่หนานเฉิงให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขากลับไปก่อน เขากดไปที่ชั้นหนึ่ง
เวินจิ้งชะงัก เธอรู้ดีตอนนี้ลี่หนานเฉิงเป็นเจ้านายเธอ เพียงแต่เขาดูมีเจตนาอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ประธานลี่ คืองานอะไรหรอคะ?” เวินจิ้งถาม
“ถึงแล้วคุณก็จะรู้เอง” ลี่หนานเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่โต้กลับไม่ได้เลย
ครึ่งชั่วโมงต่อมาคลับหวาเฉิง
ใกล้ค่ำแล้ว ที่นี้ล้วนมีแสงไฟสว่างไสว ผู้จัดการที่อยู่หน้าประตูต้อนรับลี่หนานเฉิงอย่างมี
มารยาท เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแขกวีไอพีของที่นี่
เวินจิ้งเดินตามหลังลี่หนานเฉิงตลอดทาง เดินผ่านระเบียงสีทองที่หรูหรา จนมาถึงที่นั่งชั้นพิเศษ
ท้ายสุด
ข้างในเต็มไปด้วยผู้ชายที่แต่งตัวสไตล์ตะวันออกนั่งกันอย่างตามสบาย พอลี่หนานเฉิงมาถึง ที่
นั่งตรงกลางก็ออกมาอย่างอัตโนมัติ เวินจิ้งนั่งลงข้างๆเขาอย่างคับแคบ
“ทุกท่านต่างก็เป็นหุ้นส่วนของบริษัทเหิงเซินกรุ๊ป และคนนี้คือผู้ช่วยผมเอง เวินจิ้ง”
ลี่หนานเฉิงแนะนำตัวคร่าวๆ
ทุกคนต่างก็คุยแต่เรื่องงานจริงๆ เวินจิ้งไม่ค่อยรู้เรื่องห้างสรรพสินค้าเท่าไร เลยไม่จำเป็นต้องจด
บันทึก เพียงแค่นั่งดื่มเงียบๆอยู่ข้างๆก็พอ
“เวินจิ้ง ไปช่วยผมเร่งให้หน่อยสิ เหล้าที่สั่งไปทำไมยังไม่มาอีก” สักพักลี่หนานเฉิงก็ออกคำสั่ง
เวินจิ้งออกจากประตูไป ข้างหน้าซ้ายขวาทุกด้านมีแต่ระเบียง เมื่อกี้เราเดินมาจากทางไหนกันนะ
……
ที่นี่ก็ไม่มีป้ายบอกทางอีก ชะงัก เธอได้แต่เดินตามใจตัวเอง อย่างไรก็ตามแค่เห็นพนักงานก็
พอแล้ว
วนอยู่หลายรอบ ก็ไม่เห็นใครเลย ตรงทางโค้งกลับเห็นเงาสองคนที่คุ้นเคยผ่านเข้ามา
เวินจิ้งรีบถอยหลังกลับไปทันทีตามสัญชาตญาณ ใจเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ
“มู่วี่สิง ฉันคิดไม่ถึงว่าคุณจะทำเรื่องโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้จริงๆ ไม่เหลือโอกาสให้ฉันถอยเลย มี
แต่จัดการการแต่งงานให้ฉันอย่างรอบคอบ” ลู่หวั่นมองผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าอย่างเย้ยหยัน
เธอรักเขามานานขนาดนี้ เขากลับทำแบบนี้กับเธอ
ใจของเขา แข็งราวกับหิน มู่วี่สิงไม่แสดงสีหน้าอะไรเลย เพียงกระซิบบอกว่า “ผมเคยบอกคุณ
แล้ว ไม่ต้องอยู่เคียงข้างผม”
“คุณชอบเวินจิ้งมากจนกลัวเธอจะเข้าใจผิดขนาดนี้เลย? เราก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นกัน!” ลู่หวั่น
น้ำเสียงโกรธมาก ยี่สิบปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เขาใส่ใจได้เช่นนี้
แม้แต่เธอเอง มู่วี่สิงปฏิบัติต่อเธอก็แค่ความสัมพันธ์แบบผิวเผินไม่คิดเกินเลย
เธอคิดว่าเขาปฏิบัติแบบนี้กับทุกคน
แต่เมื่อเวินจิ้งปรากฏตัวขึ้น ก็ได้ทำลายความหวังที่เธอมีต่อมู่วี่สิงจนหมด
มู่วี่สิงขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “ไม่มีเธอ ผมก็ไม่แต่งกับคุณ”
ลู่หวั่นเดินอย่างโซเซ คำพูดนี้ทำให้จิตใจที่เปราะบางของเธอพังทลาย
สายตาที่แวววับค่อยๆตกลงมา
ความโกรธทำให้ลู่หวั่นจับแขนมู่วี่สิงในทันที เธอเขย่งเท้าขึ้น มองเขาแบบไม่กลัวเกรงสิ่งใด
“งั้นหรอ? อย่างน้อยเราก็เติบโตมาด้วยกัน มู่วี่สิง คุณไม่มีความรู้สึกอะไรกับฉันสักนิดเลยหรอ?”
ลู่หวั่นทุ่มสุดตัวแล้ว เธอจะแต่งงานแล้ว แต่เธอก็ยังอยากได้คำตอบจากมู่วี่สิง
พอพูดจบ เธอก็เขย่งเท้าขึ้น เพื่อที่จะกอดมู่วี่สิง เงยหน้าจูบปากอันเรียวบางที่เธอรอคอยมานาน
ห่างจากนี้ไม่ไกล เวินจิ้งได้เห็นภาพนี้ ทันใดนั้นรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมา ลู่หวั่นหันหลังให้เธอ
เธอเห็นแต่ลู่หวั่นประคองหน้าของมู่วี่สิง ดูสนิทกันมาก
เธอไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว……
หันหลังกลับ เวินจิ้งบังคับขาที่ยืนแข็งให้ก้าวออกไปจากตรงนั้น ภาพที่เขาสองคนยืนกอดกันยัง
ตรึงตราอยู่ในสมอง
ทั้งๆที่เคยเตือนตัวเองแล้วว่าไม่เป็นไร แต่พอมาเห็นกับตาตัวเอง สุดท้ายแล้วก็รู้สึกผิดหวัง
เห็นหน้าผู้หญิงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มู่วี่สิงรีบผลักเธอออกไปทันที ลู่หวั่นแทบจะไม่ได้แตะถูกเขา
เลย ทั้งตัวสะดุดล้มลง ครั้งนี้ ล้มลงอย่างหมดท่า
“ลู่หวั่น เหลือศักดิ์ศรีไว้บ้าง” น้ำเสียงผู้ชายเริ่มเย็นชา
ลู่หวั่นล้มลงพื้น หัวใจเจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ สายตาที่ไม่ยินยอมค่อยๆเปลี่ยนเป็นความแค้น
เธอค่อยๆกำมือขึ้น
ในเวลานี้ ประตูห้องที่นั่งชั้นพิเศษที่อยู่ไม่ไกลก็เปิดออก ขาที่ใหญ่ยาวของอานฉิงก้าวออกมา
สายตาเพ่งไปที่ใบหน้าซีดเซียวของลู่หวั่น เขายื่นมือมาให้เธอ
“ถ้าคุณไม่ยินยอม ผมสามารถถอนหมั้นได้นะ” อานฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เขามีความรู้สึกที่ดีต่อลู่หวั่น เพียงแต่ในใจผู้หญิงไม่เคยมีเขาอยู่เลย เขาก็ไม่อยากบังคับให้
แต่งงานด้วย
ผู้นำประเทศBที่สง่างาม ผู้หญิงหลายคนต่างก็แย่งเขากันอย่างไม่ขาดสาย ที่ผ่านมาลู่หวั่นเป็นแค่หนึ่ง
ในตัวเลือกที่เขาเลือกเอง
ลู่หวั่นเงยหน้าขึ้น สีหน้าค่อยๆเย็นลง เธอจับมือของอานฉิงแล้วลุกขึ้นมา ส่ายศีรษะพร้อมกับ
พูดว่า “ฉันยินยอม”
สามคำที่พูดออกมานี้ ถึงจะเจ็บปวดแต่จะไม่มีวันเสียใจในภายหลังอีก
เวินจิ้งหลงทางอีกรอบ แต่ได้เจอพนักงาน หลังจากเร่งไวน์แดงที่ได้สั่งไว้ ก็ได้นำทางเธอกลับไป
ยังที่นั่งชั้นพิเศษ
พอเดินเข้าประตู กลับมีเงาเพิ่มมาอีกคนนึง
เวินจิ้งหยุดชะงัก แล้วเดินเข้าไปอย่างเย็นชา
ยังคงกลับไปนั่งข้างๆลี่หนานเฉิงเหมือนเดิม “ประธานลี่ เดี๋ยวเหล้าก็มาเสิร์ฟแล้ว”
“ทำไมสีหน้าแย่จัง?” ลี่หนานเฉิงขมวดคิ้ว
สายตามองไปที่มู่วี่สิง
มู่วี่สิงเหล่ตามอง เวินจิ้งที่นั่งห่างจากเขาประมาณสองเมตร เมื่อกี้เจอกัน แต่ทำเป็นมองไม่เห็น
เขา
เวินจิ้งส่ายศีรษะไปมา แล้วนั่งอยู่ในมุมอย่างเงียบๆ ในหัวสมองมีแต่ภาพที่ลู่หวั่นกอดกับมู่วี่สิง
ลืมไม่ลงจริงๆ
คนที่อยู่ในห้องนั้น ก็ไม่รู้ว่ากลับไปกันตั้งแต่เมื่อไร ลี่หนานเฉิงยื่นเหล้าให้แก้วนึง เม้มปากและ
พูดว่า “ดื่มสักหน่อย?”
เวินจิ้งเงยมอง แก้วเหล้าที่โปร่งใส กลับมองทะลุเห็นสายตาที่ล้ำลึกของมู่วี่สิงที่นั่งอยู่บนโซฟา
ตรงข้าม
เธอรับไว้ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก กระดกหมดแก้ว
รสชาติที่ขมขื่นอยู่ในปาก ยังไม่เท่าความเจ็บปวดที่อยู่ในใจ
ลี่หนานเฉิงมองเธออย่างตกใจ เหล้านี้ดีกรีไม่ต่ำเลยนะ เวินจิ้งดื่มหมดนี่เลย……
เขาขมวดคิ้วมองไปที่มู่วี่สิงอย่างตึงเครียดทันที
เพียงแต่ความสนใจของอีกฝ่ายไปอยู่ที่เวินจิ้ง
สองคนนี้ทะเลาะกันหรอ?
ในที่สุดเขาก็คาดเหตุการณ์ออก แต่อย่างน้อยเมื่อกี้ที่ทุกคนอยู่ในห้อง ก็ยังดูไม่ออกกันว่ามู่วี่สิง
กับเวินจิ้งเป็นสามีภรรยากัน
เขาทำเสียงกระแอม เหมือนจะแอบชิ่งหนีไป “นี่ก็ดึกแล้ว ผมก็ควรจะกลับแล้วล่ะ พี่ชาย พี่สะใภ้
พวกคุณค่อยๆ……
พูดจบ คนก็รีบเดินออกไปทันที กลัวว่าจะโดนมู่วี่สิงสอบสวน
เวินจิ้งดื่มเหล้าไปแล้วหนึ่งแก้ว แก้มแดงก่ำ เริ่มมึนๆ เธอพยายามลืมตาขึ้น สายตาที่พร่ามัว ตรง
ข้ามเหมือนมีผู้ชายกำลังเดินเข้ามา
เธอยิ้ม “มู่วี่สิง……”
คำพูดนั้นไม่มีความอ่อนโยนหลงเหลือเลย