บทที่206 สิ่งที่ทำร้ายคุณก็มีแต่ตัวของคุณเอง
จนกระทั่งตอนเย็น เวินจิ้งยังคงรออยู่ ดูท่าแล้วบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปคงต้องการจะถ่วงเวลา
เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้เริ่มหิวจนหน้าซีด
ตอนนี้ก็เลย เวลาเลิกงานแล้ว เธอมองไปยังสัญญาที่วางอยู่ที่นี่ แล้วหยิบมันขึ้นมาวางไว้บนสุด
ทางเดินเงียบสงัดไร้ผู้คน แต่ประตูท้ายออฟฟิศยังคงเปิดไว้เพียงครึ่งเดียว
เวินจิ้งเคาะประตู หน้าตาอันหล่อเหลาของฉืออี้เหิงเข้ามาอยู่ตรงหน้า
“คุณฉือ” เธอเรียกเขาอย่างสุภาพ
ฉืออี้เหิงไม่ได้ทำงานใดๆอยู่และไม่ได้ยุ่งด้วย
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เดินเข้าไป “คุณฉือ นี่มันคืออะไรกัน”
ฉืออี้เหิง เงยหน้าขึ้นมองเวินจิ้งอย่างไม่แยแส “ลูกน้องผมบอกผมแล้วแหละ ว่าบริษัทการผลิตยาเทียนอีต้องการจะยกเลิกสัญญา แต่ผมคิดว่าการขายของเหม่ยทงไม่ได้มีผลอะไรกับกลยุทธ์ของเรา”
“ตอนนี้บริษัทการผลิตยาเทียนอีเสนอที่จะยุติสัญญา ถ้าคุณฉือไม่เห็นด้วย ก็คงจะมีเพียงวิธีการทางกฎหมาย”
ลี่หนานเฉิงเคยพูดไว้แล้ว ว่าบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปก็ไม่ยอมรับว่ากลยุทธ์ของตัวเองมีความผิดพลาด ดังนั้นบริษัทการผลิตยาเทียนอีก็เลยจำเป็นต้องยืนกรานที่จะยกเลิกสัญญา
“เวินจิ้ง ฉันรู้ว่าตอนนี้พวกคุณมีผู้สนับสนุนแล้ว มีเงินมากแล้ว แต่จะใช้ฟุ่มเฟือยแบบนี้ไม่ได้ เรื่องของเหม่ยทง ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จะกระทบกับการซื้อขายยาบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป ตอนนี้ชื่อเสียงในอินเทอร์เน็ตมันก็เสียไปแล้ว ผู้บริโภคไม่มีทางจะซื้อ”
“แล้วทำไมก่อนหน้านี้ บริษัทโป๋ทงกรุ๊ปถึงยอมเซนต์สัญญาทำกลยุทธ์การขายกับพวกเรา” เวินจิ้งถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ถ้าอย่างนั้นบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปก็กำลังจะโกงพวกเขา!
“แล้วคุณว่ายังไง” ฉืออี้เหิงหรี่ตา ตอบไปอย่างฉะฉาน
“คุณฉือ ยกเลิกสัญญาเถอะ บริษัทการผลิตยาเทียนอีจะจ่ายค่าชดเชยให้คุณ” เวินจิ้งเริ่มสงบลง
เธอไม่รู้ว่าฉืออี้เหิงพุ่งเป้าไปที่บริษัทการผลิตยาเทียนอี หรือมุ่งเป้ามาที่เธอกันแน่
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมตอบคุณตอนนี้ไม่ได้หรอก”
เวินจิ้งยิ้มมุมปาก “ฉืออี้เหิง คุณกำลังคิดอะไรกันแน่”
ฉืออี้เหิงหัวเราะ “เวินจิ้ง คุณคิดว่าฉันมุ่งเป้าไปที่คุณงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันแค่หวังว่าคุณฉือจะรีบจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้สักที”
“จุ๊ๆ ขอร้องผมขอร้องผมก่อน” ฉืออี้เหิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมทำตาหยี
เวินจิ้งถอยกลับไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าประตูของออฟฟิศถูกปิดไปตั้งแต่เมื่อไร
และเธอก็ไม่เห็นใครที่นี่เลย
“คุณนี่มันเกินไปแล้ว!” เวินจิ้งลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ
ฉืออี้เหิงลูบคางพร้อมยิ้มมุมปาก “นี่มันมากไปเหรอ เวินจิ้ง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“ในเมื่อคุณฉือไม่ต้องการจะพูดคุยถึงเรื่องนี้ งั้นก็รอทนายแล้วกัน” เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆแล้วหันหลังกลับออกไป
แต่ประตูได้ถูกล็อคเรียบร้อยแล้ว เธอใช้แรงเปิดเท่าไรก็เปิดประตูไม่ออก
ฉืออี้เหิงค่อยๆเดินเข้ามาด้านหลังทีละก้าวๆ ขวางเวินจิ้งไวเที่หน้าประตู
“ทำไมอารมณ์ของเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ซะหละ โผงผางขนาดนี้ผมไม่ชอบเลยนะ” นิ้วอันเรียวยาวของเขาเริ่มบีบคางของเธอ
เวินจิ้งยกมือขึ้นผลักเขาออกไป ฉืออี้เหิงไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไรเธอ ได้แต่ขวางเธอไว้ไม่ให้มีทางหนีได้
“แล้วใครอยากให้คุณชอบห๊ะ!” เวินจิ้งจ้องไปที่เขา “ฉืออี้เหิง เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
“แล้วถ้าผมไม่เปิดหละ”
“ฉันจะแจ้งตำรวจ!” พูดจบ เวินจิ้งก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ทันทีที่หยิบมันออกมา ฉืออี้เหิงก็คว้าเอาโทรศัพท์นั้นทิ้งลงไปบนพื้น
“ฉืออี้เหิง!” เวินจิ้งยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบกระแทกลงบนเท้าของเขาอย่างแรง
ฉืออี้เหิงรู้สึกเจ็บแต่อย่างไรก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอ
“คุณไม่กลัวว่าฉันจะเปิดโปงเรื่องของคุณกับฉีเฟยเหรอ” เวินจิ้งจ้องเขา
ถ้าคนของตระกูลฉีรู้เรื่องนี้ เกรงว่าทางเดินของฉืออี้เหิงหลังจากนี้คงจะไม่ดีเท่าไร
“คุณขู่ผมเหรอ” ความเยือกเย็นในดวงตาของฉืออี้เหิงเริ่มปรากฏขึ้นมา
เวินจิ้งยิ้มอย่างไม่แยแส “คุณกล้าที่จะขังฉัน/ทำฉัน ฉันก็กล้าจะเปิดโปงมัน”
ทั้งหมดก็เป็นเพราะฉืออี้เหิงบีบบังคับเธอ
ทันใดนั้นเขาก็บีบคอเธออย่างแรง เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมอง ร่างกายเริ่มสั่นเทิ้ม
ดวงตาของฉืออี้เหิงค่อยๆแดงขึ้น
“เวินจิ้ง ครั้งนี้ผมคงไม่ให้โอกาสคุณอีก!” พูดจบฉืออี้เหิงก็ลากเวินจิ้ง ไปไว้บนโซฟา โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หน้าจอแสดงผู้โทรเข้าคือ “สามี”
เห็นได้ชัดว่าเมื่อฉืออี้เหิงมองเห็นมัน ความเยือกเย็นในดวงตาของเขายิ่งแพร่กระจายมากขึ้น เขากดเวินจิ้งไว้ล่างตัวเขา แล้วพูดไปอย่างเยือกเย็น “เอาสิ ถ้าบอกให้มู่วี่สิงรู้ว่าพวกเรากำลังทำอะไรกัน การแต่งงานของพวกคุณก็คงจะต้องถูกยกเลิกแล้วหละ”
ดวงตาของเวินจิ้งเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว มือและเท้าทั้งผลักและเตะฉืออี้เหิง แต่ด้วยกำลังของเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ในไม่ช้าก็ถูกเขากดไว้จนนิ่ง
เขาบ้าไปแล้ว!
“ฉืออี้เหิง ไอ้คนชั่ว!” เวินจิ้งยกมือขึ้นแล้วตบไปที่หน้าเขา
ฉืออี้เหิงเยาะเย้ย “ผมยอมรับ ไม่อย่างนั้นก็คงมาไม่ถึงวันนี้ ที่ถูกคุณฆ่าตายมานานแล้ว!”
เวินจิ้งมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียดของฉืออี้เหิง เขาเกลียดเธอเข้ากระดูก
เมื่อมองไปรอบๆ ตรงหน้าเป็นหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ไม่มีประตูอื่นแล้ว
เธอคิดที่จะหยิบโทรศัพท์ แต่ฉืออี้เหิงไม่คิดที่จะให้โอกาสนั้นกับเธอ
สีหน้าของเวินจิ้งเริ่มซีดขาวขึ้นเรื่อยๆ
“ฉันไม่ได้ทำร้ายอะไรคุณเลย ฉืออี้เหิง คุณเองที่ทำร้ายตัวเองมาตั้งแต่ต้น!” เวินจิ้งพูดด้วยความโกรธ
คำพูดนี้ทำให้ฉืออี้เหิงยิ่งโกรธ เขายิ่งบีบคอเธอแน่นขึ้นกว่าเก่าให้เธอเจ็บจนหายใจไม่ออก
มีเสียงดังสนั่นขึ้นด้านนอกประตู ฉืออี้เหิงเหล่ตาไปมอง และปล่อยมือออกจากเธอ ทันใดนั้นประตูก็ถูกคนด้านนอกถีบให้เปิดออก
ใบหน้าของฉีเซินปรากฏขึ้นตรงหน้า แววตาของเวินจิ้งแสดงออกถึงความผิดหวังออกมา
เธอคิดว่าควรจะเป็นมู่วี่สิง
ฉีเซินเข้าใจความหมายสีหน้าแบบนั้นของเธอดี เขายิ้มมุมปาก ยกเท้าขึ้นเตะฉืออี้เหิงออกไป จากนั้นคว้าข้อมือของเวินจิ้งไว้
เวินจิ้งเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี เธอเริ่มไออย่างรุนแรง และยืนอย่างไม่ค่อยมั่นคง
“ฉืออี้เหิง นี่แกกล้าทำเธอเหรอ” ฉีเซินมองด้วยสายตาเยือกเย็น
ฉืออี้เหิงตกใจมาก ไม่คิดว่าฉีเซินจะโผล่เข้ามา
“พวกเราไม่มีอะไรทั้งนั้น คุณฉี…….” ฉืออี้เหิงเปลี่ยนท่าทีเป็นความเคารพทันที
ฉีเซินไม่ได้สนใจมองเขา พูดไปอย่างเย็นชา “ฉืออี้เหิง อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่านายจะทำอะไร”
ฉืออี้เหิงหน้าซีดจนยืนแทบไม่ไหว
ตอนนี้เวินจิ้งไม่มีแรงจะพูดอะไรแล้ว เธอผลักฉีเซินออกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
มู่วี่สิงโทรมาหาเธอ เธอต้องการจะโทรกลับในทันที
แต่ก็ถูกฉีเซินหยุดไว้
“ผมช่วยคุณไว้ ไปโรงพยาบาลกับผม แม่ของผมอยากพบคุณ” ฉีเซินออกคำสั่งกับเธอ
เวินจิ้งมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้ว
ฉีเซินได้พยุงตัวเธอเพื่อพาออกไป และพูดอย่างเยือกเย็นก่อนที่จะไป“ฉืออี้เหิง นี่คือครั้งสุดท้าย”
เข้ามาในลิฟท์ เวินจิ้งพิงลงบนผนัง ตอนนี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอกดรับสายในทันที
“จะกลับเมื่อไร หนานเฉิงอยู่ข้างล่าง” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงต่ำ
“ฉันไม่เป็นอะไร ตอนนี้กำลังจะไปเยี่ยมคุณนายฉี” เวินจิ้งตอบ
“ฉีเซินอยู่กับคุณเหรอ” มู่วี่สิงถามอย่างกระตือรือร้น
เวินจิ้งเม้มปาก “ใช่”
“คืนนี้คุณกับหนานเฉิงนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับมาด้วยกันเลยนะ”
“ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น” เวินจิ้งคิดว่าจะเป็นวันพรุ่งนี้
แล้วก็เรื่องเครื่องบินส่วนตัวนั่น…..จะใช่หรือไม่มันก็ดูเวอร์ไป
แต่เมื่อคิดถึงท่าทีของฉืออี้เหิงเมื่อกี้นี้แล้ว เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“ นี่เพื่อความปลอดภัยของคุณนะ คุณนายมู่ “
เวินจิ้งยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงของมู่วี่สิงแล้วเธอก็รู้สึกสงบลงได้ไม่น้อย
ฉีเซินที่อยู่ด้านข้างมองไปยังรอยยิ้มของเธอ แววตาก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น