บทที่207 เขาคือสามีของฉัน
“อย่าลืมเรื่องที่สัญญากับผมไว้หละ” ฉีเซินเตือนสติเธอ
เวินจิ้งวางสายโทรศัพท์ “ตอนนี้คุณนายฉีเป็นอย่างไรบ้าง”
“ตอนนี้ก็ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ เรื่องที่เขาขอไว้ คุณไม่ตกลงหนิ” ฉีเซินทำหน้าเครียด
เวินจิ้งจำได้ว่าคุณนายฉีต้องการรับเธอเป็นลูกบุญธรรม แต่เธอยังไม่ได้บอกแม่ของเธอเรื่องนี้เลย หากเธอตอบตกลงในเรื่องที่คุณนายฉีขอไว้ เกรงว่าต่อไปก็ต้องเจอหน้าฉีเซินบ่อยขึ้น
เธอรังเกียจ
“ฉันไม่มีทางยอมรับมันหรอก”
ฉีเซินได้ยินคำพูดที่ดูมั่นใจของเธอ เหล่ตามองไปทางเธอ “คงไม่ใช่เพราะคุณไม่อยากเจอผมใช่ไหม”
“ใช่” เวินจิ้งไม่ปฏิเสธ
“ผมกับมู่วี่สิง ต่างกันตรงไหน” เขาถามอย่างเย็นชา มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง
เขาอิจฉาแทบตาย ที่แต่ไหนแต่ไรมาในสายตาของเวินจิ้งก็มีแต่มู่วี่สิง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “เขาเป็นสามีของฉัน ฉีเซิน คุณหรือใครก็ไม่ใช่ทั้งนั้น”
ฉีเซินช่วยเธอไว้หลายครั้ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสองคนนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย
“ผมเคยบอกไปแล้ว มันไม่ง่ายหรอกที่เขาจะมาแต่งงานกับคุณ”
“ฉีเซิน คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” เวินจิ้งมองไปยังเขา สิ่งที่รำคาญที่สุดก็คือคำพูดเป็นนัยแบบนี้
“รอให้คุณเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับตัวผมก่อน แล้วผมจะบอกคุณเอง”
“จะพูดอะไรก็ไม่พูด” เวินจิ้งเริ่มไม่สบอารมณ์
ลิฟท์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ประตูลิฟท์เปิดออก ลี่หนานเฉิงที่มีรูปร่างสูงใหญ่ยืนรออยู่ด้านนอก
เมื่อได้เห็นเวินจิ้ง เขาก็โล่งใจ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาก็ไม่รู้จะบอกมู่วี่สิงอย่างไร
เขาถูกฉืออี้เหิงทำให้โมโหมาแล้ว ไม่คิดว่าเวินจิ้งยังรอยู่ที่บริษัทโป๋ทงกรุ๊ป
เมื่อได้พบกับฉีเซินที่อยู่ข้างเธอ สีหน้าของลี่หนานเฉิงก็เริ่มเยือกเย็น คว้าเวินจิ้งมาไว้ข้างตัว “คุณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่!”
“ถ้าไม่ใช่ผม คุณนายมู่ ก็คงตกอยู๋ในอันตรายแล้ว” ฉีเซินพูดอย่างไม่แยแส
เวินจิ้งหยุดเขาไม่ให้พูดต่อ แล้วบอกกับลี่หนานเฉิง “ฉันจะไปโรงพยาบาลสักหน่อย เสร็จแล้วจะกลับไปหนานเฉิงกับคุณ”
ลี่หนานเฉิงขมวดคิ้วไม่พอใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม คุณคงไม่ได้ไปกับเขาใช่มั้ย”
ลี่หนานเฉิงชี้ไปทางฉีเซิน
เวินจิ้งพยักหน้า “ฉันมีธุระนิดหน่อย ก็อาจจะช้าไปนิดๆหน่อยๆ”
“เวินจิ้ง ขึ้นรถ” ฉีเซินได้เปิดรถรอไว้แล้ว
ลี่หนานเฉิงมองไปยังเวินจิ้งที่กำลังเดินไป เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหามู่วี่สิง
“เห้ยเพื่อน ฉันบอกนายแล้วว่าเขาบนหัวนายกำลังงอกแล้ว!” ลี่หนานเชิงหยีตาพูดอย่างเย็นชา
“หนานเฉิง ใครอนุญาตให้นายทิ้งเธอไว้คนเดียวหละ” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นกัน
“ฉันก็คิดไม่ถึงรึป่าวห๊ะ! ภรรยานายนี่มีแต่คนจำได้เนอะ!”
ฉืออี้เหิง ฉีเซิน ……จุ๊ๆ
“ลี่หนานเฉิง แกไม่อยากกลับมาแล้วใช่มั้ยห๊ะ!”
“โอเคๆ ตอนนี้ฉันกำลังรอภรรยานายกลับมา แล้วจะรีบพากลับไปเลย”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ลี่หนานเฉิงก็รีบตามไปโรงพยาบาล
ในห้องผู้ป่วย หลินเวยเพิ่งจะรับประทานอาหารเสร็จ เมื่อได้เห็นเวินจิ้ง ปากก็มีรอยยิ้มขึ้นมา
“เสี่ยวจิ้ง มานี่ๆ” หลินเวยพูดอย่างอ่อนโยน
เวินจิ้งไปนั่งข้างๆเธอ คำพูดที่จะพูดโพล่งออกมาก็หยุดชะงักอยู่ที่ปาก
เมื่อพบกับหลินเวย เธอมักจะอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว
ฉินเซินตามเธอเข้ามา เมื่อดูแล้วคล้ายว่าเวินจิ้งต้องการจะพูดอะไร หลินเวยก็ให้ฉินเซินออกไปก่อน
ฉีเซินมองไปยังเวินจิ้ง เขาหยุดแล้วหันหลังออกไป
เวินจิ้งลดตาลงต่ำ แล้วพูดออกไป “คุณนายฉีคะ ฉันขอโทษ”
หลินเวยทำสีหน้าแข็งทื่อ มองไปยังเวินจิ้ง ตาของเธอก็เริ่มแดงทันที
เวินจิ้งตื่นตระหนก รีบจะช่วยหลินเวย “คุณนายฉี……”
“ไม่เป็นไร บอกเหตุผลฉันได้ไหม” หลินเวยสงบลงอย่างรวดเร็ว ตามปกติเธอจะเป็นคนเยือกเย็นเสมอ เพียงแต่ตอนนี้เธออ่อนแอมาก
“คุณนายฉี ฉันเต็มใจที่จะช่วยคุณ คุณคือเพื่อนของแม่ฉัน เป็นผู้อาวุโสของฉัน เป็นคนที่ฉันเคารพ”
“ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากจะได้ฉันเป็นแม่บุญธรรม” หลินเวยถอนหายใจอย่างหนัก น้ำเสียงของเธอมิอาจปกปิดความรู้สึกผิดหวังของเธอได้
จริงๆแล้วภายในใจของเวินจิ้งก็เจ็บปวด แต่เธอก็ยังคงหนักแน่น
“คุณนายฉี วันหลังถ้ามีเวลาฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณบ่อยๆ” เวินจิ้งพูดด้วยความกังวลใจ
“เธอนี่ มีความตั้งใจจริงๆ ฉันก็ไม่บังคับเธอ แต่ถ้าเธอช่วยฉัน เธออยากให้ฉันช่วยอะไรฉันก็เต็มใจนะ” หลินเวยยืนยัน
เวินจิ้งคิดแล้วคิดอีก “คุณนายฉี ความช่วยเหลือนี้ หากวันหลัง ถ้าฉันต้องการฉันจะบอกคุณอีกที”
หลังจากออกจากห้องผู้ป่วย ฉีเซินและลี่หนานเฉิงต่างรออยู่ด้านนอก ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนแย่มากๆ ไม่มีใครสนใจใคร
เวินจิ้งเดินไปยังเบื้องหน้าของฉีเซิน แล้วกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ “ขอบคุณนะสำหรับคืนนี้”
“จะกลับแล้วเหรอ”
เวินจิ้งพยักหน้า
ฉีเซินมองไปยังด้านหลังของเวินจิ้งที่กำลังออกไป คำพูดระหว่างเธอและหลินเวยนั้นเขาได้ยินมันหมดแล้ว ผลักประตูเข้าไป สีหน้าของหลินเวยตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก
“แม่”
“แกไม่อยากให้เวินจิ้งมาเรียกฉันว่าแม่บุญธรรมใช่ไหม” หลินเวยถอนหายใจ
“ทำไมแม่ถึงยืนยันที่จะทำแบบนี้” ฉีเซินไม่เข้าใจ
“ฉันต้องการมีลูกสาวสักคน” หลินเวยหลบตา เก็บความรู้สึกของเธอซ่อนเอาไว้
“จะเป็นเวินจิ้งไม่ได้” ฉีเซินตอบอย่างเยือกเย็น
หลินเวยเงยหน้าขึ้นมอง “เธอชอบเขาเหรอ”
ฉีเซินเม้มปาก ไม่ตอบคำถามใดๆ
แต่หลินเวยคือแม่ของเขา ย่อมรู้จักลูกคนนี้ดี
เธอปิดตาลง กระพริบตาแสดงถึงความสิ้นหวัง
“แกจะชอบเธอไม่ได้ แม่จะจัดการเรื่องการหมั้นให้แก”
“แม่ เรื่องการแต่งงานของผมไม่ต้องรบกวนแม่หรอก” คำพูดของฉีเซินดูเย็นชามาก “แล้วเรื่องนัดดูตัวนี่ ก็เพราะแม่เป็นคนเตรียมการไม่ใช่เหรอ”
หลินเวยนิ่งเงียบ เธอคิดว่า ฉีเซินไม่มีทางจะสนใจเวินจิ้ง
แต่สิ่งต่างๆกลับยิ่งห่างไกลจากความคิดเธอ
ด้านนอกโรงพยาบาล เวินจิ้งนั่งอยู่ในรถอย่างเงียบๆ ลี่หนานเฉิงมองเวินจิ้งจากด้านข้าง คิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้อยู่ตรงไหน
ใบหน้าของเธองดงามประณีต แต่ในกลุ่มของพวกเขา ยังมีคนที่สวยกว่าเวินจิ้งเสียอีก
“คุณลี่ อย่ามองฉันแบบนั้น……” เมื่อเห็นลี่หนานเฉิงจ้องมองมายังเธอ เธอก็เบือนหน้าหนี
“ไอ้เจ้าฉีเซินนั่นสนใจเธอเหรอ” ลี่หนานเฉิงเหล่ตามอง
“ไม่มีทางแน่นอน” เวินจิ้งโต้กลับ
“แต่ฉันว่าไม่ใช่ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“ฉันขึ้นไปออฟฟิศของฉืออี้เหิง และก็โต้เถียงกัน” เวินจิ้งตอบอย่างตั้งใจเลี่ยงรายละเอียดบางช่วง
เธอไม่อยากจะหวนนึกถึงเรื่องนั้นที่เกิดขึ้น
“แค่โต้เถียงกันเหรอ” ลี่หนานเฉิงพูดไปพร้อมหรี่ตาลงอย่างแรง
“อื้ม”
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แล้วฉีเซินมาได้ยังไง”
“ฉันไม่รู้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันพบเขาที่บริษัทโป๋ทงกรุ๊ป” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
ฉีเซินกับบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปคงจะมีความสัมพันธ์อะไรกันเป็นแน่
“ฉีเซินเขาเป็นผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป” ลี่หนานเฉิงกล่าว
เวินจิ้งขมวดคิ้ว อย่างนั้นก็ไม่น่าแปลกที่ฉืออี้เหิงจะสามารถอยู่ในบริษัทโป๋ทงกรุ๊ปได้
คิดดูแล้วก่อนหน้านี้ฉืออี้เหิงต้องไปประจำที่แอฟริกา ก็ได้ฉีเซินคอยช่วยอยู่ข้างหลัง เลยทำให้เขาได้ไปรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบริษัทโป๋ทงกรุ๊ป
“เลวพอกัน” เวินจิ้งพูดด้วยความโกรธ
“อย่างนั้นคุณยังกล้าเข้าใกล้ฉีเซินเหรอ”
“ฉันเองไม่อยากไปสนิทอะไรกับเขาหรอก แต่แม่ของฉันกับคุณนายฉี เป็นคนรู้จักเก่าแก่กันมา ดังนั้นก็เลยยากที่จะหลบหน้า”
“ตระกูลฉีนั้นคาดเดายาก เธอเป็นคนของตระกูลมู่ หลีกเลี่ยงได้ก็ดี” ลี่หนานเฉิงเตือน
“ฉีเซินกับมู่วี่สิงบาดหมางกันเหรอ”
“มากกว่าคำว่าบาดหมางอีก” ลี่หนานเฉิงยิ้มอย่างเยือกเย็น สายตาแผ่ออกอย่างแรง
เครื่องบินส่วนตัวมาถึงแล้ว ในความมืดนั้น โลโก้สีทองคำว่า “มู่” ที่ติดอยู่บนหางเครื่องบินสะท้อนแสงสีทองอร่าม
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินจิ้งได้นั่งเครื่องบินที่หรูหราแบบนี้ เธอรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย
มองเห็นลี่หนานเฉิงที่นอนหลับอยู่ข้างๆเธอ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ในสมองกลับปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ฉืออี้เหิงจะล่วงละเมิดเธอขึ้นมา เธอก็รู้สึกตัวสั่นและสะดุ้งตื่น