บทที่ 215 ความอยากอยู่รอดแรงจริงๆ
“คุณยังรู้อยู่หรอว่าจะมาดูฉัน” ฉินเฟยพูดด้วยความไม่พอใจ
ตั้งแต่เมื่อคืนที่ส่งเธอมาโรงพยาบาล จนถึงตอนนี้ฉีเซินเพิ่งจะมา
“คุณเป็นคู่หมั้นของผม ผมยังไม่ลืม” น้ำเสียงของฉีเซินอ่อนมาก
“ฉันแจ้งตำรวจแล้ว แล้วทำไมเวินจิ้งยังไม่โดนจับ” ฉินเฟยพูดอย่างโกรธแค้น
เมื่อคืนเธอฟื้นขึ้นมาก็โทรแจ้งตำรวจทันทีเลย เธอเจ็บตัวแล้ว เพราะเวินจิ้งล้วนๆ เลย!
“ถึงแม้ว่าในห้องน้ำไม่มีกล้องวงจรปิด แต่จากนิสัยของเวินจิ้งแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะหาเรื่องคุณก่อน” ฉีเซินฉีกหน้าเธอ
“คุณไม่เชื่อฉันหรอ เธอคือคุณนายมู่ ส่วนฉันเป็นคู่หมั้นจริงๆ ของคุณ!”
“ฉินเฟย คุณอยู่ดีๆ ให้ผมหน่อยเลยนะ ผมไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องพวกนี้ให้คุณหรอกนะ ถึงคุณจะแจ้งตำรวจแล้ว มู่วี่สิงก็จัดการเรื่องเรียบร้อยตั้งนานแล้ว คุณคิดว่าคุณเป็นใครหรอ” น้ำเสียงของฉีเซินเต็มไปด้วยความดูหมิ่น
“ก็ยังมีคุณอยู่นิ…” ฉินเฟยพูดงึมงำ
“ผมเคยเตือนคุณแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเวินจิ้ง” ฉีเซินหรี่ตาลง
“ดังนั้นคุณมาตอนนี้ก็คือเพื่อมาสมน้ำหน้าใช่ไหม” ฉินเฟยเข้าใจแล้ว
นี่ผู้ชายแต่ละคนล้วนเข้าข้างเวินจิ้งหมดเลย!
“คุณจะเข้าใจแบบนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ผมจะกลับหนานเฉิง คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วก็กลับเองเลย” พูดจบ ฉีเซินก็จากไปโดยไม่รอช้า
ฉินเฟยโกรธจัด จับหมอนที่อยู่ข้างๆ ก็โยนออกไปเลย ฉีเซินยังคงไม่หยุดลง
…
สองวันต่อมา หนานเฉิง
เวินจิ้งกลับไปทำงานที่บริษัทการผลิตยาเทียนอีอีกเช่นเคย ข้างๆ มีเพื่อนร่วมงานกี่คนล้อมรอบคุยกัน
“ฉันได้ข่าวว่าคุณเสี้ยงจะลาออกแล้ว”
“อะไรนะ เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่รู้สิ เขาไม่มาบริษัทตั้งสามวันแล้ว ฉันฟังแผนกบุคคลเล่าว่าช่วงนี้ผู้บริหารระดับสูงจะมีการเปลี่ยนแปลง”
เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น ไม่นานอย่างที่พูด อีเมลเข้ามาแล้ว เรียกทุกคนให้ไปประชุมที่ห้องประชุม
เสี้ยวหงไม่อยู่ ทุกคนกำลังรอลุ้นว่าครั้งนี้จะเป็นใครที่เป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งนี้
สิบนาทีต่อมา เงาที่คุ้นเคยก็ได้เดินเข้ามา ลี่หนานเฉิง?
“สวัสดีครับ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางฝ่ายบุคคล ตั้งแต่วันนี้ไป ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดของบริษัทการผลิตยาเทียนอีแทนคุณเสี้ยงชั่วคราวครับ”
เดิมลี่หนานเฉิงก็มีหน้าตาหล่อเหลาสวยงามอย่างกับปิศาจ ตั้งแต่เขาเดินเข้ามา บรรดาเพื่อนร่วมงานก็ละสายตาจะตัวเขาไม่ได้เลย
“ลี่หนานเฉิง? ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้คนนี้มาก่อนเลย”
“ในเว็บป่ายดู้ก็ไม่มีข้อมูลสักอย่างเลยนะ แต่ก็หล่อเกินไปแล้วอ่ะ!”
“ก็ใช่สิ แล้วดูก็รู้ว่าเป็นลูกคนรวย ไม่รู้ว่ายังโสดอยู่ไหม…”
เสียงพูดคุยรอบข้างดังมาตลอด ก็ไม่รู้ว่าลี่หนานเฉิงได้ยินเข้าบ้างไหม พูดจบก็ไปแล้ว
ต่อมาคนที่เข้ามาคือผู้ช่วยของลี่หนานเฉิงซูยีน เสน่ห์ที่อ่อนโยนน่ารักโดดเด่นมาก
“ดิฉันเป็นผู้ช่วยของลี่หนานเฉิงซูยีน ดีใจที่ได้ร่วมงานด้วยนะคะ”
เวินจิ้งเหลือบตามอง เธอยังจำเธอได้อยู่
ก็คราวก่อนดันไปเจอลี่หนานเฉิงกอดเธอไว้ในลิฟต์ เหมือนจะสังเกตแววตาของเวินจิ้งได้ ซูยีนมองมาทางนี้และหรี่ตาลงเล็กน้อย
การประชุมเสร็จสิ้น ทั้งห้องประชุมระเบิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว เสน่ห์ของลี่หนานเฉิงกับเสี้ยวหงต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่หน้าใบนั้นคือดึงดูดวิญญาณคนไปได้อย่างจริงๆ จังๆ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประธานลี่ก็คือเทวดาของฉัน!”
“เฮอะ ผู้หญิงหลายใจ ยังไงฉันก็รู้สึกว่าคุณหมอมู่หล่อกว่าอยู่ดี”
“ฉันชอบหล่อแบบแบดบอยๆ อย่างประธานลี่นี่แหละ…”
เวินจิ้งส่ายหัวไปมาแบบไม่ไหว ห่างไกลจากการพูดคุยเหล่านี้แล้ว ลี่หนานเฉิงก็หล่อจริง แต่เธออยู่ใกล้ชิดกับมู่วี่สิงบ่อยๆ เหมือนนอกจากเขาคนเดียวแล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถสู้เขาได้เลย
เดินเข้าไปห้องน้ำชา ซูยีนกำลังหาถุงชาอยู่ เวินจิ้งก็เอาให้เธอ
“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มของซูยีนไม่มีที่ติเลย “ฉันยังจำคุณได้อยู่”
“ฉันชื่อเวินจิ้ง” เวินจิ้งแนะนำตัว
“คุณสนิทกับหนานเฉิงมากใช่ไหม” ซูยีนถามแบบผ่านๆ
“ก็เฉยๆ” เวินจิ้งคิดครู่หนึ่ง
“ยังไงก็เป็นเพื่อนของหนานเฉิง คืนนี้มางานปาร์ตี้ของฉันด้วยกันไหม” ซูยีนเชิญชวน
เวินจิ้งนิ่งไปสักพัก คืนนี้เธอก็ไม่มีธุระอย่างอื่น แต่ก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับซูยีนเท่าไหร่
เหมือนจะเข้าใจความคิดของเวินจิ้งได้ ซูยีนพูดว่า “คุณยังโสดอยู่ใช่ไหม คืนนี้มีหนุ่มๆ ที่โสดอยู่และมีฐานะที่ดีมากเลยนะ ในฐานะที่คุณรู้จักกับหนานเฉิง ฉันจะแนะนำให้คุณเอง”
มุมปากของเวินจิ้งดิ้นเล็กน้อย ถ้าเธอไปจริงๆ มู่วี่สิงน่าจะโกรธมั้ง?
ทันใดนั้น ข้างหลังก็มีเสียงเดินดังมา คนที่มากลับเป็นลี่หนานเฉิง
ออฟฟิศของประธานไกลจากตรงนี้ไม่น้อย ดูออกได้ว่าเขามาหาซูยีน
แต่คำพูดของซูยีนเมื่อกี้เขาได้ยินหมดแล้ว
“อย่าไปมีความคิดอะไรกับเวินจิ้งเลย เขามีเจ้าของอยู่แล้ว”
“ใคร หรือว่าจะเป็นคนที่ฉันรู้จัก” ซูยีนขมวดคิ้ว。
“คืนนี้ค่อยบอกคุณ เวินจิ้ง อย่ามาสายนะ สามทุ่ม มากับสามีของคุณด้วยกัน” พูดจบ ลี่หนานเฉิงก็ลากซูยีนออกไปแล้ว
เวินจิ้งงง มู่วี่สิงก็ไปหรอ
เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกเธอเลย ตอนแรกเวินจิ้งก็คิดว่าจะไม่ไปแล้ว
ตอนเวลาเลิกงาน มู่วี่สิงเพิ่งจะโทรมา
“ผมจะไปรับคุณตอนสองทุ่ม”
“ห๊า”
“มีเพื่อนคนหนึ่งกลับมาแล้วจัดงานปาร์ตี้ ไปกับผม เนาะ”
“ใช่ซูยีนหรือเปล่า”
“แสดงว่าเธอไปเทียนอีแล้ว” มู่วี่สิงพูดอย่างมั่นใจ
“เธอเป็นผู้ช่วยของลี่หนานเฉิง ดูสวยมากเลยจริงๆ” เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
ซูยีนไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์หรือหน้าตาก็เลิศทั้งสองเลย ตอนที่เจอเธอแวบแรกก็มิอาจลืมได้แล้ว
วันนี้ที่เธอมา จะพูดว่าความสวยนี้เป็นที่หนึ่งก็ไม่เกินไป
“คุณนายมู่ ในใจของผมแล้ว ไม่มีใครสู้คุณได้เลย”
เวินจิ้ง: …
“มู่วี่สิง ฉันไม่โกรธสักหน่อย ความอยากอยู่รอดของคุณนี่แรงจริงๆ เลยนะ” เวินจิ้งไม่ได้คิดจริงจัง
หน้าตาของเธอเธอเองรู้ดี เมื่อเทียบซูยีน ยังไงก็ยังมีอีกระยะหนึ่ง
มู่วี่สิงแอบหัวเราะออกมา “ผมเคยพูดโกหกหรอ เวินจิ้ง เชื่อตัวเองสิ”
เวินจิ้งทำปากมุ่ย ก็รู้สึกดีใจเหมือนกัน
ตอนกลางคืน มู่วี่สิงมารับเธอตรงตามเวลา
สถานที่จัดงานปาร์ตี้เป็นคลับเกรดสูงแห่งหนึ่ง เดินเข้าไปข้างใน มีหลายคนที่เวินจิ้งเคยเจอมาก่อน ซูยีนนั่งอยู่ตรงกลาง ข้างๆ เป็นลี่หนานเฉิง ยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่สนิทกับมู่วี่สิง
เห็นเวินจิ้งมาแล้ว ซูยีนลุกขึ้นมาลากเธอมาข้างๆ ตัวเอง
“สามีของคุณคือมู่วี่สิงนี่เอง” ซูยีนอ้ำอึ้งสักพัก
เธอก็เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เองว่ามู่วี่สิงแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านี้เธออยู่ต่างประเทศตลอด บางครั้งกลับมาก็ไม่เคยเจอมู่วี่สิง เลยไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้
เวินจิ้งยิ้มๆ รอยยิ้มของซูยีนสามารถสัมผัสคนอื่นได้ ทำให้คนอยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว
“ฉันกับเขาแต่งงานได้หนึ่งปีแล้ว”
เวินจิ้งลองนับดู ไม่คิดเลยว่าเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลยจริงๆ แต่พวกคุณน่าจะไม่ได้จัดงานแต่งใช่ไหม ไม่งั้นฉันก็ต้องรู้สิ” ซูยีนขมวดคิ้วมุ่น
งานแต่ง…
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย อาจจะ ไม่มีตลอดกาลก็ได้
ความอ้างว้างของเวินจิ้งถูกซูยีนจับได้ ผู้หญิงสองคนไปนั่งข้างๆ ซูยีนแอบถาม “พวกคุณไม่คิดจะจัดงานแต่งงานหรอ”
เวินจิ้งส่ายหัว “ไม่มีแผนนี้อ่ะ ความจริงเราสองคนแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ ความรักก็ไม่ถือว่ามั่นคงมาก”
ซูยีนมองดูเวินจิ้ง ตอนที่เจอเธอในบริษัทไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะเป็นภรรยาของมู่วี่สิง
เธอรู้สึกตลอดมาว่าคนที่ยอดเยี่ยมอย่างมู่วี่สิง ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีแสงสว่างอยู่ในตัวพอแน่นอน
แต่เวินจิ้ง ก็เหมือนกับชื่อของเธออย่างนั้น อ่อนโยนบริสุทธิ์