flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 219 ผมอยากฟังความจริง

บทที่ 219 ผมอยากฟังความจริง

เวินจิ้งจ้องตาโตขึ้นมา อยากจะถอย แต่กลับถูกมู่วี่สิงจับศีรษะด้านหลังไว้ ไม่สามารถดิ้นได้เลย

ลมหายใจของฮอร์โมนที่คุ้นเคยหุ้มห่อลงมา จูบของผู้ชายยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆ เวินจิ้งค่อยๆ หลับตาลง

เธอถูกมู่วี่สิงผลักไปจนถึงผนัง เหมือนมือก็ยิ่งอยู่ยิ่งข้างล่างแล้ว

เวินจิ้งรีบจับเขาไว้ทันที

ความลึกซึ้งในตาของผู้ชายค่อยๆ ไหลออกมา

ริมฝีปากบางสัมผัสด้วยกัน หน้าของสองคนใกล้ชิดกันมาก เวินจิ้งมิอาจหลบแววตาอันเร่าร้อนของเขาได้

“มู่วี่สิง…คุณยังต้องไปทำงานอีกนะ” เธอเตือน

“อืม” มู่วี่สิงหรี่ตาลง จากนั้นก็ก้มหัวลงจูบเวินจิ้งอย่างร้อนแรง

จนกระทั่งเธอหอบไม่หยุด…

มาถึงบริษัท ลี่หนานเฉิงขึ้นเป็นประธานได้หนึ่งสัปดาห์ ถึงแม้ว่าเพื่อนร่วมงานในบริษัทไม่เคยหยุดคุยเรื่องเกี่ยวกับเสี้ยวหงไปไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าตกลงเขาไปที่ไหนแล้ว

เสี้ยวหงคนนี้เหมือนจะหายตัวไปจากหนานเฉิงในคืนเดียวอย่างนั้น

งานของเวินจิ้งก็ไม่ได้ต่างจากปกติสักเท่าไหร่ แต่ช่วงนี้ก็ได้สนิทกับซูยีนขึ้นมาไม่น้อยเหมือนกัน สองคนชอบนัดทานข้าวเที่ยงด้วยกัน และที่แน่นอนก็คือจะเจอลี่หนานเฉิงได้บ่อยมาก

ในโรงอาหารพนักงาน เวินจิ้งกับซูยีนเพิ่งได้นั่งลงเอง ลี่หนานเฉิงก็ตามมาแล้ว

“ทำไมมาทานข้าวไม่เรียกผมด้วย” ลี่หนานเฉิงไม่ปิดบังความหึงในน้ำเสียงเลย

ซูยีนขมวดคิ้วมุ่น “คุณนี่ก็ตามไม่ปล่อยเลยนะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานนะ”

“ดังนั้นผมก็ไม่ได้ขอให้คุณทำงานให้ผมสักหน่อย” ลี่หนานเฉิงหรี่ตาลง

สำหรับโหมดการอยู่ด้วยกันของเขาสองคน เวินจิ้งไม่รู้สึกแปลกมาตั้งนานแล้ว ก้มหน้าลงดูเมนูเงียบๆ

“คราวหลังจะไปทานข้าวก็เรียกผมด้วย” ลี่หนานเฉิงสั่ง

“ฉันกับเวินจิ้งกินอยู่ดีๆ คุณอย่ามารบกวนเรา”

“รบกวน?” ลี่หนานเฉิงเกือบจะระเบิดขึ้นมา แววตาเยือกเย็น

“หรือว่าไม่ใช่หรอคะประธานลี่คะ คุณเป็นประธาน ร้านอาหารสุดหรูที่อยู่ตรงข้ามนี้เหมาะกับคุณมากกว่านะ”

“ผมไม่ไป!” ลี่หนานเฉิงไม่สนสักอย่าง แย่งเมนูจากในมือเวินจิ้งไป

ซูยีนไม่สนใจเขา คุยกับเวินจิ้งอย่างเดียว

“เวินจิ้ง ผมกับเลขาซูมีเรื่องส่วนตัวจะคุยครับ” ลี่หนานเฉิงมองเวินจิ้ง ตาของเขาใบ้ได้ชัดเจนมาก

เวินจิ้งยิ้ม “ซูยีนรับปากกับฉันก่อนแล้วว่าจะไปกินข้าวกับฉัน”

“ก็ใช่สิ เราไม่มีอะไรที่ต้องคุยสักหน่อย” ซูยีนไม่พอใจมาก

ขณะนี้ เสียงมือถือของลี่หนานเฉิงดังขึ้น เนื่องจากว่าเป็นเรื่องงาน เขาต้องรีบไปจัดการตอนนี้

“อยู่รอผมดีๆ นะ”

ซูยีนไม่ฟังคำพูดของเขาหรอก

“พรุ่งนี้เธอก็จะสอบวิทยานิพนธ์แล้ว เตรียมถึงไหนแล้วอะ” ซูยีนถาม

“สิ่งที่ควรเตรียมฉันเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ขอให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น”

“ต้องได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่หลังจากผ่านเรื่องนี้ไป เธอก็น่าจะลาออกจากงานเตรียมตัวสอบปริญญาเอกแล้วเนาะ”

คนที่สนิทกันในบริษัทก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มีแต่เวินจิ้คนเดียวที่อยู่แล้วร็สึกดี

“ก็คิดไว้แบบนี้”

เวินจิ้งก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน ทำงานที่บริษัทการผลิตยาเทียนอีมาห้าปีแล้ว เธอนึกว่าตัวเองชินกับความราบรื่นได้ตั้งนานแล้ว แต่พอเจอคนในสมัยนั้นทีไร ก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากยอม

ถ้าตอนนั้นไม่มีเรื่องถูกใส่ร้ายแบบนั้น ใจเธอก็จะไม่ลังเลเรื่องสอบปริญญาเอก

เมื่อฉืออี้เหิงรับสายของฉินเฟย เขาเพิ่งเลิกประชุมได้ไม่นานเอง

ตอนนี้เขาถูกลดตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายของโป๋ทงแล้ว ฉีเซินก็ไม่ได้เชื่อใจเขาเท่าเมื่อก่อนแบบนั้นแล้ว

“มีอะไร” รับสายขึ้นมา น้ำเสียงของฉืออี้เหิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“คุณรู้เรื่องที่เวินจิ้งจะสอบวิทยานิพนธ์ใหม่หรือยัง” ฉินเฟยถามอย่างอารมณ์เสีย

“ผมไม่ได้ติดตามเรื่องของเธอ” ฉืออี้เหิงขมวดคิ้วเข้ม

“ตอนนี้มู่วี่สิงหาครูที่ปรึกษาเรื่องวิทยานิพนธ์ของตอนนั้นได้แล้วนะ ทางมหาวิทยาลัยกำลังสืบเสาะเรื่องนี้อยู่”

“คุณกำลังห่วงอะไรอยู่หรอ”

บนหน้าของฉินเฟยมีความตื่นตกใจลอยผ่านไป “จากอำนาจของมู่วี่สิงในตอนนี้ กลัวว่าอีกไม่นานเขาก็จะสืบถึงที่ฉันแล้ว”

ตอนนี้เธอไม่ขอฉีเซินปกป้องเธออีกแล้ว ใจของผู้ชายคนนั้นอยู่ที่เวินจิ้งตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่ต้องห่วงน่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่าฉินเฟย คุณไม่เคยบอกผมเลยว่าทำไมคุณเกลียดเวินจิ้งขนาดนี้?”

ฉินเฟยเม้มริมฝีปาก เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยปากพูด “ฉันชอบคุณ ก็เลยหมั่นไส้มาเธอตลอด”

ฉืออี้เหิงหรี่ตาลง ถ้าเป็นเขาในสมัยนั้นเขาเชื่ออยู่ แต่ตอนนี้มีบางเรื่องที่คิดได้แล้ว กลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนี้

“ผมอยากฟังความจริง”

“นี่ก็คือความจริง ฉืออี้เหิง ความจริงตอนนั้นฉันเป็นคนชอบคุณก่อนนะ แต่เธอกลับได้คบกับคุณ”

“ถ้าคุณไม่อยากพูด ผมก็จะไม่บังคับ ส่วนทางมหาวิทยาลัยฝั่งนั้นผมจะจัดการเอง เวินจิ้งไม่มีทางผ่านแน่นอน”

“ขอให้เป็นอย่างที่พูดละกัน”

วันต่อมา เวินจิ้งเตรียมของเรียบร้อยก็ไปที่มหาวิทยาลัยหนานเฉิง มู่วี่สิงไปกับเธอ

มหาวิทยาลัยที่คุ้นเคย อาคารเรียนที่คุ้นเคย ห้องเรียนที่คุ้นเคย

“ผ่อนคลายหน่อยนะ ทุกอย่างต้องผ่านไปอย่างราบรื่นแน่นอน” น้ำเสียงอบอุ่นของมู่วี่สิงดังขึ้น

เวินจิ้งมองลงไปข้างล่าง นิ้วมือจับฝ่ามือไว้แน่นๆ

เนิ่นนาน จึงจะเงยหน้าขึ้น ยกรอยยิ้มขึ้นมา พยักหน้าแรงๆ

การสอบวิทยานิพนธ์ครั้งนี้เวินจิ้งถูกจัดให้อยู่หลังห้องนักศึกษาสำเร็จการศึกษาห้องหนึ่ง ครูที่สอบวิทยานิพนธ์ส่วนมากเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย นอกจากหัวหน้าฝ่ายวิชาการแล้วที่เวินจิ้งจำได้อย่างชัดเจนมาก

ตอนนั้นเธอก็คือคนที่สงสัยเธอไม่เลิก แม้กระทั่งยังไม่ได้ฟังคำอธิบายของเธอก็ให้เธอคะแนนไม่ผ่านแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากนั้นไม่มีการสืบสวนอะไรเลย ใบจบของเธอก็ถูกยึดไว้แล้ว

เวินจิ้งเก็บสายตากลับมา มองครูแถวหน้าอย่างตั้งใจ

สิบนาทีผ่านไป เวินจิ้งอธิบายมุมมองของวิทยานิพนธ์ของตัวเองเรียบร้อย ต่อไปก็คือการถามคำถามของครูแล้ว

หัวหน้าฝ่ายวิชาการไม่ใช่ครูสอบวิทยานิพนธ์ แต่เธอนั่งอยู่ข้างสุด ลูกตาดำหรี่ลง ดูวิทยานิพนธ์ของเวินจิ้ง ค่อยๆ ยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา

“เวินจิ้ง กรณีการใช้ยาตัวใหม่ในการระงับความรู้สึกที่เธอเขียนในวิทยานิพนธ์ เคยพิสูจน์ในหนังสือ《วิทยาประสาท》ตั้งนานแล้วนิ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ในวิทยานิพนธ์ของเธอยังมีการคัดลอกเยอะขนาดนี้เลยเนาะ”

เวินจิ้งขมวดคิ้วเข้ม เธอเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก็จริง แต่มันต่างกับกรณีที่เขียนมาโดยที่เธอทำการทดลองเอง

เธออธิบายใหม่ แต่เหมือนมีครูกี่ท่านจะไม่เห็นด้วย

“มุมมองนี้เธอก็ไม่ได้สะท้อนออกมาให้เห็นในการทดลองของเธอ แล้วเธอก็ทำการทดลองนี้เมื่อห้าปีที่แล้วด้วย การแพทย์ในสมัยนี้ก้าวหน้าไปทุกๆ วัน มุมมองนี้ล้าหลังแล้ว”

“เวินจิ้ง ฉันเข้าใจสถานการณ์ของเธอได้นะ แต่ฉันว่าถึงวิทยานิพนธ์ของเธอจะอยู่ที่ห้าปีก่อนก็ไม่ผ่านเหมือนกันหรอก ทัศนคติของเธอละเลยเกินไปแล้ว ในนี้ยังมีรายละเอียดหลายจุดที่มีข้อผิดพลาดเยอะเลย ทั้งนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าเธออ่ะไม่เห็นความสำคัญของวิชาการ”

หัวหน้าฝ่ายวิชาการยังคงด่าว่าอย่างร้ายแรงเหมือนห้าปีก่อนอย่างนั้น ใช้สายตาแหลมคมมองไปที่เวินจิ้ง

ครูที่สอบวิทยานิพนธ์คนอื่นๆ ก็ยกความเห็นที่เหมือนกันออกมา การสอบวิทยานิพนธ์ของเวินจิ้งให้ผ่านไม่ได้

สีหน้าของเวินจิ้งซีดมาก เธอแน่ใจแล้วว่าวิทยานิพนธ์ที่เอาให้ครูครั้งนี้ก็คือเรื่องที่เธอเขียนตอนแรกๆ เธอตรวจสอบอย่างละเอียดตั้งหลายครั้ง ไม่มีทางที่จะเกิดข้อผิดพลาดอันประมาทเหล่านี้แน่นอน

ตรงแถวสุดท้าย มู่วี่สิงเข้ามาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ในห้องเรียนมีคนนั่งเต็มเลย ความสนใจของเวินจิ้งอยู่ที่วิทยานิพนธ์อย่างเดียว ไม่ได้สังเกตเขา

พอเขาเปิดปาก แทบจะดึงดูดความสนใจของทั้งห้องไปแล้ว

คนที่นั่งข้างเขาคือผู้อำนวยการ!

“มุมมองของการใช้ยาตัวใหม่ในการระงับความรู้สึกที่เวินจิ้งเขียนในวิทยานิพนธ์ ถึงแม้ว่าในหนังสือจะเคยมีมุมมองที่คล้ายกันแล้ว แต่จุดอภิปรายของเวินจิ้งไม่ได้โฟกัสที่วิจัยผลกระทบของคีตา แต่คือจากผลกระทบต่างๆ ที่มันมีต่อเส้นประสาทร่างกายมนุษย์แล้วเอาไปทำการทดลองต่อ ซึ่งแตกต่างกับการวิจัยในหนังสือ《วิทยาประสาท》 ส่วนรายละเอียดของวิทยานิพนธ์ ผมซึ่งเป็นดอกเตอร์ของประสาทวิทยาไม่ได้เจอปัญหาใดๆ เลย”

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset