บทที่ 237 หลงระเริง
เวินจิ้งไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อตื่นมาก็อยู่ที่ห้องนอนแล้ว
ด้านข้าง มู่วี่สิงยังไม่ตื่นนอน
แขนของเขาโอบกอดเธอไว้ ร่างบางของเธอขดตัวในอ้อมแขนของเขา วางใจมาก
เธอเอนตัวพิงอกของเขา โดยไม่รู้ตัว
เงนหน้าขึ้น สายตามองตั้งแต่คางมองขึ้นไป
จนถึงคิ้วของเขา
โหน่งคิ้วของเขาสูงมาก จมูกโด่ง คุณสมบัติใบหน้ามีความลึกและเป็นมิติ เป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด
และผู้ชายคนนี้ เป็นสามีของเธอ
มือของเวินจิ้งยกขึ้นมา วางไว้บนตาของเขา ปกติมู่วี่สิงชอบสวมแว่น ไม่ผิดศีลห้าและมีอารยธรรม
แต่หากเขาถอดแว่นลงมา บางครั้ง ก็น่ากลัวมาก
เธออยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกจับข้อมือไว้ มู่วี่สิงลืมตาขึ้น พลิกตัวแล้วกดเธอไว้ใต้ร่าง
เวินจิ้งรู้สึกเขินอาย ข้างหูมีเสียงแหบของเขา “จะทำอะไร?”
“ไม่ทำอะไร…” เสินจิ้งกระพริบตา หัวใจเต้นเร็วมาก
“ตื่นแล้วทำไมไม่ลุกขึ้นมา?” น้ำเสียงของมู่วี่สิงต่ำแหบเล็กน้อย
เวินจิ้ง: …
เธอไม่สามารถเอาแต่พูดว่าเธอหลงใหลในความงามของมู่วี่สิง และติดใจ
“ฉันหิวแล้ว” เวินจิ้งเปลี่ยนเรื่อง
“พอดี ฉันก็หิวเหมือนกัน”
สิ้นสุดเสียง ริมฝีปากของเขาเข้าไปใกล้ตอนที่เธอไม่ทันตั้งตัว ก็จูบปากเธอให้สนิท
ปฏิกิริยาในมือของเขายิ่งอยู่ยิ่งเกินเลย
เวินจิ้งดึงสติกลับมา เธอยังต้องไปสนามบิน ถ่วงเวลาไม่ได้!
เธอห้ามมู่วี่สิงไว้ “ต้องสนามบินแล้ว”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ไม่พอใจอย่างชัดเจน
เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม “คืนนี้ได้ไหม?”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา หูของเธอก็แดงก่ำ
ผู้ชายจับคางของเธอ แล้วจูบดูดดื่มอีกครั้งก่อนจะคลายจูบ “ฉันจำไว้แล้ว”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่วี่สิงมาสนามบินกับเวินจิ้ง แปดโมงพอดี
จุดเช็คอิน เวินจิ้งเห็นเจี่ยนอีกับเวินโม่
สีหน้าของเจี่ยนอีดีขึ้นเยอะ เวลาที่อยู่กับเวินโม่ มักมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
เวินจิ้งหยุดฝีเท้า เห็นคุณแม่มีความสุขเช่นนี้ ดูเหมือนเธอจะบรรเทาลงเยอะ
เพียงแค่เธอรู้สึกมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“แม่” เวินจิ้งเดินไป
เจี่ยนอีหันไป ยกรอยยิ้มขึ้น “เด็กดี ช่วงนี้ยุ่งกับการทบทวนไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาก็ได้”
“คุณรีบไปแบบนี้ ทิ้งฉันไว้คนเดียว” เวินจิ้งก็ยังจี้อ้อนเหมือนตอนเด็ก
มีหลายอย่างที่เคยชินแล้ว แก้ไขไม่ได้
เจี่ยนอียิ้ม “ตอนนี้คุณหมอมู่ดูแลเธอ ฉันก็สบายใจ แต่ว่าก็ควรจะคลอดลูกให้เร็วๆ แม่รออุ้มหลานอยู่”
“แม่ เรื่องรีบไม่ได้” เวินจิ้งลดสายตาลง
“เรื่องของคนหนุ่มสาวของเธอสองคนฉันก็ยุ่งไม่ได้ รอให้แม่ปักหลักที่นั่นแล้ว เธอกับคุณหมอมู่ก็มาเยี่ยมเยือนฉันได้ทุกเมื่อ”
“แน่นอนอยู่แล้ว คุณเป็นแม่ฉันเสมอ” เวินจิ้งโอบกอดเจี่ยนอี
ใกล้ถึงเวลาตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว เวินจิ้งมองแผ่นหลังของคุณแม่เดินจากไป น้ำตาก็รินไหลลงมา
เธอเคารพการตัดสินใจของเจี่ยนอี แต่ในใจก็ยังเป็นทุกข์ ปล่อยวางไม่ได้
พิงที่อ้อมแขนของมู่วี่สิงเธอพึมพำ “ฉันจะทำยังไงดี?”
เธอเพิ่งพบว่า เธอยังไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้
คุณแม่แท้ๆของเธอ เธอจะเผชิญกับเธอยังไงดี
“คุณหญิงมู่ จำไว้ ตอนนี้เธอเป็นเมียของฉัน ตัวตนของเธอมีเพียงสิ่งนี้ รู้ไหม?” มู่วี่สิงจับหน้าเธอยกขึ้น
นอ้วมือเช็ดน้ำตาอุ่นๆของเธอ เวินจิ้งมองดวงตาสีดำออบซิเดียนของเขา ภายในทำให้คนรู้สึกอุ่นใจ
เธอเชื่อเขาได้เหรอ?
…
ตระกูลฉี
ฉีเซินผู้ได้ตรวจสอบเรื่องทุกสิ่งอย่างมาถึงสวนดอกไม้ หลินเวยกำลังดูอัลบั้ม
“คุณคอยขัดขวางไม่ให้ฉันชอบเวินจิ้ง ก็เพราะว่า เธอเป็นลูกสาวของคุณ ใช่ไหม!” ฉีเซินถามเสียงดังอยู่ข้างหู
หลินเวยมองขึ้น เผชิญกับคำถามของฉีเซิน สีหน้าไม่แยแส
เป็นเวลานาน หัวเราะเบาๆ “เมื่อแกรู้แล้ว แล้วมาถามฉันทำไม”
“ฉันไม่เชื่อ” ฉีเซินพูดอย่างมั่นใจ
เขาไม่เชื่อ เขากับเวินจิ้งท้ายที่สุดมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน
“ฉันรู้ว่าแกยอมรับไม่ได้ แต่เธอเป็นพี่สาวของแก”
“ไม่ เธอไม่ใช่!” ฉีเซินรีบโต้ สีหน้าโกรธมาก
เวินจิ้งจะเป็นพี่สาวของเขาได้อย่างไร ไม่มีทางแน่นอน!
เธอคือผู้หญิงที่เขาชอบ…
“เมื่อแกรู้ตัวตนของเธอแล้ว ทำไมไม่คัดค้านเธอแต่งงานกับมู่วี่สิง!” ฉีเซินพูดด้วยความโกรธ
ในที่สุดอารมณ์ของหลินเวยก็อ่อนลง “ตอนที่ฉันรู้ พวกเขาได้แต่งงานกันแล้ว”
เวินจิ้งกับมู่วี่สิงแต่งงานกันสายฟ้าแลบ ก่อนแต่งงานเธอไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าพวกเขาไม่เคยรู้จักกัน
ดังนั้น เป็นไปได้อย่างมากที่มู่วี่สิงจะรู้ตัวตนของเวินจิ้งตั้งนานแล้ว
สายตาของหลินเวยเย็นชาขึ้นมา
“ถ้าหากมู่วี่สิงจริงใจกับเธอ ฉันไม่คัดค้าน แต่หากเขาจงใจเพื่อเข้าใกล้เวินจิ้ง ฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
“ผมต้องรีบเคลื่อนไหวแล้ว” ฉีเซินพูดอย่างเย็นชา
“อืม อย่าทำร้านพี่สาวแก”
หลินเวยเตือนฉีเซินอีกครั้ง
ทำไมเขาจะไม่รู้
ความเจ็บปวด ความไม่เต็มใจ และความผิดหวัง
อารมณ์ทั้งหมดเกี่ยวพันกัน ฉีเซินออกจากบ้านฉี มาถึงการ์เด้นมู่เจียวานโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขามาที่นี่เพราะมีคอนโด เดิมทีนั่นเป็นเรือนหอของเขาและฉินเฟย ต่อมาก็ปล่อยว่าง
ขึ้นไปอีกห้าชั้น ก็เป็นคอนโดที่เวินจิ้งพัก
เขากดออด
เวินจิ้งอยู่บ้านคนเดียว ปกติไม่มีคนมา
เธอดูช่องตาแมว เห็นฉีเซิน และไม่ได้เปิดประตู
มือถือของเวินจิ้งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสายของฉีเซิน
“เวินจิ้ง ให้ฉันเข้าไป”
“ไม่สะดวก” เวินจิ้งตอบเสียงเฉยเมย
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่ของฉัน”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว คุณแม่ของฉีเซิน ก็เป็นคุณแม่ของเธอเช่นกัน
แม้จะลังเล แต่เวินจิ้งก็ให้เขาเข้ามา
ฉีเซินดูการจัดวางที่อบอุ่น ทุกอย่างได้รับการตกแต่งจากความชอบของเวินจิ้ง
ในสายตาของเขาที่ความอิจฉา
“นั่งสิ มีธุระอะไร?” เวินจิ้งเว้นระยะห่างกับเขา
ครั้งสุดท้ายที่เห็นฉีเซินคือตอนที่อยู่ในชั้นศาล คำพูดของเขายังคงก้องอยู่ในหู
เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“แม่ฉันบอกว่า เธอเป็นพี่สาวของฉัน” ฉีเซินจ้องมองเวินจิ้ง
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป สำหรับเรื่องนี้ เธอไม่สามารถสงบลงได้
“ใช่ไหม?”
“ฉันก็หวังว่าไม่ใช่”
“คุณมาที่นี่ เพื่อมาพูดเรื่องนี้?” เวินจิ้งถามอย่างใจเย็น
ฉีเซินเงียบ เขามา…มีแรงจูงใจอย่างแน่นอน
เพียงแค่อยากมาดูเวินจิ้ง
ถ้าหากเป็นพี่สาวของเขาจริงๆ เขาก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
เพียงอต่ความรู้สึกในใจ ก่อตัวอย่างถอนไม่ขึ้นตั้งนานแล้ว
“อืม ฉันมาเยี่ยมเธอ พี่สาว” ฉีเซินจ้องมองเธอ
เวินจิ้งหัวเราะอย่างเย็นชา “ไม่คิดว่าเราสองคนจะกลายมาเป็นพี่น้องกัน”
“ฉันก็แปลกใจ ต่อไป เธอคงไม่ปฏิเสธที่ต้องพบฉัน?” ฉีเซินถาม
“ตัวตนของฉันยังไม่ได้รับการยืนยัน คุณฉี ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง อีกอย่าง ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตของฉันค่อนข้างดี”
ฉีเซินขมวดคิ้ว ฟังออกถึงความหมายที่เวินจิ้งพูด
บางที เธอไม่กลับไปอยู่กับหลินเวย
เป็นเพราะมู่วี่สิงเหรอ?