บทที่ 23 ข้ามฝั่งรื้อสะพาน
พอออกมาจากร้านอาหาร เวินจิ้งถึงได้เพิ่งมาสังเกตว่าตัวเองยังพยุงมู่วี่สิงอยู่ เห็นดังนั้นก็รีบปลดมือออก
“ข้ามฝั่งรื้อสะพาน?” มู่วี่สิงหรี่ตา ก้นสายตามีความพึงพอใจอยู่หลายส่วน
เมื่อครู่การที่เวินจิ้งพูดว่า ‘สามีฉันเอง’ ทำให้เขาพอใจมาก
“ไม่อย่างนั้นคุณจะให้ทำยังไงล่ะคะ?” เวินจิ้งมองเขา
ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงกระตุกขึ้น ทันใดนั้นก็ใช้มือกุมใบหน้าของเธอไว้ ยื่นใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้
เวินจิ้งตกใจคิดว่ามู่วี่สิงจะจูบตัวเองก็เกิดอาการลนลาน
เขาแค่ช่วยทัดปอยผมไว้หลังหูให้เธอเท่านั้น แต่หัวใจของเวินจิ้งกลับเต้นผิดจังหวะเสียแล้ว
“ละครเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก”
มู่วี่สิงพูดไป เวินจิ้งถึงได้มองเห็นผ่านทางหน้าต่างบานใหญ่จรดพื้นว่าที่ด้านล่างนั่นสายตาของฉินเฟยยังมองมาทางพวกเธออยู่
เวินจิ้งย่นคิ้ว นั่งลงบนรถของมู่วี่สิง แต่ว่าที่นี่ห่างจากบริษัทการผลิตยาเทียนอีไปไม่ไกล พอสติของเวินจิ้งกลับมาก็คิดจะลงจากรถแล้วเดินไปเอง
“ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนผม” มู่วี่สิงสั่ง
“แต่ว่าฉันต้องทำงานนะคะ” เวินจิ้งย่นคิ้ว เมื่อครู่ฝ่ายบุคคลก็ประกาศออกมาแล้วว่าวันนี้จะเริ่มตรวจสอบอย่างจริงจัง จะขาดงานไม่ได้
“ผมจะบอกกับฝ่ายบุคคลให้ว่าคราวหน้าไม่คุณไม่ต้องผ่านกระบวนการพวกนี้”
เวินจิ้งย่นคิ้ว “อย่างนี้ไม่ดีมั้งคะ”
“งั้นก็ลาออกเลยเป็นไง ยังไงซะตำแหน่งของคุณสำหรับบริษัทจะมีหรือไม่มีก็ได้”
เวินจิ้งโกรธขึ้นมาแล้ว อะไรกันที่เรียกว่ามีหรือไม่มีก็ได้ แม้ว่าเธอจะเป็นพนักงานฝ่ายเอกสาร แต่จะดีร้ายยังไงก็ทำงานด้วยความตั้งใจตลอด
“คุณ…อย่าให้มันเกินไปนะ! ฉันต้องกลับไปจริงๆ!” เวินจิ้งพูดไปก็ผลักออกจะลงรถ
แต่มู่วี่สิงกลับลงตัวล็อคเร็วกว่า หว่างคิ้วเผยไอเย็นออกมา
“คุณจะได้ทำงานต่อไปหรือไม่นั่นเป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจ” เสียงของมู่วี่สิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ชั่วครู่นั้น เวินจิ้งไม่กล้าทำเรื่องผลีผลามอีกต่อไป
ดีร้ายยังไงตอนนี้มู่วี่สิงก็เป็นเจ้าของบริษัทการผลิตยาเทียนอี เขามีสิทธิ์นี้จริงๆ
แต่ว่าเธอไม่ยอม มู่วี่สิงอาศัยอะไรมาทำแบบนี้?
เห็นชัดๆอยู่ว่าเขาต้องการป่วนชีวิตของเธอ!
เวินจิ้งผินหน้าออก โกรธจนมองออกไปนอกหน้าต่าง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตัวรถก็เข้ามาจอดอยู่ในลานจอดที่โรงพยาบาลเหรินหมิน
“อีกเดี๋ยวคุณมีเคสผ่าตัดแล้วฉันจะทำอะไรล่ะคะ?” เวินจิ้งตามอยู่ด้านหลังเขา ยังคงมีความไม่พอใจอยู่เนือง ๆ
“เคลียร์รายการผู้ป่วย”
“รอบตัวคุณไม่ใช่ว่ามีพยาบาลสาวๆกองเป็นพะเนินหรือไง?” เวินจิ้งพูดไปน้ำเสียงก็แฝงกลิ่นน้ำส้มอยู่หลายส่วน
มู่วี่สิงเองก็ฟังออก เขาชะงักเท้า ใบหน้าเย็นชาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาน้อย
“อืม พวกเขาอยู่ในแผนกของผมจริงๆนั่นแหล่ะ” มู่วี่สิงพยักหน้า
“งั้นเรื่องพวกนี้ก็ให้พวกเธอจัดการสิคะ”
“วันนี้พวกเขาต้องตามผมเข้าไปในห้องผ่าตัด” มู่วี่สิงบอกเสียงนิ่ง
เวินจิ้ง “…”
…..
พอเข้าไปในโรงพยาบาล ผู้อำนวยการก็รีบร้อนเข้ามาชี้แจงเรื่องราวให้มู่วี่สิงฟัง
ที่แท้ผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดก็คือเย่กวนกวนลูกสาวคนเดียวของตระกูลเย่ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองหนาน มิน่าผู้อำนวยการถึงได้ลงมาดูด้วยตัวเอง
สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชาดังเดิม พอเดินเข้ามาในห้องทำงานก็โดนกลุ่มคนรายล้อม เวินจิ้งโดนเบียดจนถูกบีบไปอยู่วงนอก แม้แต่ประตูยังเข้าไปไม่ได้
เธอทำตาละห้อย ตอนนี้เธอกลับไปทำงานที่บริษัทได้แล้วกระมัง?
คิดถึงมู่วี่สิงเองก็คงปลีกตัวออกมาดูเธอไม่ได้
ตอนที่คิดจะแฉลบออกมา มู่วี่สิงกลับเดินออกมาจากกลุ่มคน คว้าตัวเวินจิ้งแล้วดึงเธอเข้าไปในห้องทำงาน
“จัดการรายชื่อผู้ป่วยพวกนี้ให้เรียบร้อย”
สิ้นคำเบื้องหน้าเวินจิ้งก็เต็มไปด้วยเอกสารของผู้ป่วยความสูงเกือบๆหนึ่งเมตรได้
“ฉัน…”
“เป็นเด็กดีนั่งรอผมอยู่ตรงนี้” มู่วี่สิงกดไหล่ของเธอ ไม่ยอมให้เธอค้านสักคำ
สิ้นคำก็หมุนตัวหันไปกำชับกับนักศึกษาแพทย์กับพยาบาลให้เตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด จากนั้นก็จากห้องทำงานไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งนั่งอยู่บนเก้าอี้ สมองก็คิดว่าเธอทำงานให้มู่วี่สิง อย่างนั้นเธอก็ถามหาเงินเดือนจากเขาได้ใช่หรือไม่?
ต่อให้เป็นสามีภรรยากัน แต่เรื่องบางเรื่องก็ควรคุยกันให้ชัดเจนไปเลย!
พอคิดถึงตรงนี้ เวินจิ้งก็มีแรงทำงานเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวแล้ว