บทที่ 243 รอคุณกลับบ้าน
เมื่อเห็นมู่วี่สิงจะเปิดกระเป๋าหนังสือของเธอ เวินจิ้งก็จะดึงกระเป๋ากลับมา
“อย่าขยับ ผมกำลังช่วยคุณตรวจสอบของดูว่าคุณเตรียมครบแล้วหรือยัง” มู่วี่สิงพูดอย่างซีเรียส
ทำไมมู่วี่สิงดูเหมือนกลายเป็นผู้ปกครองของเธอไปเสียแล้ว……
“ดินสอเสียแล้ว”
ชายหนุ่มเปิดกล่องดินสอออก ดินสอถูกเขาถืออยู่ในมือ
เวินจิ้งหยิบมาดู เป็นจริง ไส้ดินสอหักแล้ว เธอไม่ทันระวังจุดนี้
และในกล่องดินของเธอก็มีแต่แท่งนี้แท่งเดียวด้วย……
“ไปซื้อใหม่ใกล้ๆกับสนามสอบแล้วกัน” เวินจิ้งตอบ
มู่วี่สิงได้หยิบดินสอทั้งแถวออกมาจากในชั้นวางของของเขา หยิบมาสองแท่งแล้วใส่ไว้ในกล่องดินสอของเวินจิ้ง
เวินจิ้งงุนงง มู่วี่สิงซื้อดินสอมากมายขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“คุณ……”
“กลัวว่าคุณจะลืมไง” มู่วี่สิงตอบ
มู่วี่สิงมองดูที่สายตาของเขาที่เปลี่ยนไปมา แต่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าคือมู่วี่สิง อารมณ์ของเธอจึงต้องรีบเก็บไว้
“ขอบคุณ”
“เรียบร้อย อุปกรณ์เตรียมพร้อมเสร็จแล้ว” มู่วี่สิงก็ได้คืนกระเป๋าหนังสือให้กับเธอ
เวินจิ้งอยากจะร้องเรียกคำนึงออกมาว่า “แม่” เลย……
เธอลดสายตาลง มุมปากแอบยิ้มขึ้น
ความปิตินี้ ได้เข้าไปอยู่ในสนามสอบ ในขณะที่เวินจิ้งกำลังทำข้อสอบ ในสมองก็ผุดหน้าของมู่วี่สิงที่กำลังตรวจสอบเครื่องเขียนให้เธออย่างตั้งอกตั้งใจ
ปัดโธ่เอ้ย……เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกเสียง
อาจารย์คุมสอบขมวดคิ้ว เข้ามาว่ากล่าว “นักศึกษาคะ กรุณาตอบข้อสอบอย่างตั้งใจค่ะ”
เวินจิ้งรู้สึกตัว ไม่กล้าเผลอไปคิดเรื่องอื่นอีก
……
การสอบตลอดทั้งวันก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่วี่สิงรอเธออยู่ข้างนอกโดยตลอด
เขาพิงที่ประตูรถ ใบหน้าอันหล่อเหลาดึงดูดนักศึกษาให้มาสนใจไม่น้อย
ในที่สุดก็มีนักศึกษาใจกล้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “คุณหมอมู่ เป็นคุณจริงๆด้วย?”
มู่วี่สิงเคยชินไปเสียแล้ว แต่ว่าในใจก็เป็นห่วงเวินจิ้ง สีหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม
ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมงการสอบก็จะสิ้นสุดลง
“คุณหมอมู่ ฉันได้ยินมาว่าคุณลาออกแล้วหรือ? คุณไปอยู่ที่ไหนหรอคะตอนนี้?”
ตอนนี้บรรดาแฟนคลับเริ่มคลายตัวลง เพราะข่าวคราวของมู่วี่สิงน้อยลง
จะมีเพียงแต่บางส่วนที่ยังคงติดตามรายงานเกี่ยวกับการเงินเศรษฐกิจถึงจะทราบถึงเรื่องราวมู่วี่สิงในตอนนี้
“เรื่องชีวิตส่วนตัวของผม กรุณาให้ช่องว่างกับผมหน่อยนะครับ” มู่วี่สิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
“ก็ได้ค่ะ คุณหมอมู่ คุณมีเวยป๋อไหมคะ ช่วยบอกแอคเคาท์พวกเราหน่อยได้ไหม ไม่งั้นตอนนี้พวกเราก็จะไม่รู้เลยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ค่ะ”
“เวยป๋อ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว การโพสอะไรเล่นแบบนั้นสมัยเมื่อหลายปีก่อนเขาเคยเล่นไม่กี่วันก็ไม่ได้เล่นอีกเลย
แต่ว่าดูแล้วพวกเด็กนักศึกษาเหล่านี้ไม่ยอมออกไปง่ายๆแน่ เขาจึงยอมบอกแอคเคาท์ออกไป
“คุณหมอมู่ คุณต้องขยันอัพเดทเวยป๋อคุณหน่อยนะคะ พวกเราจะคอยติดตามคุณนะ!”
“ทุกคนอยากเห็นผมลงอะไรบ้างหล่ะ?” เขาถาม
ตามปกติแล้วเขาเองก็ไม่มีการอัพเดทข้อมูลอะไรลงในที่สาธารณะ แต่ถึงแม้ว่าแอคเคาท์เขาจะนิ่งงันไม่เคลื่อนไหวมานาน แต่บรรดาแฟนคลับก็ยังคงมีเป็นหมื่น
“แน่นอนว่าเป็นชีวิตส่วนตัวของคุณไง!”
“ชีวิตส่วนตัวของผม?” มู่วี่สิงงุ้มริมฝีปากเขาขึ้น จากนั้นก็รีบอัพเดทเวยป๋อ
——รอคุณกลับบ้าน
……
เมื่อเวินจิ้งเดินออกมา ก็มองเห็นมู่วี่สิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่รายล้อมเขาอยู่
ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่แฟนคลับของเขาจริงๆ……
เมื่อเห็นเวินจิ้ง มู่วี่สิงก็เดินตรงมายังเธอ เป็นฝ่ายรับกระเป๋าหนังสือของเธอมา
มือเขาก็จับมืออันเรียวเล็กของเธอไว้
“คุณทำไมยังอยู่หล่ะ……”
ตอนกลางวันมู่วี่สิงก็รอเธอ คิดไม่ถึงว่าถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ยังไม่กลับไป
“ผมบอกแล้ว จะอยู่เป็นเพื่อนคุณตลอด” เขาโอบเธอ และจูบลงที่คิ้วของเธอ
รอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย เวินจิ้งก้มหัวลงต่ำ ผลักเขาออกไปเล็กน้อย
“อย่าวุ่นวายสิ”
“ผมยังไม่วุ่นวายสะหน่อย” ริมฝีปากของมู่วี่สิงแฝงด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมวุ่นวายขึ้นมา ก็ไม่ใช่แค่แบบนี้แน่”
เวินจิ้งครุ่นคิดตั้งนานถึงจะเข้าใจความหมายที่มู่วี่สิงพูด
เธอค้อนเขา “เกินไปล่ะ!”
ทันใดนั้น เสียงเบรกรถที่ดังขึ้นด้านข้าง เวินจิ้งหันมอง ฉีเซินกำลังเปิดประตูลงจากรถ
มู่วี่สิงก็เห็นเขาแล้ว
“เวินจิ้ง คำอวยพรของผมมาช้าไปหน่อย แต่ว่ายังไงคุณก็จะต้องได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหลินไห่แน่นอน” ฉีเซินเดินเข้ามาหาเธอ
เวินจิ้งตอบอย่างเรียบๆ “ขอบคุณค่ะ”
“คุณแม่ให้ผมมารับคุณ กลับไปกับผม ได้ไหมครับ?” ฉีเซินมองดูที่เธออย่างเป็นประกาย
สอบเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอก็ไม่มีธุระอะไร
เวลาที่จะสอบซ่อมก็ไม่ได้เร็วอย่างนั้น
ผ่านไปสองเดือนแล้ว บางที เธอก็ควรไปเยี่ยมเย่เวยหน่อย
“มู่วี่สิง คุณกลับไปเถอะ ฉันขอไปที่ตระกูลฉีสักรอบ”
เขากลับไม่ปล่อยมือ แต่กลับโอบตัวเธอไว้
“ผมไปเป็นเพื่อนคุณน่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น ฉีเซินตอบเสียงเข้ม “คุณแม่ผมไม่ได้เชิญคุณ”
เวินจิ้งรู้ว่าฉีเซินกับมู่วี่สิงไม่ลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไร หากว่ามู่วี่สิงก็ไปด้วย เกรงว่าจะทำให้บรรยากาศไม่ดีเป็นแน่
อีกทั้ง ความสัมพันธ์ของเธอกับมู่วี่สิง เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร
หย่าขาด มู่วี่สิงไม่เห็นด้วย
แต่จะให้เธออยู่ข้างกายเขาเหมือนอย่างแต่ก่อน ตอนนี้เธอเองก็รู้สึกต่อต้าน
“มู่วี่สิง คุณกลับไปก่อนเถอะน่ะ”
ชายหนุ่มเม้มที่ริมฝีปาก แววตาเริ่มแผ่ความน่ากลัวออกไป
“คืนนี้ผมจะรอคุณที่ห้องนะ” ชั่วเวลาหนึ่ง เขาถึงจะตอบเสียงเข้มออกมา
เวินจิ้งไม่ได้ตอบเขา ผลักตัวมู่วี่สิงออก เกือบจะเป็นการแสดงออกว่าเธอเลือกขึ้นรถฉีเซินไป
สำหรับเธอแล้ว มู่วี่สิงเปรียบเสมือนยาเสพติด
เลิกไม่ได้แต่ก็จำเป็นต้องเลิก
รถขับไปยังชานเมืองอย่างช้าๆ หลินเวยรักความสงบ ตระกูลฉีสร้างอยู่บนครึ่งเขาในเขตชานเมือง
“เวินจิ้ง ถ้าหากคุณไม่อยากอยู่กับเขา ถ้าเช่นนั้นก็หย่าเถอะ” รถจอดลง ฉีเซินพูดอย่างเคร่งขรึม
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมู่วี่สิงช่วงนี้ เขามองออกอย่างชัดเจน
เวินจิ้งกำลังต่อต้าน กำลังหลบหลีก
“นี่มันเป็นเรื่องของฉัน”
“อย่าลืมสถานะของตัวคุณ คุณคือคนในครอบครัวของผม ผมพูดก็เพื่อคุณ”
“เพราะว่าคุณเป็นฝ่ายตรงข้ามกับมู่วี่สิง ถึงได้ตั้งใจพูดออกมาแบบนี้” เวินจิ้งตอบอย่างไม่แยแส
สำหรับฉีเซิน เธอก็ยังไม่สามารถเชื่อใจเขาได้ทั้งหมด
“เวินจิ้ง ผมพูดเพื่อคุณมาตลอด ไม่เกี่ยวอะไรกับมู่วี่สิงเลย!” น้ำเสียงของฉีเซินเย็นลง
“จริงหรอ?” เวินจิ้งงุ้มฝีปากเธอขึ้น
“คุณเชื่อใจเขาใช่ไหม?” เสียงของฉีเซินแทรกความรู้สึกบ้าคลั่ง
ความแค้นในตาเริ่มผุดขึ้น แต่ถูกเขาปิดบังเอาไว้
“ฉันแค่เชื่อตัวฉันเอง ถึงแม้ว่าคุณคือน้องชายฉัน ก็มาควบคุมฉันไม่ได้” เวินจิ้งตอบอย่างเย็นชา
ในสายตาของเธอ ญาติมิตรยังไงก็มีแค่เจี่ยนอี เป็นแม่ที่เลี้ยงดูเธอให้เติบใหญ่
แต่คนของตระกูลฉี สำหรับเธอแล้วนั้นยังเสมือนคนแปลกหน้า
“มู่วี่สิงเขามักมีแผนการกับคุณมาโดยตลอด ผมก็แค่ไม่หวังให้คุณนั้นถูกเขาหลอกลวงได้”
“เขาคือคนแบบไหน คุณเข้าใจลึกซึ้งหรือ?” เวินจิ้งมองดูฉีเซิน
“อย่างน้อย ก็เข้าใจมากกว่าคุณ”
“ถ้างั้นคุณก็บอกฉัน ว่าเขาเป็นคนอย่างไร?”
“เขาเป็นคนที่มีแผนการมาแต่ไหนแต่ไร คนของตระกูลมู่แต่ละคนไม่ธรรมดา สถานะซับซ้อน เวินจิ้ง มีแต่ผมที่สามารถปกป้องคุณได้”
“ฉีเซิน คุณเองก็มีแผนการกับฉันด้วย แรกเริ่มคุณใกล้ชิดฉัน ก็เป็นเพราะฉันเป็นคนใกล้ชิดของมู่วี่สิงไม่ใช่หรอกหรือ?” เวินจิ้งพูดคมมองไปยังเขา
เธอเป็นเพียงคนสามัญธรรมดา ก่อนหน้านี้ฉีเซินไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเธอ
การใกล้ชิดเธอ ก็เพราะว่ามู่วี่สิง
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมนั้นชอบคุณมาตลอด” น้ำเสียงฉีเซินยังคงหนักแน่น
หากว่าเวินจิ้งกับเขาไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกัน เขาก็จะต้องแย่งเธอมาจากในมือของมู่วี่สิงเป็นแน่
แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่า เธอและเขานั้นมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
สิ่งนี้เป็นความจริงที่เขาไม่ยอมรับไม่ได้