บทที่ 254 ฉันเป็นสามีของเธอ
เวินจิ้งเดินออกไปตามทางที่เดินเข้ามา ในหัวสมองปรากฏแต่คำพูดเมื่อครู่ของคุณปู่ ทุกสิ่งอย่างล้วนทำให้เธอตกใจอย่างมาก
เธอไม่กล้าเชื่อ
รถมายบัคที่คุ้นเคยจอดลงข้างๆเธอ มู่วี่สิงลงจากรถ
เขาจับข้อมือของเธอ โอบเธอไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ
“คุณหญิงมู่”
เวินจิ้งลดสายตาลง สีหน้าขาวซีดมาก
ถูกโอบเข้าไปในรถ สติของเธอถึงจะกลับมา
“ฉันอยากรู้ ว่าฉันเป็นใครกันแน่…” เธอบ่น
“เธอคือคุณหญิงมู่ เวินจิ้ง เธอคือคนของตระกูลมู่” มู่วี่สิงกุมมือของเธอ ด้วยพลังที่เยอะ
สายตาของเขาตื่นตระหนก
เวินจิ้งกลับส่ายหน้า ดันมู่วี่สิงออก
“ไม่ใช่…”
ขณะนี้เธอตกอยู่ในการสูญเสียอย่างหนัก เธอมองมู่วี่สิง “ฉันจะไปตระกูลฉี”
แต่มู่วี่สิงไม่ได้พาเธอไป กลับการ์เด้นมู่เจียวานโดยตรง
เวินจิ้งมองเขาอย่างงุนงง
“กลับมาพักผ่อนก่อน รอให้อารมณ์ของเธอนิ่งก่อน ฉันค่อยพาเธอไปตระกูลฉี” มู่วี่สิงพูดเงียบๆ
เวินจิ้งพยักหน้า ตอนนี้เธอกระวนกระวายใจ กลัวว่าหากเจอหลินเวยก็ไม่รู้จะพูดอะไร
อาบน้ำเสร็จนอนบนเตียง เวินจิ้งหลับตาลง ในหัวสมองปรากฏภาพตอนเด็ก
“พ่อคะ วันนี้หนูเจอเด็กผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง เราพาเขากลับมาบ้านได้ไหมคะ”
“พ่อมีแค่เด็กจอมซนอย่างลูกคนเดียวข้างกายก็พอแล้ว…”
“แต่ว่า เขาหน้าตาดูดีมากนะคะ แต่นิสัยของเขาค่อนข้างปิด ไม่มีครอบครัวเลี้ยงดูเขา”
“เรื่องของคนอื่น หนูไม่ต้องสนใจ เรากลับบ้านกัน…”
“…”
เวินจิ้งลืมตาขึ้นทันที รูปร่างหน้าตาของเด็กผู้ชายคนนั้นลืมไปตั้งนานแล้ว แต่หลังจากหลายปีผ่านไป เธอมักเป็นห่วงเขาตลอด
สะบัดหัว ตอนนี้เวินจิ้งดีขึ้นมาบ้าง หยิบมือถือ ปรากฏเพิ่งเห็นว่ามีหลายสายที่ไม่ได้รับ
คือคุณปู่
เวินจิ้งกดโทรกลับไป
“วันนี้ปู่กะทันหันเกินไป” น้ำเสียงชราของหลินเจิ้งพูด “เวินจิ้ง เวลาของปู่เหลือไม่มากแล้ว อยากอยู่กับหลานนานๆ”
เวินจิ้งลดสายตาลง ไหล่สั่นคลอน
แม้ว่าตอนนั้นเธอจะถูกหลินเวยทอดทิ้ง มีคุณปู่เป็นปัจจัยแต่เธอไม่สามารถโกรธเขาได้
เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่สำคัญ
“ได้”
“อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจัดคนไปรับเธอ”
หลังจากวางสาย เวินจิ้งเงยหน้า มู่วี่สิงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“คุณปู่ของฉัน…” น้ำเสียงของเวินจิ้งสั่นคลอนเล็กน้อย “พรุ่งนี้ฉันอยากลา ไปดูท่าน”
“อืม ฉันไปกับเธอด้วย”
เวินจิ้งส่ายหน้า เธอไม่อยากให้เขามาพัวพัน
“ฉันไปคนเดียวก็พอแล้ว” เธอพูดเสียงเบา
“คุณหญิงมู่ ฉันเป็นสามีของเธอ เธอต้องเชื่อฉัน” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นครู่เดียว
“ให้ช่องว่างกับฉัน ดีไหม?” เวินจิ้งส่ายหน้าอย่างแน่วแน่
มู่วี่สิงไม่พูดอะไร และหันเดินไปห้องหนังสือ
เวินจิ้งรู้ ว่าเขาโกรธ
แต่ตอนนี้หัวสมองของเธอสับสนวุ่นวาย เธอแค่อยากอยู่ลำพัง
เมื่อนอนหลับ ข้างกายยังคงว่างเปล่า
ในห้องหนังสือ มู่วี่สิงตรวจสอบข้อมูลใดๆของตระกูลหลินไม่ได้
แต่ว่าอุตสาหกรรมบางอย่างที่ถืออยู่ในมือของหลินเวย เขาติดตามเบาะแสนี้
ยุโรปตระกูลหลิน…
เขาหรี่ดวงตา ความเย็นชากระจายไปทั่วดวงตา
เมื่อกลับถึงห้องนอนหัก เวินจิ้งแทบจะขดตัวบนเตียงนอน แอร์เย็นเกินไป ผ้าห่มถูกเธอถีบออก
มู่วี่สิงช้อนร่างผอมบางของเธอ อุณหภูมิร่างกายของเวินจิ้งทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยน
หลังมือแตะหน้าผากของเธอ ตัวร้อนมาก
“คุณหญิงมู่!”
เขารับแจ้งให้คุณหมอส่วนตัวมา เวินจิ้งลืมตาขึ้นมาเบลอๆ
เธอเป็นอะไรไป…
ร้อนมาก เธอเลิกชุดนอนของตัวเองขึ้นมา
มู่วี่สิงจับข้อมือของเธอไว้ และตะโกน “อย่าขยับ!”
เธอไม่รู้ว่าตัวเองในตอนนี้ยั่วยวนมากแค่ไหน
เวินขิ้งค่อยๆลืมตาช้าๆ ความกังวลของมู่วี่สิงกระทบมาในดวงตา
เหมือนว่าเธอจะมีไข้…
คุณหมอส่วนตัวมาอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งมีไข้อ่อนๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เวินจิ้งนั่งอยู่หัวเตียง มองร่างที่กำลังยุ่งของมู่วี่สิง
เมื่อครู่คุณหมอจัดยาจีนให้ มู่วี่สิงป้อนยาให้เธอด้วยตัวเอง
รสขมแพร่กระจาย หัวสมองของเวินจิ้งก็หดตัวลงบนเตียงทันที
“ไม่ดื่ม ฉันง่วงแล้ว!”
ตั้งแต่เล็กจนโตสิ่งที่เธอเกลียดที่สุดคือดื่มยาจีน…
“พรุ่งนี้ไม่อยากออกจากบ้านแล้ว?” มู่วี่สิงทำหน้าโหด
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก ทุกข์จนขมวดคิ้ว
ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว
มู่วี่สิงยื่นมือมา เลิกผ้าห่มออก
“คุณหญิงมู่ อยากให้ฉันป้อนยาให้ หืม?” มู่วี่สิงเข้าใกล้
ลมหายใจต่ำลึกแผ่ซ่านที่ใบหน้าของเวินจิ้ง รู้สึกจั๊กจี้
เวินจิ้งแก้มแดง ยังไม่ตอบสนองกลับ ม่วี่สิงก็จับหน้าของเธอ
ตามองเขาที่ดื่มยาของเธอ เวินจิ้งเบิกตากว้าง
และวินาทีต่อมา ยาขมก็ส่งป้อนลงไปในปากของเธอ
เวินจิ้ง: …
ความรู้สึกชาจากริมฝีปากถึงฟัน เห็นได้ชัดว่ายาขมมาก แต่เธอได้ลิ้มรสของความหวาน
มู่วี่สิงป้อนทีละคำ เวินจิ้งทนไม่ได้แล้ว
เธอหยุดการกระทำของเขา นำถ้วยยามา
“ฉันดื่มเอง!”
มู่วี่สิงยกริมฝีปากขึ้นอย่างพอใจ “เด็กดี”
ทานยาเสร็จ มู่วี่สิงหยิบขนมออกมาหนึ่งชิ้นเหมือนกลอุบาย เวินจิ้งกระพริบตามองเขา
มันเป็นขนมกระต่ายสีขาวตัวใหญ่!
ความทรงจำที่ละเอียดแวบเข้ามาในหัวสมองของเวินจิ้ง
“โปรดกินขนม เธออย่าโกรธ”
“เด็กผู้หญิงถึงจะกินขนม ฉันเป็นเด็กผู้ชาย!”
“ขนมแค่ชิ้นเดียวนายก็แบ่งแยก ขนมนี้อร่อยมาก ไม่กินก็แล้วแต่”
ขนมที่เธอเพิ่งแกะออก มือของเด็กผู้ชายก็ยื่นมา แล้วแย่งไป
เธอโกรธ จึงวิ่งไล่เขา “นายคงไม่หลอกให้ฉันแกะขนมให้นายหรอกนะ…”
“…”
“คุณหญิงมู่?”
เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งเหม่อลอย มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
เวินจิ้งลดสายตาลง หัวเราะเบาๆ “ขนมนี้ ไม่กินนานมาก”
“ผู้หญิงมักชอบ” มู่วี่สิงพูด
“อืม ฉันชอบมาก”
เธอค่อยๆแกะขนม แต่วินาทีต่อไป มู่วี่สิงกลับยื่นมือ “ให้ฉันลองชิม ขนมที่เธอชอบมากที่สุด”
สิ้นเสียง ขนมก็เข้าไปในปากของเขาแล้ว
เวินจิ้งโกรธเล็กน้อย เอื้อมไปโดยไม่รู้ตัว เพื่อจะเอาขนมคืนกลับมา
มู่วี่สิงเห็นความตั้งใจของเธอ และหรี่สายตา “จูบฉัน ฉันคืนขนมให้เธอ”
“มู่วี่สิง เกลียดคุณ!” เวินจิ้งโกรธ ทันใดนั้นก็ต้องแข็งตัว
ทันใดนั้นมู่วี่สิงตรงหน้าก็กลายมาเป็นเด็กผู้ชายในความทรงจำคนนั้น—จูบฉัน ฉันจะคืนขนมให้เธอ
เธอรีบสะบัดหัวออกทันที เขาจะเป็นมู่วี่สิงได้อย่างไร
มู่วี่สิงเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งในสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า
ทันใดนั้น มีลมหายใจกระแทกเข้ามาที่ริมฝีปากและฟันอีกครั้ง มู่วี่สิงคืนขนมให้เธอแล้ว
เขาพูดเบาๆ “ฉันลองชิมแล้ว เธอหวานกว่า”
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีลึกของมู่วี่สิงถูกประทับไว้ใต้ดวงตา ซึ่งมีเสน่ห์มาก
ดึงดูดให้เธอหลงจนไม่สามารถควบคุมได้
เธอจับใบหน้าของเขา และจูบอย่างแข็งขัน
ความหวานของเธอ เธออยากแบ่งปันกับเขา…
…
วันถัดไป มู่วี่สิงวัดอุณหภูมิร่างกายของเวินจิ้ง
อุณหภูมิกลับมาปกติ
เวินจิ้งลืมตาขึ้น แต่กลับไม่เต็มใจให้ไข้มาเร็วแล้วก็ไปเร็ว
เธอต้องไปหาคุณปู่
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ สีหน้าของเวินจิ้งไม่ดีเลย