บทที่ 272 จุดไฟเพิ่มเข้าไป
ในช่วงเย็น มู่วี่สิงมารับเธอที่บ้านตระกูลหลิน
หลังจากได้ส่งอั้ยเถียนกลับไปยังโรงแรม ทั้งสองก็กลับไปที่การ์เด้นมูเจียวาน
ทันทีเพิ่งมาถึง ตระกูลมู่ได้รับข่าวมาว่า มู่ซือซือได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น
“เธอพักผ่อนให้เต็มที่ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
เวินจิ้งจับแขนของเขา และขมวดคิ้วพูด “ฉันไปกับคุณด้วย”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบรับ
“มู่วี่สิง ฉันอยากไปเป็นเพื่อนคุณ” เวินจิ้งมองเขาอย่างเรียบนิ่ง
“รอฉันที่บ้านอย่างเชื่อฟัง ฮื้ม” มู่วี่สิงจูบหน้าผากเธอ
ดวงตาเวินจิ้งก็หดหู่ขึ้น ยกแขนไปกอดรอบเอวเขา “ฉันอยากไปกับคุณ”
เธอพูดซ้ำอีก
เธอไม่ต้องการถูกแยกออกจากครอบครัวของเขา
มู่วี่สิงลดตาลง นัยน์ตานิ่งลึกลงเล็กน้อย
เวินจิ้งไม่สามารถรอคอยได้ เขาค่อยๆพยักหน้า
มาถึงโรงพยาบาล มู่วี่สิงได้พาเธอไปที่แผนกจิตเวช
ในห้องผู้ป่วย มู่ซือซือหลับไปอย่างเงียบๆ มือของเขาถูกเจาะด้วยสายน้ำเกลือ
หมอเดินออกมา เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับมู่วี่สิง และได้กล่าวคำทักทาย “สุขภาพจิตของผู้ป่วยคงที่แล้ว คุณไปบอกจิตแพทย์ของเธอให้มาที่นี่ บอกว่าอาการป่วยของเธอกำเริบ”
มู่วี่สิงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ขณะยืนอยู่นอกห้องผู้ป่วย สีหน้าหม่นหมอง
เวินจิ้งได้จับร่างใหญ่ของเขาเพื่อปลอบโยนเขา
เธอได้รับรู้ถึงความโกรธของมู่วี่สิงในขณะนั้น
“คุณนายมู่ คุณไปกับซือซือ” มู่วี่สิงไปหาหมอก่อน
เวินจิ้งพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ที่เตียงผู้ป่วย มู่ซือซือขมวดคิ้ว ปลายนิ้วได้จับเตียงไว้แน่นและดูไม่สบายใจ
“อย่าเข้ามานะ …….. อย่า…….”
เธอพึมพำด้วยความเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าเธอยังติดอยู่กับความทรงจำที่ไม่ดี
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วค่อยๆเขย่าตัวมู่ซือซือ “น้องมู่ ตื่นๆ”
แต่อารมณ์ของมู่ซือซือกลับยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อบนใบหน้าก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด ถ้าพูดออกมาเรื่องอาจจะไม่จบ ซึ่งเวินจิ้งฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ
สักพัก มู่ซือซือได้ลืมตาขึ้น และเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวในดวงตา
เวินจิ้งมองเธออย่างเป็นกังวล โชคดีที่เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว
ไม่อย่างนั้นมู่ซือซือก็จะยิ่งทุกข์ใจ
มู่ซือซือนั่งลง แล้วหันไปมองเวินจิ้ง
“คือคุณนั่นเอง”
“มู่วี่สิงได้พูดกับหมอที่อยู่ข้างนอก เดี๋ยวจะกลับเข้ามา” เวินจิ้งกล่าว
มู่ซือซือลดตาลง อารมณ์ของเขาค่อยๆสงบลง
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว กลับได้แล้วใช่ไหม”
“วันนี้ตอนเย็นเธอต้องอยู่ที่นี่เพื่อสังเกตอาการ พรุ่งนี้เช้าค่อยออกจากโรงพยาบาล” มู่วี่สิงเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าเคร่งขรึม
แต่มู่ซือซือก็ไม่ยอม ต้องการจะดึงสายน้ำเกลือออก เวินจิ้งได้ห้ามเธอไว้ “อย่าขยับ”
แต่ซือซือก็มีแรงไม่น้อย เมื่อได้ขยับ หลังมือก็มีเลือดออกมา
เวินจิ้งต้องการช่วยหยุดเลือดให้เธอ มู่ซือซือก็ดึงมือกลับ
“ฉันอยากออกจากโรงพยาบาล” เธอตอบอย่างเย็นชา
“ไม่ได้” มู่วี่สิงทำหน้าเรียบเฉย และได้สั่งพยาบาลให้เข้ามา เพื่อเจาะสายน้ำเกลือให้กับมู่ซือซืออีกครั้ง
มู่ซือซือพยายามจะดิ้น เพื่อจะกระโดดลงจากเตียง
แต่แรงของเธอหรือจะสู้แรงของมู่วี่สิง ได้ถูกเขานำกลับมายังเตียง “หยุดโวยวายสักที”
“ฉันไม่ได้โวยวาย ฉันเกลียดโรงพยาบาล” ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่!” ความทุกข์ในดวงตาของมู่ซือซือก็ได้เผยออกมา
สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่เธอไม่ต้องการจะเหยียบเข้ามา
เธอไม่สามารถอยู่ต่อได้แม้สักนาทีเดียว
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว โดยไม่เข้าไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม รายงานทางจิตวิทยาของเธอยังไม่ออกมา และหมอก็เพิ่งจะให้ยาระงับประสาท ตอนนี้ร่างกายของเธอยังไม่หายดี
เขาเม้มริมฝีปาก “ซือซือ ตอนเย็นพี่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ไม่ต้องกลัว”
ดวงตามู่ซือซือแดงก่ำ ขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของมู่วี่สิง เธอค่อยๆหลับตา
แต่เมื่อได้หลับตา ล้วนแล้วแต่มีภาพที่น่าหวาดกลัว
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนะ” เธอพูดเสียงต่ำ
“พรุ่งนี้ค่อยออกจากโรงพยาบาล เชื่อฟัง” น้ำเสียงของมู่วี่สิงแฝงด้วยคำสั่ง
แต่มู่ซือซือกลับไม่ได้กลัวเขา และได้หันไปมองที่เวินจิ้ง “พี่สะใภ้ คุณช่วยฉันจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ฉันได้ไหม”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ความหมายของมู่วี่สิงนั้นสื่อให้เห็นชัดเจนว่า ไม่สามารถให้มู่ซือซือออกจากโรงพยาบาลของเย็นวันนี้ได้
แต่เมื่อมองเขาแล้ว ก็รู้สึกทุกข์ใจที่ช่วยเขาไม่ได้ เธอก็ทนไม่ไหว
“พี่สะใภ้ …….” มู่ซือซืออ้อนวอนเธอ
เวินจิ้งมองไปยังมู่วี่สิง “ถ้าอย่างงั้น ออกจากโรงพยาบาลเถอะ”
ในเมื่อมู่ซือซืออยู่ที่นี่แล้วเป็นทุกข์ ถ้าขืนอยู่ต่อไปก็จะไม่เป็นผลดีต่อเธอ
“พี่ชาย ฉันอยู่นี่ก็ไม่ได้ทำให้พักผ่อนได้ดีขึ้นนะ”
“อืม” หลังจากครู่หนึ่ง มู่วี่สิงก็เพิ่งจะตอบรับคำ
เนื่องจากสภาพจิตใจของเธอยังไม่ดี มูวี่สิงจึงไม่ได้พาเธอกลับไปที่บ้านใหญ่ แต่ได้ผ่านไปที่การ์เด้นมูเจียวาน
การ์เด้นมูเจียวานไม่ได้ใหญ่ มีเพียงห้องรับแขกแค่สองห้อง เวินจิ้งก็ได้กลับมาเข้าไปข้างในเพื่อเก็บกวาดก่อน
มู่ซือซือนั่งบนรถเข็น และมองกลับไปที่พี่ชายที่อยู่ข้างหลัง “พี่ ได้แต่งงานกับภรรยาที่ดี”
มู่วี่สิงได้งอริมฝีปากบางๆ ปกติแล้วเวินจิ้งก็ดูแลครอบครัวเป็นอย่างดี
ขณะที่มู่ซือซือพักอยู่ที่ห้องรับแขก เวินจิ้งได้ประคองเธอไปยังเตียง และถามด้วยความกังวล “อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอไหม”
เธอรู้ว่ามู่ซือซือจะฝันร้าย บางทีก็อาจจะดีกว่าถ้ามีคนอยู่ที่นั่น
“โอเค เพียงแค่พี่ชายฉันเห็นด้วย” มู่ซือซือยิ้มเล็กน้อย
มู่วี่สิงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็กังวลมู่ซือซือ
“มู่วี่สิง คุณไม่ควรเผด็จการนะ” เวินจิ้งมองเขา
“พวกคุณแต่ละคนพูดคนละประโยค ฉันจะปฏิเสธได้ไง”
“ฉันรู้ว่าพี่ชายรักเขามาก งั้นคืนนี้ฉันขอยืมพี่สะใภ้คืนหนึ่ง”
พูดจบ ก็ได้จับแขนของเวินจิ้ง มีคนอยู่เป็นเพื่อน มู่ซือซือรู้สึกโล่งใจ
มู่วี่สิงยังไม่นอน ไปที่ห้องหนังสือ
ส้งวี่กลับมายังหนานเฉิงตอนกลางคืน และได้นั่งเครื่องบินมายังการ์เด้นมูเจียวานทันที
“ซือซือเป็นไงบ้าง” ความกังวลบนใบหน้าของส้งวี่ไม่สามารถแอบซ่อนได้
เขาเป็นจิตแพทย์ของมู่ซือซือ แต่ไม่กี่วันมานี้ได้แลกเปลี่ยนอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ
ทันทีเขาจากไป คิดไม่ถึงมู่ซือซือก็ได้ถูกมู่เฟิงพาตัวกลับมา
“รายงานผู้ป่วยของเธอจะออกมาในวันพรุ่งนี้ เมื่อแม่บ้านได้พบความผิดปกติของเธอ อารมณ์ของเธอก็ไม่คงที่” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ตลอดหนึ่งปีมานี้อารมณ์ของซือซือได้ถูกควบคุมไว้ดีมาก เว้นแต่ว่าจะมีคนหรือมีเรื่องมาทำให้เธอไม่สบายใจ”
“อืม ฉีเซินก็อยู่ที่หนานเฉิง พวกเขาได้พบเจอกันแล้ว” มู่วี่สิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
สีหน้าหน้าของส้งวี่ได้นิ่งไป “พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอกลับไปประเทศ C”
“อืม ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
มู่วี่สิงนั่งลง “เมื่อเร็วๆนี้เกิดอะไรขึ้นกับมู่เหิง”
“อำนาจที่อยู่ในต่างประเทศตอนนี้แปดสิบเปอร์เซ้นต์ได้ถูกควบคุมโดยมู่เหิง ส่วนสิทธิ์ของคุณปู่เธอก็ถูกโอนอย่างเงียบๆ”
“คุณปู่ยังไม่แก่ เพียงแค่กลัวว่าจะทำให้มู่เหิงสับสนชั่วคราวเท่านั้น”
“เดี๋ยวนี้มู่เหิงยโสมาก และมู่เฟิงก็ได้ให้สิทธิถือหุ้นกับเขาไม่น้อย ขนาดพ่อของเธอเองก็ยังจะทำให้เกิดความกังวลอีก เมื่อไม่นานมานี้ก็ไปยุ่งกับลูกสาวของนักการเมือง เขาก็เลยโดนเล่นเกือบตาย จึงเพิ่งจะกลับมาพักพิงที่หนานเฉิง”
มู่วี่สิงเยาะเย้ย “วันหลังเรื่องนี้ คุณรู้แล้วว่าจะจุดไฟกับมันยังไง”
“อืม แต่เขากับมู่เหิงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก คุณกับคุณปู่จะใจเย็นได้อย่างไร”
“สิทธิ์ที่แท้จริงไม่ได้มีอยู่ในมือ พวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ที่ถาโถมได้”
“หวังว่าฉันกลับไปเมือง C ยังจะมองหน้ากันติดนะ”
“รักษาตัวดีๆซือซือ” มู่วี่สิงกำชับ
สิ่งเดียวที่เขาปล่อยวางไม่ได้ ก็คือน้องสาวของเขา