ตอนที่ 276 เธอเห็นเพียงแค่เขา
“ซือซือ พวกเรากลับกันเถอะ พี่เธอน่าจะมีทางออกแล้วแหละ”
“แล้วที่ฉันต้องมาเสียใจหละ…ส้งวี่ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้……”
มูเฉิงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่แล้ว ขณะที่เขารีบมาที่นี่ ส้งวี่กำลังพามู่ซือซือขึ้นรถ
เขาทำหน้าบึ้ง “มู่ซือซือ นี่เธอก่อเรื่องอะไรอีก!”
มู่ซือซือสงบนิ่งมากขึ้นกว่าเก่า เมื่อได้ทำร้ายเวินจิ้ง เธอก็รู้สึกสดชื่นอยู่ไม่น้อย
“พ่อ งานแต่งกำลังเริ่มแล้ว รีบไปเถอะ” มู่ซือซือพูดอย่างเฉยเมย
“คุณลุง วี่สิงเตรียมเครื่องบินส่วนตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ผมจะพามู่ซือซือกลับไปอย่างปลอดภัยครับ” ส้งวี่กล่าว
มู่เฉิงมองไปยังผู้ชายตรงหน้า เพราะอะไร มู่ซือซือถึงวิ่งออกมา หรือจะเป็นเพราะความประมาทของส้งวี่
“ฉันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอะไรอีก!”
“พ่อจะมาดุแบบนี้ทำไม ส้งวี่ไม่ได้ทำอะไรผิด” มู่ซือซือทำหน้าบึ้ง
เธอเองต่างหากที่แอบมาที่นี่ แต่ทุกคนต่างสงสัยว่าต้องเป็นเพราะส้งวี่
“ซือซือ อย่าพูดเหลวไหล” ท่าทีของส้งวี่นั้นให้ความเคารพเสมอ
เมื่อขึ้นรถแล้ว ส้งวี่ถามเธอ “ใครพาเธอมาที่นี่”
มู่ซือซือหลับตา “ฉันมาของฉันเอง จะมีใครพามาหละ”
“บอกฉันมา” ส้งวี่จ้องไปที่เธอ
มู่ซือซือผลักมือของเขาออกไปด้วยความโกรธ “ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“ผมจะสืบให้ได้”
“ส้งวี่ คุณเป็นแค่จิตแพทย์ประจำตัวฉัน มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับฉัน”
“คนทุกคนและเรื่องทุกเรื่องที่ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ ผมต้องตรวจสอบให้ชัดเจนทั้งหมด ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลกับแผนการรักษาคุณ”
“ผิดแล้วหละ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว คุณไม่ต้องมารักษาฉันแล้ว”
“ถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ทำไมยังคิดไปฆ่าเวินจิ้ง”
“มันสมควรตาย!” แค่พูดถึงเวินจิ้งขึ้นมา มู่ซือซือก็เริ่มมีอารมณ์กระวนกระวาย
ส้งวี่แตะไปบนไหล่ของเธอ “คนที่สมควรตายคือฉีเซิน มู่ซือซือ ต้องเป็นฉีเซินสิ ตระกูลมู่จัดการกับเขาได้แน่นอน เธอต้องเชื่อพี่ของเธอสิ”
ที่หน้าประตู รถของฉีเซินจอดอยู่ตรงกันข้าม
ภาพที่มู่ซือซือเพิ่งถูกพาตัวไปนั้นยังติดอยู่ในตาเขา
“ทำไมมู่วี่สิงถึงปล่อยให้เธอมาได้” ฉีเซินขมวดคิ้ว
“คุณฉี พบเบาะแสของมู่ซือซือแล้ว เลขทะเบียนรถคือ 45600 แต่นี่ไม่ใช่เลขทะเบียนของเมืองนี้”
“คุณไปสืบต่ออีก”
พูดจบ ฉีเซินก็ผลักประตูลงจากรถ
เมื่อได้พบกับลูกชาย หลินเวยก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมา
สองวันนี้บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปมีประชุมกรรมการผู้จัดการ ฉีเซินจะต้องเข้าร่วม
นี่ก็เพื่อให้ฉีเซินพลาดงานแต่งงานของเวินจิ้ง
“แม่ แปลกใจที่เห็นผมเหรอ” ฉีเซินยกมุมปากบางของเขา
เขาแต่งตัวอย่างเป็นทางการในชุดสูท ดูหล่อเหลา เป็นที่ดึงดูดของผู้หญิงมากมาย
“แกมาที่นี่ได้ยังไง” หลินเวยไม่พอใจ
“ผมอยากจะมาก็มา นี่มันงานแต่งงานพี่สาวผม”
“วันนี้แกต้องไปประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น”
“ตอนแรกก็ใช่แหละ แต่ผมเลื่อนออกไปแล้ว”
“แกนี่อย่างไหนอย่างนั้นจริงๆ” หลินเวยกำชับ
ฉีเซินยิ้มอย่างชื่นมื่น “แม่ คิดว่าผมจะต้องสร้างปัญหารึไง แม้ว่าผมจะไม่อยากเห็นหน้ามู่วี่สิง แต่ผมก็อยากเห็นพี่สาวมีความสุขนะ”
“งั้นก็ดี”
ไม่ไกลนัก เสียงดนตรีแสนไพเราะดังขึ้นมาอย่างช้าๆ
บนสนามหญ้าเป็นระเบียงของอาคารสองชั้นที่สร้างขึ้นไว้ชั่วคราว ซึ่งนำไปยังห้องในอาคารเสริม
เวินจิ้งเดินออกมาจากระเบียง ลงมาจากชั้นสองอย่างช้าๆ
ตอนนี้มู่วี่สิงกำลังรออยู่บนสนามหญ้า
พ่อแท้ๆของเวินจิ้งได้จากไปนานแล้ว เธอได้เติบโตมากับคุณตา
แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นญาติของตระกูลหลิน แต่เวินจิ้งไม่คุ้นเคยเลย
เมื่อมาถึงข้างกายของมู่วี่สิง เวินจิ้งเดินทีละก้าวอย่างช้าๆ หวังแต่เพียงอยากให้เวลาหยุดไว้ตรงนี้
ภาพของเขาที่ปรากฏอยู่ต่อสายตา ช่างดูหล่อเหลา เขาในชุดสูทสีดำเรียบหรู ดูสง่างามและมีเสน่ห์ชวนให้ผู้คนหลงใหล
เวินจิ้งไม่อาจละสายตาของเธอไปได้
บนลานเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่เธอเห็นเพียงแค่เขา
เขาเป็นสามีของเธอ
ซึ่งเป็น…..ผู้ชายที่เธอชอบ
หลินเจิ้นนำมือของเวินจิ้งส่งไว้บนมือของมู่วี่สิง “มู่วี่สิง หลานสาวของฉันยกให้นายแล้วนะ”
มู่วี่สิงพยักหน้า จับมือของเวินจิ้งไว้แน่น ราวกับเธอนั้นเป็นที่รักที่สุดพิเศษของเขา
หลังจากพิธีการสาบานเสร็จสิ้น ต่อไปก็เป็นการแลกเปลี่ยนแหวน
แต่กล่องแหวนที่บาทหลวงยื่นมาให้นั้น ว่างเปล่า!
ความสับสนได้ปรากฏผ่านสายตาของเวินจิ้ง และเห็นได้ชัดว่าบาทหลวงก็แปลกใจเช่นเดียวกัน
แต่มู่วี่สิงไม่ได้มีอาการแปลกใจใดๆ
เขาปิดกล่องแหวน แล้วค่อยๆหมุนตัวอย่างช้าๆ
เวินจิ้งรู้สึกอาย ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง!
เขาดึงแหวนออกจากกระเป๋าเสื้อสูท “คุณนายมู่ ผมยังติดคุณเรื่องขอแต่งงาน ที่นี่ตอนนี้ ภายใต้ประจักษ์พยานของแขกทุกคน คุณ ยินดีจะแต่งงานกับผมไหม”
น้ำตาในดวงตาของเวินจิ้งไหลออกมาทันที เธอรีบพยักหน้าโดยไม่ลังเลใดๆ
เธอคิดไม่ถึง ว่ามู่วี่สิงจะทำอะไรเช่นนี้
เธอไม่เคยคิดว่าจะถูกขอแต่งงาน ระหว่างเธอและมู่วี่สิงนั้น ไม่มีพื้นฐานของความรู้สึกใดๆ
แต่ตอนนี้ เขาได้ถือแหวนไว้ในมือ แววตาดูลึกล้ำ ในดวงตามีเพียงแต่เธอ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าแน่นหนาเดินเข้ามา ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำอยู่กับพิธีแต่งงาน ตำรวจกว่าสิบคนก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ
มู่วี่สิงไม่ได้สนใจ ยังคงใส่แหวนให้เวินจิ้งต่อไป และจัดการจนพิธีการแต่งงานช่วงสุดท้ายเสร็จสิ้น และเขาก็จูบเธอ
แต่ท้ายที่สุดเวินจิ้งก็รู้สึกฟุ้งซ่าน ในตอนนี้ไม่เพียงแต่แขกที่มาร่วมงานที่กำลังจ้องมองพวกเขา แต่ยังมีกลุ่มตำรวจที่ดูน่ากลัวนั่นด้วย
“มู่วี่สิง” เธอพึมพำ
แต่มู่วี่สิงได้จับไปยังท้ายทอยของเธอ ไม่ให้เธอขัดขืนได้ เขายกผ้าคลุมที่ปิดหน้าเธอขึ้น แล้วจูบเธออย่างลึกซึ้ง
ตำรวจได้กระแอมขึ้นมา เพื่อขัดจังหวะเขาทั้งสอง “จากข้อมูลที่เราตรวจพบ ในคดีการขโมยเครื่องประดับ FY เมื่อชั่วโมงก่อน คนร้ายได้นำไพลินที่ขโมยไปมาซ่อนไว้ที่นี่ กรุณาให้ความร่วมมือกับเรา และอย่าออกไปจากที่นี่ พวกเราจะขออนุญาตค้นหา!”
ร่างกายของเวินจิ้งสั่นเทา โชคยังดีที่มู่วี่สิงกอดเธออยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงยืนให้นิ่งไม่ไหว
สิ่งที่ตำรวจได้พูดและติดไปในหูของเธอ ขโมย…..ค้นหา
ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านตระกูลหลิน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เธอถามมู่วี่สิง
“อื้ม พวกเราจะให้ความร่วมมือ เชิญคุณตำรวจค้นตามสบาย” กิริยาของมู่วี่สิงดูสง่า
ทันใดนั้นงานแต่งงานที่สง่างามและศักดิ์สิทธิ์เริ่มกลายเป็นความวุ่นวาย แขกที่มาร่วมงานเริ่มบ่น งานเลี้ยงฉลองจึงต้องงดเอาไว้ก่อน
หลินเจิ้นถือไม้เท้าเดินเข้ามา ในมุมที่เขาได้เห็นในตอนนี้ กล่องแหวนนั้นว่างเปล่า
“แล้วแหวนละ” ดวงตาอันแหลมคมของเขามองไปยังบาทหลวง
บาทหลวงหน้าซีด “ท่านหลิน ฉันไม่รู้…….”
“มู่วี่สิง แกพูดสิ”
“คุณตา แหวนถูกขโมยไปแล้ว” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เวินจิ้งลดตาลงมองแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอ ที่มู่วี่สิงเพิ่งจะสวมให้ มันมีสไตล์ที่ละเอียดมากและเพชรนั้นก็แวววาววิบวับ
แต่มันไม่ใช่แหวนแต่งงานที่พวกเขาจะใช้นำมาแลกกันในพิธีแต่งงาน
แต่ตอนนี้มู่วี่สิงดูเหมือนจะเตรียมพร้อมไว้แล้วและเขาก็สงบนิ่งอย่างใจเย็น
“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไร” เวินจิ้งถาม
มู่วี่สิงเพิ่งจะเคยมาที่นี่ และก่อนหน้านี้เขาก็แทบจะไม่ได้มาที่คฤหาสน์
“ก่อนพิธีแต่งงาน”
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแปลงกติกาในงานชั่วคราว เปลี่ยนพิธีการแลกแหวนเป็นการขอแต่งงานแทน