ตอนที่ 278 อย่าทำให้ฉันผิดหวัง
วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง รู้สึกเย็นบริเวณข้อเท้า เพราะมู่วี่สิงเพิ่งจะทายาให้เธอ
พลิกตัว ลืมตาไปมองพื้นที่ข้างๆเธอ ตอนนี้ว่างเปล่า
แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ ยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเธอ
มุมปากของขอเธอค่อยๆขยับ ร่างกายของเธอเริ่มปวดเมื่อยจากความบ้าคลั่งของเธอเมื่อคืนนี้
ในเวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอกประตู เวินจิ้งซ่อนตัวอยู่เงียบๆบนเตียง อย่างไม่ให้รู้ตัว
ตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
มู่วี่สิงรู้แล้วว่าเธอตื่นนอนแล้ว เสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นมาทางศีรษะของเธอ “ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว”
ผ้าห่มถูกดึงออก เวินจิ้งมองเขาอย่างไร้เดียงสา
แววตาแบบนี้ ทำให้คนอดที่จะหลงใหลไม่ได้จริงๆ
เขาก้มศีรษะลงแล้วจูบใบหน้าสีแดงก่ำที่เขาโปรดปราน
ดวงตาของเวินจิ้งเบิกกว้าง สักครู่หนึ่ง ก็เริ่มที่จะชิน
เธออยู่กับอารมณ์ที่น่ารื่นรมย์นั้นยังไม่ทันไร มู่วี่สิงก็ได้ถอยออกไปแล้ว
“จะให้ฉันอุ้มลงไปเหรอ” เขายกคิ้ว
เวินจิ้งรู้สึกอาย รีบลุกขึ้นจากเตียงทันทีเพื่อสวมรองเท้าทันที
แต่เธอไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บที่เท้าของเธอ เมื่อเธอขยับก็รู้สึกปวดแทบแย่!
“ดูเหมือน คุณต้องให้ผมอุ้มแล้วหละ” พูดจบ มู่วี่สิงก็อุ้มเธอขึ้นมา
เวินจิ้งลดตาลง ซุกใบหน้าเล็กๆของเธอไว้ที่อ้อมอกของมู่วี่สิง มองข้อเท้าที่บาดเจ็บของตัวเอง
“คุณช่วยทายาให้ฉันตั้งแต่เมื่อไร”
“เมื่อเช้านี้”
“ฉันไปเองได้หน่า”
ที่นี่คือตระกูลหลิน ไม่ใช่การ์เด้นมูเจียวานที่จะมีเพียงพวกเขาสองคน
“ผมไม่วางใจ” มู่วี่เสียงพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“ไม่วางใจอะไร ฉันไปช้าๆเอง” เวินจิ้งบอกไปยังมู่วี่สิงด้วยความหวัง
แต่เขายังหนักแน่นอย่างชัดเจน
มาถึงห้องนั่งเล่น หลินเจิ้นก็เพิ่งจะมาจากอาคารรอง
มีอาคารสองหลังในปราสาท อาคารหลักไว้สำหรับรับรองแขก ส่วนอาคารรองเป็นที่พักของหลินเจิ้น
ตอนนี้เวินจิ้งอาศัยอยู่ในอาคารหลักชั่วคราว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หลินเจิ้นมองไปยังหลานสาวที่กำลังถูกอุ้มอยู่ แล้วขมวดคิ้ว
“เมื่อคืนนี้คุณนายมู่ข้อเท้าพลิก เลยเดินไม่สะดวก” มู่วี่สิงตอบ
“เดี๋ยวฉันให้แพทย์แผนจีนมาลองดู” พูดจบ หลินเจิ้นก็ได้เรียกแม่บ้านมา
“คุณตา ไม่ต้องๆ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
เวินจิ้งนั่งลง ตอนนี้เธอรู้สึกปวดน้อยลง
แต่หลินเจิ้นเคร่งเครียดมาก “ยังไงก็ต้องให้หมอลองดูหน่อย วันนี้ก็ยังไม่ต้องกลับก่อน ให้เท้าหายดีก่อนค่อยกลับ”
เวินจิ้งมองไปยังมู่วี่สิง เขาไม่มีข้อคัดค้านใดๆ
หลังจากมื้อกลางวัน หลินเจิ้นได้ให้มู่วี่สิงเดินไปยังสวนเป็นเพื่อนเขา แต่เวินจิ้งยังเจ็บเท้าอยู่ จึงได้แต่พักผ่อนอยู่ในห้อง
“คุณตา” มู่วี่สิงเรียกเขา
สนามกอล์ฟบนเขาเพิ่งจะทำความสะอาดเสร็จ หลินเจิ้นก็ได้นั่งลง
“เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น การสอบสวนเป็นยังไงบ้าง”
“คุณตา ตำรวจมาสืบสวนเรื่องคนขโมยไพลินไป พวกอันธพาลมันเข้ามาในปราสาท พยายามโยนความผิดมาให้ตระกูลหลิน”
แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่พบเบาะแสอะไรเลย
“เลว! หลายปีมานี้ตระกูลหลินเราไม่ได้อยู่ในหนานเฉิง ไม่มีศัตรูที่ไหนเลย จะมีเรื่องเหลวไหลแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
“คนกลุ่มนั้น มีเจตนาเล่นงานคุณหรือเปล่า” ดวงตาอันคมของหลินเจิ้นมองไปยังมู่วี่สิง
“คุณตาครับ ผมจะตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังมาให้ได้” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ภายในสามวัน ฉันจะต้องหาข้อสรุปให้ได้ เมื่อวานนี้เป็นงานแต่งงานของหลานสาวฉัน นายดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น!” หลินเจิ้นไม่ได้แสดงความรู้สึกตอนอยู่ต่อหน้าเวินจิ้ง เพราะไม่อยากให้เธอเสียใจ
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น เขาก็ไม่สามารถเก็บความโกรธเอาไว้ได้!
“ฉันจะทำให้ได้”
“หลานสาวฉันเลือกนายแล้ว ฉันก็จะเชื่อนาย วี่สิง นายอย่าทำให้ฉันผิดหวัง” หลินเจิ้นพูดด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
เขายินยอมให้จัดงานแต่งงาน ก็เพราะเวินจิ้ง
แต่ถ้ามู่วี่สิงทำให้เกิดเรื่องอะไรกับเวินจิ้ง เขาก็จะไม่อยู่เฉยๆแน่นอน
มู่วี่สิงพยยักหน้ารับคำ “คุณตา ผมจะดูแลเวินจิ้งเป็นอย่างดี”
“เล่นกับฉันสักรอบเถอะ”
……………
จนกระทั่งเย็น มู่วี่สิงและคุณตาก็ยังไม่กลับมา เวินจิ้งก็ไปพบว่าเขาอยู่ที่สนามกอล์ฟ
กี่ฬาที่หลินเจิ้นชอบมากที่สุดก็คือกอล์ฟ ในตอนที่ทำการปรับปรุงซ่อมแซมปราสาท เขาจึงให้เอาพื้นที่ภูเขาทางด้านหลังมาทำเป็นสนามกอล์ฟ
เมื่อได้เห็นมู่วี่สิงตีลงหลุมไปอีกครั้ง สายตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความชื่นชม “เจ้าเด็กคนนี้ ไม่เลวหนิ มืออาชีพมากๆ”
“หลายปีก่อนได้ตีอยู่บ่อยๆ แต่ก็แค่มือสมัครเล่นครับ เทียบกับคุณตาไม่ได้หรอกครับ”
หลินเจิ้นหัวเราะพอใจ “ฉันแก่แล้ว ตอนนี้มันเป็นโลกของวัยรุ่นอย่างพวกเธอ”
มู่วี่สิงได้ช่วยประคองคุณตาให้นั่งลง ไม่ไกลกันนั้น เวินจิ้งก็กำลังเดินเข้ามา
เขาสองคนเข้ากันได้ดี ก็รู้สึกโล่งใจ
หลินเจิ้นมองไปยังเด็กคนนี้ “ทำไม กังวลเหรอ”
เวินจิ้งยิ้ม “ฉันเปล่านะ คุณตา”
“เท้าเจ็บอยู่ อย่ามาวิ่งซนแบบนี้สิ” เขาพูดพลางมองไปยังเธอและขมวดคิ้ว
“ได้อยู่ ตอนนี้เจ็บนิดหน่อยแล้วหน่า”
ไม่ได้หมายความว่าจะเจ็บจนเดินไม่ได้เลย
มู่วี่สิงจับข้อมือของเธอ “คุณตา วันนี้เหนื่อยมากแล้ว รีบพักดีกว่า”
“อื้ม พวกเธอก็กลับกันได้แล้ว”
ในตอนเย็น อั้ยเถียนส่งข้อความมา เย็นวันนี้เขาต้องกลับไปเมือง A แล้ว ทั้งสองคนจึงนัดกันรับประทานอาหารเย็น
ร้านอาหารอยู่ในโรงแรมที่อั้ยเถียนพักอยู่ เวินจิ้งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานตั้งแต่บ่าย เธอเหมือนจะไม่เห็นอั้ยเถียนเลย
“เวินจิ้ง มู่วี่สิงสืบเรื่องเมื่อวานนี้ได้หรือยัง” อั้ยเถียนถามอย่างเป็นห่วงเรื่องที่เธอเห็นเมื่อวานนี้
เวินจิ้งส่ายหัว “ยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย”
“ฉันกังวลว่า เป้าหมายจะเป็นเธอหนะสิ ตอนนี้เธอเป็นหลานสาวของตระกูลหลิน ซึ่งฐานะนี้ก็เป็นที่ต้องการของทุกคน” อั้ยเถียนเตือนความจำ
เวินจิ้งไม่ได้คิดอะไรมาก เธอรู้จักอิทธิพลของตระกูลหลินดี แต่ตระกูลหลินไม่ได้เติบโตมาจากหนานเฉิง แต่ถ้ามีเป้าหมายที่เธอ…….
เธอคิดออกแค่เพียงคนเดียวก็คือฉินเฟย
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะมีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับตัวเธอ ยิ่งฉีเซินด้วยแล้วยิ่งไม่มีข่าวคราวเข้าไปใหญ่
“จริงสิ เมื่อคืนทำไมไม่เห็นเธอเลย” เวินจิ้งถาม
หลังจากได้ยินแบบนั้น อั้ยเถียนนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าเริ่มผิดปกติ
“เสี้ยวหงพาฉันไป” เธอพูดอย่างลุ่มลึก
“หลังจากนั้นหละ เกิดอะไรขึ้น” เวินจิ้งเริ่มมีลางไม่ดี
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ ก็มีแต่พูดเรื่องเก่าๆ”
“เธอยังปล่อยวางเขาไม่ได้” เธอพูดอย่างหนักแน่น
ไม่อย่างนั้น ในตอนนี้อั้ยเถียน คงจะไม่มาเศร้ามากลุ้มใจแบบนี้
หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะอย่างสบายใจของเขาเลย
เธอเริ่มรู้สึกหดหู่มากขึ้น
อั้ยเถียนเม้มปาก ยอมรับโดยปริยาย
“แต่ ยังไงพวกเราอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก”
……….
กลับมายังการ์เดนมูเจียวาน ก็เกือบจะรุ่งเช้าแล้ว เวินจิ้งง่วงมาก นอนหลับตาในรถเพียงครู่ก็หลับไป
ตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเธอได้ถูกมู่วี่สิงอุ้มกลับมายังห้องนอนแล้ว
เธอลืมตาขึ้น “ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน”
“ผมปลุกคุณแล้ว ผมก็เลยอุ้มคุณขึ้นมา แต่เวลาคุณหลับ เงียบดีนะ” มู่วี่สิงยิ้มมุมปาก
“คุณจะบอกว่าปกติฉันพูดมากเหรอ” เวินจิ้งเบนหน้าอย่างจงใจ
“คุณนายมู่ อย่ามาเฉไฉ” มู่วี่สิงยิ้ม
เวินจิ้งกอดมู่วี่สิง แล้วถามเขาออกไป “ตอนนี้เสี้ยวหงเป็นยังไงบ้าง”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “ทำไมถึงพูดถึงเขาหละ”
“โอ ฉันแค่ถามดู เขาดูเหมือนยยังจะมายุ่งกับอั้ยเถียน”
“อืม ช่วงนี้เขาไปกลับประเทศ A บ่อยมาก” มู่วี่สิงไม่ได้ปฏิเสธ
“ไม่ใช่ว่าเขามีคู่หมั้นแล้วเหรอ!” เวินจิ้งเริ่มโกรธ
“เขาไม่ชอบคู่หมั้นของเขา”
“ถ้าไม่ชอบ แล้วทำไมไม่ถอนหมั้นหละ”
ถ้าเขาและอั้ยเถียนยังคงมีความคลุมเครือแบบนี้ต่อไป เธอก็ยังกังวลเรื่องอั้ยเถียนมาก……..