บทที่ 27 ถือว่าพอใจ
เวินจิ้งเป็นห่วงจนหน้ามืดลง เพิ่งคิดได้ว่ามู่วี่สิงไม่ได้พักผ่อนมาสองวันหนึ่งคืนแล้ว
“งั้นพวกเรากลับกันเถอะ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว!” เวินจิ้งเป็นฝ่ายจับเขา
ริมฝีปากของมู่วี่สิงกระตุกขึ้นจนถือว่าพอใจ
คฤหาสน์เก่าตระกูลมู่ วันนี้ตอนเช้าเวินจิ้งได้ย้ายสัมภาระของตัวเองเข้ามาแล้ว ตอนนี้คนรับใช้ก็ได้เอาไปเก็บเรียบร้อยแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
ส่วนมู่วี่สิงที่พอกลับมาถึงก็ตรงขึ้นไปยังห้องนอนแล้วก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาล้าขนาดไหน
เวินจิ้งกำชับไม่ให้คนรับใช้ส่งเสียงดังจนปลุกเขา จากนั้นตัวเองก็ลงมาที่ห้องครัว
ตระกูลเย่มีคนรับใช้รับผิดชอบอาหารสามมื้อในหนึ่งวัน แต่ว่าเวินจิ้งไม่ชินกับการที่ถูกดูแล มักจะรู้สึกว่าตัวเองควรจะได้ช่วยหยิบจับอะไรบ้าง
เห็นคนรับใช้กำลังทำอาหาร เวินจิ้งก็ขยับเข้าไปช่วยด้วยตัวเอง
อยู่ที่นี่มาหลายวัน เธอพอจะรู้รสปากของมู่วี่สิงกับมูเฉิงแล้ว พวกเขาค่อนข้างชอบรสจืด ส่วนเธอก็ทำพวกอาหารง่ายๆเป็น
“คุณนาย คุณไปพักเถอะค่ะ ตรงนี้พวกเราทำกันเองได้” คนใช้ที่ไหนกล้าปล่อยให้คุณนายลงครัวด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่คนแบบพวกเขาทำต่างหาก
เวินจิ้งกลับแน่วแน่ นอกจากนี้พอเธอเลิกงานแล้วก็ไม่มีอะไรทำ จะให้ทำครัวก็ไม่ใช่เรื่องนักหนาอะไร
คนใช้ไม่กล้าขัดใจเวินจิ้ง ในห้องครัวจึงเหลือเพียงเธอยุ่งวุ่นอยู่คนเดียว ทว่าตั้งแต่ต้นจนท้ายเหล่าคนใช้ก็คอยซุ่มมองอย่างห่วงๆ
สองชั่วโมงต่อมา เวินจิ้งก็ยกอาหารออกมาอย่างพอใจ ทว่าเวลาก็เย็นมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคุณปู่
สอบถามคนดูแลบ้านถึงได้รู้ว่าปกติมูเฉิงอาศัยอยู่ที่ประเทศ C สัปดาห์ก่อนแค่กลับมาไม่กี่วันเท่านั้น เมือ่วานก็กลับไปแล้ว
พอคิดว่ามูเฉิงไม่อยู่ เวินจิ้งก็ไม่ได้ระมัดระวังตัวมากขนาดนั้นแล้ว
อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องแสดงบทบาทสามีภรรยาที่รักกันดื่มด่ำกับมู่วี่สิงที่นี่
กระทั่งสี่ทุ่มกว่ามู่วี่สิงถึงได้ตื่นขึ้นมา พออาบน้ำเสร็จก็ลงมาจากชั้นบน เวินจิ้งกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น นอกจากนี้อีกด้านก็กำลังคุยโทรศัพท์อั้ยเถียน
“พระเอกนี่น่าเกลียดเกินไปแล้ว ฉันว่าพระรองยังหล่อกว่าตั้งหลายเท่าแน่ะ สวรรค์ เธอดูเขาสิ…กำลังปล่อยกระแสไฟ!” เวินจิ้งสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“ไม่ใช่ย่ะ พระรองเป็นพวกอบอุ่นนุ่มนวลรึไง ฉันยังชอบพระเอกที่เป็นพวกเผด็จการนิดๆมากกว่า” อั้ยเถียนค้านเธอ
เวินจิ้งทำเสียงในลำคอหนึ่งเสียง “เข้มงวดเกินไป ฉันไม่ชอบ”
ทั้งสองคนกำลังถกประเด็นกันอย่างออกรส มู่วี่สิงย่นคิ้ว ช้อนสายตามองทีวีที่กำลังฉายละครไอดอลชาย สีหน้าก็หม่นลงอย่างช่วยไม่ได้
พระเอกพระรอง ยังมีใครหล่อกว่าเขาอีกงั้นเหรอ?
อยู่ ๆทีวีก็โดนปิดลง เวินจิ้งงงงวย พอเบี่ยงหน้าหันมามองเห็นมู่วี่สิงในชุดลำลองอยู่บ้านก็รีบวางโทรศัพท์ ท่าทางไม่เป็นธรรมชาติ
เมื่อกี้เขาคงไม่ได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์กับอั้ยเถียนกระมัง?
“คุณ…คุณลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เวินจิ้งมองเขาอย่างประหม่า หลบเลี่ยงสายตา
“ห้านาทีก่อน” มู่วี่สิงหรี่ตาอย่างเย็นชา
เวินจิ้งเขินขึ้นมาในบัดดล นั่นไม่ได้แปลว่าเขาได้ยินที่เธอคุยโทรศัพท์หรอกเหรอ?
“คุณหิวหรือยังคะ พวกเรากินข้าวกันเถอะ” เวินจิ้งรีบสวมรองเท้าอยู่บ้าน เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของมู่วี่สิงไม่เปลี่ยนตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเดินไปนั่งอย่างเยือกเย็น
เห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ แค่เห็นปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนรับใช้ทำ
เวินจิ้ง?
เขาช้อนสายตามองสบตากับเธอ เวินจิ้งเปิดปากเอ่ยเบาๆ “มู่วี่สิง ฉันรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ไม่ควรกินฟรีดื่มฟรี เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปฉันจะเป็นคนทำอาหารเองนะ!”
มู่วี่สิงย่นคิ้ว ไม่ได้เอ่ยอะไร เวินจิ้งเองไม่รู้ว่าเขาตอบรับหรือว่าไม่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา
แต่มู่วี่สิงยังคงกินอาหารต่อไปเงียบๆ น่ากลัวชะมัด!
อย่าบอกนะว่าอาหารที่เธอทำไม่ถูกปากเขา?
ก็คงใช่ เพราะแม้ว่าอาหารที่ปกติคนรับใช้เป็นคนทำจะรสชาติจืด แต่ว่าก็ทำอย่างประณีต แต่อาหารที่เธอทำเป็นอาหารบ้านๆธรรมดา ดูภายนอกย่อมต้องต่างกันสักหน่อย
“มู่วี่สิง ถ้าคุณไม่ชอบล่ะก็คุณก็อย่ากินมันเลยนะ” คิดถึงตรง คำพูดของเวินจิ้งเพิ่งจบก็ยืนขึ้นเก็บถ้วยกับตะเกียบ