บทที่ 281 ข้างตัวคุณหญิงมู่มีผู้ชาย
“คุณตาคะ ช่วงเวลานี้ หนูแค่อยากดูแลคุณตาให้ดีๆก็เท่านั้นเอง” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“คุณตารู้ แต่ว่าหลิงอี้จะทำการวิจัยพอดี เธอก็ไปช่วยไปเรียนรู้ ก็จะยิ่งทำให้เข้าใจบริษัทหลินซื่อของเรานะ” หลินเจิ้นพูดด้วยน้ำเสียงหนักใจ
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้สนใจ” เวินจิ้งพูดอย่างนิ่งๆ
“หรือสาเหตุเป็นเพราะผม?” หลิงอี้เหล่ตามอง
“แน่นอนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณหลิงเลยค่ะ เพียงแค่ช่วงนี้ฉันต้องศึกษาหลักสูตรใหม่ล่วงหน้า แบ่งไปคิดหลายอย่างไม่ได้ กลัวทำเสียงานไปหมด” เวินจิ้งตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
แต่หลิงอี้ดูออกว่าเธอดื้อรั้นกว่าใครๆ
“เสี่ยวจิ้ง แม้แต่คำพูดของฉันก็ไม่ฟังแล้วหรอ?” หลินเจิ้นโกรธเล็กน้อย
“คุณตาคะ หนูไม่ได้หมายถึงอย่างนี้ แต่เวลานี้ หนูไม่อยากเข้าร่วมงานอะไรเลย หวังว่าคุณตาจะเข้าใจ”
“ฉันหลินเจิ้นมีหลานสาวคนเดียวก็คือเธอ! ไม่ใช่ว่าฉันจะบังคับเธอ เพียงแต่…..นี่เป็นความรับผิดชอบของเธอ!” หลินเจิ้นทุบโต๊ะอย่างโมโหแล้วลุกขึ้น
เวินจิ้งก้มหน้า สั่นไปทั้งตัว
ความรับผิดชอบ
ผ่านไป 25 ปีแล้ว เธอไม่เคยรู้เรื่องฐานะและสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเลย แต่อยู่ๆก็มีภาระที่หนักหล่นลงมาทับบ่าของเธอ
เธอยิ้มอย่างเย็นชา
“ฉันไม่ได้สนใจบริษัทหลินซื่อเลย”
สีหน้าของหลินเจิ้นซีดลงทุกที พอได้ยินคำพูดของเวินจิ้ง ยิ่งทำให้โกรธจนเกือบจะล้มลง
หลิงอี้ รีบมาพยุงเขาไว้ทันที หลินเจิ้นชี้หน้าเวินจิ้งอย่างโกรธสุดขีด
“เวินจิ้ง คุณหยุดพูดก่อน” หลิงอี้พูดอย่างหนักแน่น
เวินจิ้งนั่งลงอย่างเงียบๆ มองดูคุณแม่กับหลิงอี้พยุงคุณตาขึ้นไปชั้นบน เธอหยิบมือถือโทรไปหามู่วี่สิง
เพียงแต่เวลานี้เขากำลังประชุมอยู่ มือถือไม่ได้อยู่กับตัว
จนผ่านไปเกือบสิบนาที มือถือเวินจิ้งค่อยดังขึ้นมา
แต่เวลานี้ คุณหมอขึ้นไปที่ห้องคุณตาแล้ว เธอยืนอยู่ตรงระเบียง
“คุณหญิงมู่” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของมู่วี่สิงผ่านมา
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก สักพักถึงตอบกลับด้วยเสียงต่ำ “อืม”
“โดนรังแกหรอ?” มู่วี่สิงถามอย่างรวดเร็ว
“เปล่า”
“มี บอกผมมา ฮึ?”
“ไม่มีจริงๆ ก็แค่คิดถึงคุณ”
“ถ้าไม่บอกผมอีก คืนนี้ผมจะรีบไปหาทันที” มู่วี่สิงมองดูตารางเดินทาง
พึ่งจะวันแรก เขาก็คิดถึงเธอมากเหมือนกัน
ไม่ควรปล่อยเธอไปจริงๆ
“เวินจิ้ง คุณตาตื่นแล้วนะ”ในเวลานี้เอง หลิงอี้เดินมา
พอได้ยินเสียงของผู้ชาย มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเป็นหลิงอี้
สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฉันยุ่งแล้ว บาย” เวินจิ้งวางสายแล้ว
มู่วี่สิงได้ยินเสียงที่ยุ่งอยู่ในสาย ใบหน้าที่หล่อเหลาค่อยๆชักสีหน้า
เขาเรียกให้เกาเชียนเข้ามา “ตารางเดินทางพรุ่งนี้ยกเลิกให้หมด”
“นี่นายกำลังจะทำอะไร? ”ทันใดนั้น มีเสียงที่มีพลังดังขึ้นมาจากข้างนอก มูเฉิงเดินเข้ามา
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “คุณปู่ ทำไมถึงมาได้ครับ?”
“พรุ่งนี้เป็นวันประชุมกรรมการผู้จัดการ เธอต้องอยู่” มูเฉิงพูด “มู่เหิงก็จะมาด้วย”
ฟังจบ มู่วี่สิงก็ชักสีหน้า
“ปกติเขาไม่เข้าร่วมการประชุมกรรมการผู้จัดการนี่ครับ?”
“เขาอยู่เมืองหนานเฉิงแล้ว ฉันได้ยินมาว่า ช่วงนี้เขาร่วมมือกับองค์กรในประเทศอยู่ไม่น้อย ในนามของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป” มูเฉิงพูดเสียงต่ำ
ดูท่าจะหมดความอดทนแล้ว
มู่วี่สิงกลับแสดงสีหน้าไร้ความรู้สึก ความทะเยอทะยานของมู่เหิง เขารู้มานานแล้ว
ไม่งั้นเขาจะเต็มใจมาอยู่ประเทศ c ตลอดทำไม แต่ไหนแต่ไรที่นั่นไม่ใช่ศูนย์กลางของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
“อืม การประชุมกรรมการผู้จัดการของพรุ่งนี้ คุณปู่ไปแทนผมนะ”
“เธอจะไปไหน?” มูเฉิงพูดเสียงต่ำ
“ตระกูลหลิน”
“หลานสะใภ้บ้านฉันอยู่ตระกูลหลิน?” มูเฉิงเข้าใจทันที
“อืม คุณปู่ คุณก็ไม่อยากให้ผมทำหลานสะใภ้คุณหลุดไป ใช่มั้ยครับ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว
“แน่นอน หลานสะใภ้สำคัญที่สุด วางใจได้ มีฉันอยู่ มู่เหิงก็ไม่กล้าทำอะไร”
เห็นมู่วี่สิงจะไป มูเฉิงเรียกเขาไว้ “ช่วงนี้เธอก็พักอยู่กับตระกูลหลินไปสักพัก ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามู่เหิงคิดจะทำอะไร”
……
ตระกูลหลิน
เวินจิ้งยืนอยู่หน้าประตูห้องคุณตา คุณหมอให้ยาเขากิน อาการของเขาถึงค่อยดีขึ้น
“หลิงอี้ เธอไปดูคุณปู่สิ” หลินเวยเดินออกมา
หลังจากหลิงอี้เดินเข้าไป ในระเบียงเหลือเพียงเวินจิ้งกับหลินเวย
“เสี่ยวจิ้ง ฉันรู้เธอไม่อยากสืบทอดบริษัทหลินซื่อ แต่ว่า นี่เป็นความตั้งใจของคุณตานะ” หลินเวยพูดด้วยความลำบากใจ
เวินจิ้งเม้มปาก ดังนั้น เธอไม่สามารถปฏิเสธได้ใช่หรือไม่
“แต่ก่อนฉันไม่เคยดูแลเธอเลย ตอนนี้ฉันก็จะไม่บังคับเธอ หากเธอไม่ยอมรับ ฉันจะพูดกับคุณพ่อให้ บริษัทหลินซื่อฉันจะเป็นคนดูแลเอง”
“แม่คะ หนู……” เวินจิ้งมองไปที่คุณแม่ เธอไม่อยากให้คุณตาได้รับการกระทบกระเทือน แต่ว่าเธอพึ่งจะสอบเข้าปริญญาโท ต่อไปก็ยากที่จะดึงเวลามาทุ่มเทให้กับบริษัทหลินซื่อได้
อีกอย่างเธอเรียนด้านการแพทย์ แต่บริษัทหลินซื่อที่ใหญ่ขนาดนี้ ต้องการคนที่มีความสามารถมาสืบทอดกิจการต่อ
เธอเองก็ไม่มีความสามารถด้านนี้เลย
“แม่รู้เสี่ยวจิ้งไม่ต้องกดดันนะ ทางคุณตา แม่จะจัดการให้เอง”
เวินจิ้งพยักหน้า จนตกดึกแล้ว เธอก็ยังนอนไม่หลับ
จนกระทั่งมือถือข้างๆดังขึ้น มู่วี่สิงส่งตำแหน่งให้เธอ
สนามบิน ประเทศB
เวินจิ้งตาสว่างขึ้นมา มู่วี่สิงมาแล้ว?
เขาอยู่เมืองหนานเฉิง น่าจะยุ่งมากนะ ตอนนี้ใกล้สว่างแล้วด้วย เขาจะรีบกลับมาได้ยังไง……
อีกอย่าง นึกถึงตอนนี้หลิงอี้ก็พักอยู่ตระกูลหลิน เขาต้องโกรธแน่ๆ
เธอรีบโทรหามู่วี่สิงทันที
“ทำไมคุณถึงมาได้คะ?”
น้ำเสียงเวินจิ้งแผ่วเบาพร้อมกับออดอ้อน
“ข้างกายคุณหญิงมู่มีผู้ชายด้วย คุณคิดว่าผมยังนั่งอยู่เฉยๆได้มั้ยล่ะ?” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา
เวินจิ้งเม้มปาก เขารู้ได้ไง?
“คุณพูดถึงหลิงอี้หรอ?”
“คุณคิดว่าใครล่ะ?” น้ำเสียงมู่วี่สิงขึ้นๆลงๆ
แต่เวินจิ้งก็รู้แล้วว่าเขากำลังโกรธ
เวินจิ้งกัดริมฝีปากพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะพักอยู่ตระกูลหลิน แต่ก็ไม่มีอะไรหนิ……”
สุดท้าย เวินจิ้งก็ไม่ได้ยินเสียงตัวเองแล้ว
ลมหายใจของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความโมโห
“ผมอยู่ประเทศBมีบ้านพักของตัวเอง คุณย้ายออกมา” มู่วี่สิงออกคำสั่ง
“คุณตาพึ่งจะไม่สบาย ฉันไปไม่ได้”
คืนนี้หลินเวยกับหลิงอี้ก็อยู่ด้วย แต่พรุ่งนี้พวกเขาก็ไปทำงานแล้ว มีแค่เธอที่อยู่เป็นเพื่อนคุณตา
ถึงแม้ จะถูกไม่อยากเห็นหน้า แต่เขาก็เป็นญาติของเธอเอง เธอไม่สามารถทิ้งความรับผิดชอบนี้ได้
“จะต้องให้ผมโกรธใช่มั้ย ฮึ?” มู่วี่สิงพูดอย่างเยือกเย็น
“มู่วี่สิง……”
“คุณหญิงมู่ คุณรู้ว่าผมไม่ไว้ใจ”
“คุณไม่ไว้ใจอะไร” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
ถึงแม้ตอนนี้หลิงอี้ก็พักอยู่ตรงข้ามเธอ แต่เธอก็รักษาระยะห่างอยู่ตลอด อีกอย่างเธอก็ปฏิเสธการเข้าร่วมวางแผนวิจัยและพัฒนายาแล้วด้วย
ถึงแม้จะต้องเจอหน้าบ้าง แต่เธอจะไม่สร้างความสนิทสนมกับเขา
“ผมไม่ไว้ใจ ไม่มีผมอยู่ข้างกาย เดี๋ยวคุณจะทำอะไรโง่ๆ”
เวินจิ้ง : ……
“คุณต่างหากที่จะทำอะไรโง่ๆ……”
ถึงแม้ บางทีอาจจะเลอะเลือนบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
กลับกลายเป็นว่าไม่มีมู่วี่สิงอยู่ข้างกาย มันทำให้เธอมีสติมากขึ้น
พอเห็นเขา ก็ทำให้หลงจนมึนงงขึ้นมา