บทที่284 กลัวคุณไม่สบายใจ
“แต่ว่า คุณหลิง ไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนรับผิดชอบธุระของบริษัทหลินซื่อ คุณตาฉันไม่ใช่ให้คุณเป็นผู้สืบทอดต่อหรอ?” เวินจิ้งถามด้วยเสียงต่ำ
หลิงอี้เลิกคิ้ว “คิดไม่ถึงว่าคุณจะติดตามเรื่องผมขนาดนี้ จริงๆ คุณตามีความคิดนี้อยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเรียกคุณกลับมาแล้วหรอ ผมคงต้องสละตำแหน่งให้คุณแล้ว”
“นอกจากผมจะแต่งงานกับคุณ ถึงจะได้คุมอำนาจบริษัทหลินซื่อ”
“บ้าไปแล้ว” เวินจิ้งตอบอย่างเย็นชา
ข้างหลัง หลิงอี้หัวเราะอย่างเบิกบานใจ “ทั้งหมดล้วนเป็นไปได้”
ออกมาจากตึกทดลอง ความคิดของเวินจิ้งสับสนมาก
ถ้าหากเธอไม่มา ประเทศB คงไม่ต้องมีปัญหาเยอะขนาดนั้นใช่มั้ย?
แต่เธอปล่อยวางเรื่องสุขภาพของคุณตาไม่ได้ ถึงจะให้โอกาสเธอเลือกใหม่อีกครั้ง เธอก็คงเลือกที่จะมา ประเทศB
กลับถึงบ้านตระกูลหลิน เวินจิ้งรายงานการทำงานของวันนี้ให้กับคุณตา
นึกถึงคำพูดของหลิงอี้ เธอลังเลที่จะพูดต่อ
หลินเจิ้นมองทะลุถึงความคิดของหลานสาว ขมวดคิ้ว “มีเรื่องอะไรจะพูดกับตามั้ย?”
เวินจิ้งส่ายศีรษะ นึกถึงคำพูดของหลิงอี้อีกครั้ง เธอไม่ได้เชื่อทั้งหมด อีกอย่างถ้าพูดเรื่องของหลิงอี้ เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับอารมณ์ของคุณตาได้
“คุณตา คุณพักผ่อนเยอะๆนะคะ”
ออกจากห้อง มือถือของเวินจิ้งก็ดังขึ้นมา เป็นมู่วี่สิงโทรมา
“กลับไปแล้วยัง?”
“อืม ฉันอยู่บ้านตระกูลหลินแล้ว”
เวินจิ้งมองดูเวลา หกโมงเย็นแล้ว
“ผมจะกลับดึกหน่อย ไม่ต้องรอผมนะ”
“อึ่ม คุณยุ่งอะไรอยู่หรอ? เวินจิ้งถาม
“คืนนี้มีประชุมข้ามชาติ ผมจำเป็นต้องเข้าร่วม”
พอวางสาย เวินจิ้งหันตัวกลับ เงาที่สูงยาวของหลิงอี้ผ่านเข้ามาในม่านตา
เธอยังไม่มีวิธีที่จะปรับตัวอยู่ชายคาบ้านเดียวกันกับหลิงอี้จริงๆ
“เย็นมากแล้ว เราเข้าครัวด้วยกันเถอะ ทุกคนจะได้กินข้าวไวขึ้นหน่อย”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตระกูลหลินใหญ่ขนาดนี้ คนใช้ที่หยุดงานก็ยังไม่กลับมา
ถ้ายังเป็นแบบนี้ เธอคงต้องเข้าครัวกับหลิงอี้ทุกวัน
เธอไม่ได้ต่อต้านการเข้าครัว เพียงแต่ต่อต้านหลิงอี้คนนี้
ดูเหมือนว่าจะมองทะลุผ่านความคิดของเวินจิ้งออก หลิงอี้พูด “ผมแค่ถามไปงั้น ถ้าคุณไม่หิว ผมจะค่อยๆทำแล้วกัน”
“ฉันช่วยมา” เวินจิ้งพูดด้วยเสียงนิ่งๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าหลิงอี้ก็โผล่ขึ้นมา
เพียงแต่รอทำอาหารเสร็จ หลินเวยก็ยังไม่กลับมา เวินจิ้งถึงจะรู้ว่าคืนนี้เธอมีงานเลี้ยง อีกทั้งคุณตาตอนนี้ก็กินได้แค่อาหารเหลว เวินจิ้งเลยตักโจ๊กขึ้นไปให้เขา ตอนลงมา ก็เหลือแค่เธอกับหลิงอี้กินข้าวกันตามลำพัง
“วันนี้ปรับตัวเข้ากับห้องทดลองได้ยัง?” หลิงอี้ถาม
“อืม ก็ดี” เวินจิ้งทำหน้านิ่ง
ความสามารถในการปรับตัวของเธอถือว่าดี แต่งานของวันนี้ระดับไม่ได้สูงมาก ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไร
“ช่วงนี้ฉันก็ทำนานอยู่ทางนั้น มีธุระอะไรก็มาหาผมได้ตามสบาย”
“หัวข้อการวิจัยและพัฒนาอันนี้ ทำไมถึงเลือกลู่หวั่นหรอ?” เวินจิ้งรีบถามทันที
ลู่หวั่นเป็นภรรยาของผู้นำที่มีชื่อเสียงอานฉิง อานฉิงเปิดบริษัทให้เธอหนึ่งบริษัท
แต่เนื่องจากเป็นบริษัทที่พึ่งสร้าง เลยไม่ค่อยมีชื่อเสียง
หลิงอี้พูด “ยาฮาต๋าตัวนี้บริษัทของลู่หวั่นก็เป็นฝั่งลงทุนด้วย บริษัทหลินซื่อต้องการเทคนิควิจัยของเธอ คุณควรรู้ความเป็นมาของเธอนั้นคือศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ของโลก” เวินจิ้งกลับไม่แปลกใจ
แต่กลับนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาลู่หวั่นใส่ร้ายเธออยู่หลายครั้ง ตอนนี้ยังจะต้องมาทำงานที่เดียวกันอีก ยากที่จะหลีกเลี่ยงความไม่สบายใจ
“คุณไม่พอใจเขาหรอ?” หลิงอี้รู้ทัน
“อืม ระหว่างเรา มีบางอย่างเข้ากันไม่ได้” เวินจิ้งตอบอย่างเย็นชา
เมื่อสามเดือนก่อนมู่วี่สิงไล่เธอออกจากเมืองหนานเฉิง ยังสั่งไม่ให้เธอกลับไปเมืองหนานเฉิงอีก ลู่หวั่นแน่นอนที่จะต้องโกรธ
แต่ความโกรธนี้ มาลงที่เวินจิ้งแน่นอน
แค่วันนี้ เธอก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าลู่หวั่นมีเจตนาร้ายต่อเธอ
“หรือว่า เป็นเพราะมู่วี่สิง?”
หลิงอี้เข้าใจขึ้นมาทันที หลายปีก่อนลู่หวั่นอาศัยอยู่กับตระกูลมู่ งั้นกับมู่วี่สิงน่าจะสนิทสนมกันมาก
เวินจิ้งไม่พูดอะไร แต่ว่าหลิงอี้ก็รู้แล้ว
“ผมพาคุณย้ายไปที่อื่น” หลิงอี้ตอบ
“ไม่ได้นะ ตอนนี้วิจัยถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ในเมื่อลู่หวั่นเป็นคนสำคัญในการทำวิจัย เธอจำเป็นต้องรับผิดชอบโครงการทั้งหมดนี้ให้เสร็จ”
เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม
ไม่งั้น ระหว่างวิจัยนี้เกิดปัญหาอะไรมา ยุ่งยากที่จะจัดการแก้ไขได้
“ผมกลัวคุณไม่สบายใจ” สายตาของหลิงอี้แสดงความกังวลอย่างไม่ปิดบัง
“งานก็ส่วนงาน ฉันไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนหรอก คุณหลิงวางใจได้”
……
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
มู่วี่สิงออกจากบริษัทก็ดึกมากแล้ว พึ่งจะเดินออกจากประตู ก็มีร่างที่ผอม
เพรียวเดินลงมาจากรถสีดำที่จอดอยู่
ลู่หวั่นมองไปที่ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าจากไกลๆ ใจเต้นเร็วมาก
เธอนึกว่า เธอจะไม่สามารถเจอเขาได้อีกแล้ว
พอจะเดินเข้าไปใกล้ เกาเชียนก็มาขวางเธอไว้แล้ว “ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรอครับ?”
“ฉัน……” ลู่หวั่นเม้มปาก จริงๆแล้วเธอไม่ได้มีธุระอะไรเลย เพียงแค่อยากเจอมู่วี่สิง
“ฉันอยากคุยกับมู่วี่สิงสักคำสองคำ”
“ดึกมากแล้ว คุณหนูลู่กลับไปเถอะครับ”
มองเห็นมู่วี่สิงขึ้นรถแล้ว ลู่หวั่นรู้สึกปวดใจ
เธอพูด “ยางรถของฉันเสีย ส่งฉันกลับได้มั้ย?”
เกาเชียนมองไปที่รถตรงหน้า มีปัญหาจริงๆ
เขารายงานให้มู่วี่สิง
ผู้ชายลดกระจกลง มองไปที่ร่างอันบอบบางของลู่หวั่น ใบหน้านิ่งสงบ
เรียกรถเวลานี้ก็คงไม่ปลอดภัย
“ให้เธอขึ้นรถเถอะ”
ในแววตาลู่หวั่นแฝงด้วยความดีใจโลดแล่น แต่พอขึ้นรถ กลับเปลี่ยนเป็นรู้สึกตื่นเต้น
“วี่สิง เรื่องก่อนหน้านี้ ฉันขอโทษนะ เรายังกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนได้มั้ย? ลู่หวั่นมองเขาอย่างร้อนแรง
ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ขอใกล้ชิดกับมู่วี่สิงมากไปกว่านี้ ในใจเขาที่มีต่อเวินจิ้งนั้น เธอเข้าใจชัดเจนแล้ว
ถึงแม้ไม่เต็มใจ แต่บางที ก็ทำได้เพียงยอมรับความจริง
มู่วี่สิงขมวดคิ้วอย่างเย็นชา “ลู่หวั่น ความสัมพันธ์ระหว่างเรา ที่ผ่านมาก็แค่พี่น้อง ผมเห็นคุณเป็นน้องสาวมาตลอด แต่ว่าเธอต้องอยู่ในส่วนของเธอไม่มาวุ่นวาย “ฉันจะสงบเสงี่ยม ฉันจะไม่ก่อเรื่อง คุณเชื่อใจฉันนะ”
“อืม” มู่วี่สิงหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย ก็ไม่รู้ว่าเชื่อเธอจริงหรือเปล่า
ใจของลู่หวั่นหล่นวูบ
ที่นี่ห่างจากตระกูลอานไม่ไกล หลังจากหยุดรถแล้ว ลู่หวั่นยังคงอาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป
รักที่มีต่อมู่วี่สิงนั้นอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเธอมานานแล้ว เป็นโรคที่ยากจะรักษาหาย มันทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว ความอิจฉาริษยา
เข้าไปห้องรับแขก อานฉิงนั่งอยู่บนโซฟา ภาพหน้าจอที่อยู่ตรงหน้านั้นเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าประตู
เขาเห็นเธอเดินลงมาจากรถของมู่วี่สิง
“มู่วี่สิงอยู่ ประเทศB?” น้ำเสียงอานฉิงนิ่งเรียบ
“ใช่”
“คุณไปหาเขาแล้ว?” สายตาของอานฉิงแหลมคมมาก
“เปล่า ก็แค่บังเอิญเจอกันพอดี” ลู่หวั่นหลบๆซ่อนๆ
“ใช่หรอ?” อานฉิงไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
“เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ” ลู่หวั่นกลับไปที่ห้องอย่างไว
เพียงแต่เธอยังไม่ได้ปิดประตู ร่างที่สูงใหญ่ของอานฉิงเข้ามาใกล้ เขาบีบคางเธออย่างแน่น “ลู่หวั่น ผมไม่อนุญาตให้คุณเข้าใกล้มู่วี่สิงอีก”
พอได้ยิน ลู่หวั่นเงยหน้า แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าตัวเองคือคุณหญิงอาน