บทที่ 293 สามีฉันเก่งมาก
“มู่วี่สิง ตี้หวงมี่ที่นายพูด มันมีค่ามากเกินไป เอามาแลกกับยาพวกนี้มันไม่คุ้มกันเลย” เวินจิ้งพูดอย่างใจเย็น
“ฉันคิดว่าคุ้มค่า คุณนายมู่ มันเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายของคุณตาเธอ แค่นี้มันไม่มีราคาเลย”
“แต่ว่า……”
“ไม่มีแต่ นี่เป็นของขวัญที่ฉันกับเธอมอบให้คุณตา ฉันอยากจะแสดงความจริงใจของฉัน รู้มั้ย?”
เวินจิ้งหมดคำจะพูด
ถึงแม้จะรู้ว่ามู่วี่สิงมีเงินเยอะมากๆ แต่กี่สิบล้านนี้ มันมากเกินที่เธอจะรับได้
แต่พอ นึกถึงสุขภาพของคุณตาแล้ว ถ้ายาพวกนี้มันมีประโยชน์ เธอก็จะทำแบบนี้
แค่ ตอนนี้ข้างกายมีมู่วี่สิงอยู่ เขาก็ช่วยเธอจัดการเรื่องน่ารำคาญทั้งหมด
เวินจิ้งเขย่งเท้า แล้วเงยหน้าสบตากับเขา
“ฉันรู้แล้ว มู่วี่สิง ทำไมนายถึงดีกับฉันนัก……” เวินจิ้งมองเขาด้วยสายตาที่ร้อนแรง
จนบางครั้งทำให้รู้สึกว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง
แต่ผู้ชายเบื้องหน้าเธอ คือมู่วี่สิง
พวกเขาแต่งงานกันปีกว่าๆ แล้ว
หลังจากนั้นมู่วี่สิงก็ได้ประทับจูบลงไปบนปากสวยๆ ของเธอ ทั้งลึกและร้อนแรง แล้วคล้องเอวบางของเธอไว้ ทั้งสองแนบชิดกันไม่ปล่อย
คำตอบของเขาอยู่ในรอบจูบของเขา…….
……
วันต่อมา เกาเชียนก็ได้นำตี้หวงมี่มาจากบ้านใหญ่ตระกูลมู่ มู่วี่สิงกับเวินจิ้งก็ได้กลับมาที่ร้านนี้อีกครั้ง
ชายชราก็ได้ห่อยาที่เวินจิ้งต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว พอรับตี้หวงมี่ไป ในตาก็ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้
“ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ของฉัน จะได้พบได้เห็นตี้หวงมี่จริงๆ ”
“คุณปู่ งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับยาของท่านนะคะ” เวินจิ้งบอกลาอย่างมีมารยาท
เกี่ยวกับตี้หวงมี่นั้น เวินจิ้งไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันมีค่ามาก ขนาดเจ้าของร้านยังตะลึง
เธออดไม่ได้จึงถามมู่วี่สิง “ยานั่น มีประสิทธิภาพอะไรเหรอ? ทำไมตอนแรกถึงต้องขายอย่างจำกัดล่ะ?”
“มันคือยาที่ควบคุมการกระจายของเซลล์มะเร็ง แต่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบ เพราะงั้นเลยวางตามท้องตลาดไม่ได้ แต่ว่าผลของยานี้ ตอนนั้นทำเอาคนทั้งโลกต่างตกตะลึง การจะมีสักขวดหรือจะใช้เงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้”
เวินจิ้งช็อก ไม่น่าล่ะ……
อย่างน้อยก็ยังไม่มียาชนิดเดียวกันนี้บนโลก
“ทำไมนายถึงได้มียานี้อยู่ล่ะ?”
“หลายปีก่อนมีคนเคยให้ฉันไว้”
“เพราะงั้น ที่แท้นายก็ซ่อนยาที่มีค่าพวกนี้ไว้ไม่น้อยเลย?” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
มู่วี่สิงหัวเราะ “บริษัทมู่ซื่อมีร้านขายยาอยู่ร้านหนึ่ง จะมียาที่หายากอยู่ทุกชนิด กลับไปแล้วฉันจะพาเธอไปดู”
“ว้าวนายนี่มันเด็กชายคลังสมบัติจริงๆ !” เวินจิ้งอุทาน
“เด็กชายคลังสมบัติ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“อืมมม มันหมายความว่าสามีฉันนั้นเก่งมากๆ ไงล่ะ!”
รอยยิ้มของมู่วี่สิงก็กว้างขึ้น ในสายตาของเวินจิ้ง จะเมาแล้วจริงๆ
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนั้นของเขาทำให้เธอไม่สามารถต้านทานได้
……
แค่พริบตาก็ถึงวันอาทิตย์ งานปาร์ตี้วันเกิดของหลินเจิ้นถูกจัดขึ้นที่สวนดอกไม้หลังบ้านตระกูลหลิน
หลินเวยวางแผนงานเอาไว้เรียบร้อยล่วงหน้านานแล้ว เวินจิ้งก็มาช่วยด้วยเหมือนกัน
“วี่สิงเด็กคนนั้นล่ะ?” หลินเวยถาม
“วันนี้เขาต้องไปประชุม เขาจะกลับมาช้าหน่อย”
“อีกไม่นานพวกเธอก็ต้องกลับกันแล้ว แม่ทำใจไม่ได้เลย” หลินเวยถอนหายใจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ตระกูลฉีจะลงหลักปักฐานที่หนานเฉิงแล้ว แต่ว่าช่วงเวลานี้ เธอจะต้องคอยอยู่ข้างกายหลินเจิ้น
“แม่ หนูจะมาหาบ่อยๆ นะคะ”
“งั้นก็ดี ฉันล่ะเป็นห่วงพ่อ……” เบ้าตาของหลินเวยเริ่มแดงขึ้นอย่างอดไม่ได้
เมื่อพูดถึงหลินเจิ้น จะเป็นใครก็ใจไม่ดี
“หนูจะไปดูคุณตานะคะ”
เวินจิ้งขึ้นไป พอดีกับที่หลิงอี้ออกมาจากห้องของคุณตา
“คุณปู่ไม่สบาย ท่านเพิ่งจะหลับไป” หลิงอี้ขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” เวินจิ้งเป็นห่วงจึงอยากจะรีบเข้าไป
แต่หลิงอี้ดึงเธอไว้ “คุณปู่หลับไปแล้ว เธออย่าไปรบกวนท่านเลย ให้ท่านพักผ่อนเถอะ อีกแป๊บจะได้มีชีวิตชีวา”
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น แล้วไม่ได้เข้าไป
หลิงอี้ก็ลงมาที่สวนช่วยด้วยเหมือนกัน เนื่องด้วยเรื่องสุขภาพของคุณตา อาหารในคืนนี้จึงมีรสชาติจืดมาก
หลินเวยลงมือทำด้วยตัวเอง เวินจิ้งก็ช่วยอยู่ด้านใน
พลบค่ำ ก็ยังไมเห็นว่ามู่วี่สิงกลับมา เวินจิ้งเลยโทรศัพท์หาเขา
แต่ก็สายไม่ว่างตลอด
เธอเป็นห่วงจนคิ้วขมวด หลินเวยจึงถามด้วยความเป็นห่วง “วี่สิงยังไม่กลับเหรอลูก?”
“ไม่รู้ทำไม โทรศัพท์เขาโทรไม่ติดเลย”
“เหลืออีกครึ่งชั่วโมงงานปาร์ตี้ก็จะเริ่มแล้วนะ” หลินเวยเตือน
เวินจิ้งทำได้แค่ลองโทรหาเกาเชียน ช่วงนี้เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างหนานเฉิงกับประเทศB
“วันนี้คุณมู่เข้าไปที่ศูนย์วิจัยยาครับ แต่ตอนนี้น่าจะกลับไปแล้ว”
“ตอนนี้จะมืดแล้ว ฉันยังติดต่อเขาไม่ได้เลย”
“ผมจะไปดูที่ศูนย์วิจัยยาเดี๋ยวนี้ครับ ผมก็ติดต่อคุณมู่ไม่ได้เลยเหมือนกัน” เกาเชียนขมวดคิ้ว
“ฉันจะรอข่าวจากนายนะ”
เวินจิ้งจู่ๆ ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย
ไม่นานพ่อบ้านก็ช่วยพยุงคุณตาเดินลงมา พอเวินจิ้งได้เห็นถึงจะยิ้ม
หลินเจิ้นนั่งลงตรงกลาง แล้วทุกคนก็นั่งตามกัน
ที่ด้านข้างของเวินจิ้งว่างอยู่ หลินเจิ้นถามอย่างอิดโรย “มู่วี่สิงล่ะ?”
“ที่บริษัทเขายังมีงานอยู่ค่ะ” เวินจิ้งสีหน้าทื่อๆ
“อืม กลัวว่าจะไม่อยากพบคนแก่อย่างฉันเสียแล้ว” น้ำเสียงของหลินเจิ้นดูเข้ม
เวินจิ้งรีบตอบกลับทันที “คุณตา แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้นค่ะ วี่สิงต้องรีบกลับมาแน่นอนค่ะ เขากับหนูก็ช่วยกันเลือกของขวัญเตรียมไว้ให้ท่านแล้ว”
พูดจบ เวินจิ้งก็มอบขวดโหลยาให้กับคุณตา
“คุณตาคะ โหลกระเบื้องนี้มีตั้งแต่ราชวงศ์ชิงตกทอดมาเป็นวัตถุโบราณค่ะ สภาพดีมากเลยค่ะ ยาข้างในก็ยิ่งมีค่า เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายของคุณตาค่ะ”
“หลานสาวเอ๋ย โหลกระเบื้องนี้ไม่เลวเลย ตาชอบ แต่ว่ายาพวกนี้ ตาของหลานย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ตารู้ร่างกายของตาดี มันไม่มีประโยชน์แล้ว” หลินเจิ้นหดหู่ใจ
“คุณตาคะ ขอแค่มีความหวังเพียงเล็กน้อย หนูก็จะไม่ยอมแแพ้” เวินจิ้งพูดยืนยัน
ไม่นานพ่อบ้านก็สั่งให้หมอประจำบ้านมา พอเห็นว่าหายาเจอจริงๆ ก็ดีใจอยางเห็นได้ชัด
“คุณเวิน เป็นยาพวกนี้แหละครับ ผมหายังไงก็หาไม่เจอ”
เวินจิ้งยิ้ม “นี่เป็นผลงานของมู่วี่สิง”
“งั้นต้องขอบคุณคุณชายมู่แล้วครับ”
“คุณปู่ นี่คือของขวัญที่ผมนำมามอบให้ท่านครับ เป็นวัตถุโบราณเหมือนกัน แต่ว่าเป็นเครื่องลายครามกระเบื้องช่วงสมัยราชวงศ์มิงครับ” พูดจบ หลิงอี้ก็มอบของขวัญเช่นกัน
หลินเจิ้นหัวเราะออกมาเสียงดัง “เครื่องลายครามอันนี้ที่ฉันสั่งซื้อเมื่อคราวก่อนแต่สั่งไม่ได้นี่ นายซื้อกลับมาได้ยังไง?”
“คุณปู่ เอามาได้ยังไงนั้นบอกไม่ได้ครับ แต่สุดท้ายแล้วมาอยู่ในมือท่าน ทำให้ท่านพอใจก็ดีแล้วครับ”
“แน่นอนว่าฉันต้องพอใจ”
ปาร์ตี้นั้นไม่ได้ครึกครื้นอะไรเป็นพิเศษ แต่ทุกคนในครอบครัวนั้นก็ต่างมอบของขวัญ ทำให้ชายแก่ผู้นั้นอารมณ์ดีมากๆ
เวินจิ้งรอให้มู่วี่สิงกลับมาอยู่ตลอด หลังจากที่เกาเชียนไปที่บริษัทหลิงซื่อ เขาก็พลอยติดต่อไม่ได้ไปด้วย
ด้านหน้ามีไวน์แดงแก้วนึงยื่นมา หลิงอี้ถามอย่างเป็นห่วง “กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย” เวินจิ้งพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึก
“เกี่ยวกับมู่วี่สิงใช่มั้ย? ฉันคิดว่าเขาคงไม่เห็นความสำคัญของงานวันเกิดคุณปู่ตั้งแต่แรกแล้ว” หลิงอี้พูดอย่างเย็นชา
“ไม่ใช่สักหน่อย เขาก็เป็นห่วงคุณตามากๆ เหมือนกัน”
“งั้นทำไมป่านนี้ยังไม่เห็นเขาล่ะ อวยพรกันจบไปแล้ว คุณตาเขาขึ้นไปข้างบนพักผ่อนแล้ว”
“เขา……” เวินจิ้งทำหน้ามุ่ย
ทันใดนั้น ร่างกายก็รู้สึกผิดปกติ เธอขมวดคิ้วเข้ม