บทที่ 294 เธอเป็นของฉันตั้งแต่แรกแล้ว
“ฉันก็จะขึ้นไปพักผ่อนแล้ว” ตอนนี้เวินจิ้งรู้สึกไม่สบาย รู้สึกไม่ดีมากๆ
หลิงอี้อยู่ข้างเธอ “เป็นอะไรไป? ให้ฉันตามหมอให้มั้ย?”
“ไม่เป็นไร!” เวินจิ้งไม่อยากจะสนใจเขา
แต่หลิงอี้ก็ตามติดตลอด
พอเข้ามาในห้อง เวินจิ้งก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา เหงื่อร้อนๆ บนหน้าก็ไหลออกมาไม่หยุด
“ไม่ให้ฉันเรียกหมอจริงๆ เหรอ?” หลิงอี้ขมวดคิ้ว
“ฉันไม่เป็นไร นายออกไปนะ!” เวินจิ้งจ้องเขาด้วยสายตาโกรธ
แต่หลิงอี้ไม่ใช่แค่ไม่ออกไป แต่ยังปิดประตูลง
เขาเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวๆ “เวินจิ้ง ให้ฉันบอกเธอมั้ยว่าทำไมเธอถึงไม่สบายหน่ะ?”
เวินจิ้งหน้าซีด นึกถึงไวน์แดงที่หลิงอี้ยื่นให้เมื่อกี้แก้วนั้น……
ตอนนี้ในหัวเธอคิดแต่เรื่องของมู่วี่สิง ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย……
หรือว่า…….
เธอมองหลิงอี้อย่างโมโห
“เดาออกแล้วเหรอ? ถ้าหากเธอไม่ดื้อรั้นละก็ ฉันคงไม่ต้องทำแบบนี้ เธอรู้อะไรมั้ย? เรื่องนี้เห็นพ้องโดยคุณตาของเธอ” ปากบางของหลิงอี้ยกยิ้ม
“คุณตา?” หัวใจของเวินจิ้งสั่นไหว คุณตาทำไมถึง……
“นายเอายาอะไรให้ฉันกิน?”
“เธอคิดว่าไงล่ะ? หลังจากคืนนี้ ลองเดาดูว่ามู่วี่สิงจะขอหย่ากับเธอมั้ย?”
เวินจิ้งกัดริมฝีปากอย่างโกรธแค้น แล้วยื่นมือออกไปทางหลิงอี้เพื่อจะตบ แต่หลิงอี้ก็จับข้อมือเธอไว้อย่างรวดเร็ว
“หลิงอี้ อย่าให้มันมากไปนะ!”
“ฉันทำเกินไปเหรอ? ฉันบอกแล้ว เธอเป็นหลานสาวของตระกูลหลิน ผู้ชายที่เหมาะสมกับเธอที่สุด ก็คือฉัน กลัวว่าเธอจะไม่รู้ คุณตายอมยกเธอให้แต่งงานกับฉันตั้งนานแล้ว เธอน่ะเป็นของฉันตั้งแต่แรกแล้ว!”
หลิงอี้ใช้นิ้วเรียวยาวบีบไปที่คางของเวินจิ้งอย่างแรง
เธอจะไม่มองเขาก็ไม่ได้ ความโกรธในตาของเธอเหมือนจะระเบิดออกมา
“ฉันไม่แต่งกับนาย หลิงอี้ ฉันแต่งงานแล้ว”
“แต่งงานแล้วยังไง? มู่วี่สิงไม่คู่ควรกับเธอ ฉันจะทำให้เธอรู้ ว่าฉันคือคนที่รักเธอที่สุด!”
“นายหยุดบ้าสักที ที่นี่คือบ้านตระกูลหลินนะ!”
“ทุกคนเขารู้กันหมด ว่าฉันชอบเธอ เวินจิ้ง คืนนี้ไม่มีคนเข้ามาหรอก” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
เขาค่อยๆ ปลดเข็มขัดออก เสียง “กึก” ทำให้เวินจิ้งหน้าซีด
มือของเธอใช้แรงทุบไปที่หน้าอกของหลิงอี้
นึกถึงคำพูดของเขา คุณตายินยอม ตระกูลหลินทั้งหมดรู้……
แล้วที่ คืนนี้มู่วี่สิงไม่ได้กลับมา ก็เป็นสิ่งที่หลิงอี้คิดไว้แล้ว?
“มู่วี่สิงอยู่ที่ไหน?” เธอถามเสียงเบา
เรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนโดนสูบออกไป เธอรู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ฤทธิ์ของยาทำให้เธออยากมาก
เธอทำได้แค่พยายามควบคุมตัวเอง
“เขาเหรอ? รู้แค่คืนนี้ เขาจะไม่โผล่หัวมา”
“หลิงอี้ ฉันจะไม่แต่งงานกับนาย ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะไม่แต่งงานกับนาย!”
พอเห็นปฏิกิริยาต่อต้านของเวินจิ้ง สีหน้าของหลิงอี้ก็เจื่อนไป
ที่เขาแกล้ง ท่าทางของเขาก็ชะงักไปอย่างอัตโนมัติ
ที่จริงเขาแค่อยากจะทำให้เธอตกใจเฉยๆ แต่พอได้เข้าใกล้เวินจิ้ง สติสัมปชัญญะอะไรก็ไม่เหลือแล้ว
เขากำลังทำอะไรอยู่?
ในขณะที่หลิงอี้ตั้งสติ เวินจิ้งก็ผลักเขาออก
มันร้อนจริงๆ และยังทรมานอีกด้วย เธออยากจะถอดเสื้อผ้าออกอย่างช่วยไม่ได้ เธอกระชากออกอย่างแรง
หลิงอี้กดมือเธอไว้อย่างใจเย็น แล้วพูดเสียงเบา “ขอโทษนะ”
เวินจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา “หลิงอี้ นายทำให้ฉันขยะแขยง รีบไสหัวออกไป!”
“ฉันก็ออกไปไม่ได้เหมือนกัน คืนนี้ เธอทำได้แค่อยู่กับฉัน” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
“เป็นคุณตาจริงๆ เหรอ?” เวินจิ้งมองต่ำ น้ำเสียงดูขมขื่น
เธอไม่ใช่ว่าจะดูไม่ออกว่าคุณตาไม่พอใจมู่วี่สิง แค่ เธอคิดว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น
คุณตาจะต้องยอมรับมู่วี่สิง
แต่ก็ไม่ใช่ เขายังผลักไสเธอให้หลิงอี้
เธอควรจะรู้นานแล้ว ว่าคุณตารักหลิงอี้มากกว่า แม้แต่บริษัทหลินซื่อก็ยังยกให้เขา แต่ว่า เธอล่ะ……
เบ้าตาของเวินจิ้งค่อยๆ ชื้นขึ้น เธอใกล้จะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว……
ทำได้แค่ดึงผ้าห่มไว้แน่น ปิดคลุมการกระทำของเธอที่อยากจะถอดเสื้อผ้าอย่างอดไม่ได้
หลิงอี้ยืนอยู่ห่างเธอเป็นเมตรๆ มองเห็นเวินจิ้งรู้สึกแย่ เขาก็รู้สึกแย่
คืนนี้ คงจะผ่านไปได้ยาก
แต่ เขาก็จะอยู่เป็นเพื่อนเธอ
“หลิงอี้ นายหาวิธีออกไป!” เวินจิ้งจ้องเขาอย่างโมโห
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะทนไหวมั้ย
“ทำได้แค่รอถึงพรุ่งนี้” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
พอพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ ในอ่างอาบน้ำเต็มไปด้วยน้ำอุ่น
เขาเดินออกมา “ไปแช่สักแป๊บ คงจะดีขึ้น”
เวินจิ้งมองเขาอย่างระแวง และก็ไม่เชื่อ
“เธอล็อกประตู ฉันจะไม่เข้าไป”
เวินจิ้งกัดริมฝีปากแน่น ผ่านไปนาน กว่าจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไป
หลิงอี้เดินออกไปที่ระเบียง นิ้วเรียวหยิบบุหรี่ขึ้นมา กลิ่นของนิโคตินก็ไม่สามารถลบภาพที่เย้ายวนของเวินจิ้งออกจากสมองได้
ผิวพรรณที่นุ่มนวลและเปล่งประกาย ใบหน้าที่แรงระเรื่อ กลิ่นที่น่าดึงดูดทั้งเรือนร่าง
เข้าดูดบุหรี่เข้าลึกๆ อยากจะระงับความหลงใหลในสมอง
แต่ว่า มันยากจริงๆ ……
……
ด้านนอกบ้านตระกูลหลิน
รถสีดำคันนึงจอดอยู่ด้านนอก สายตาของมู่วี่สิงมองไปที่ชั้นสองที่มีแสงไฟสว่างอยู่
ถึงจะมัวๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นเงาของหลิงอี้
รปภ.ที่บ้านประตูก็ขว้างเขาไว้ ไม่ให้เขาไป
หยุดไปแป๊บนึง จู่ๆ เขาก็เหยียบคันเร่งมิด พุ่งไปทางประตูรั้ว จนเกิดเสียง “ปั้ง” รถก็ลอดเข้าไปในบ้านตระกูลหลินแล้ว
จากนั้นถึงเหยียบเบรกหยุดรถ มีปรภ.วิ่งเข้ามาจะหยุดเขา แต่รถคันนั้นเหมือนจะขับทับพวกเขามากกว่า รปภ.กลัวจนขาอ่อนจนยืนไม่นิ่ง ทำได้แค่คลานหนีออกไป
มู่วี่สิงกลับรถ แล้วมาหยุดอยู่ตรงประตูบ้านหลัก
ระเบียงชั้นสอง หลิงอี้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
มู่วี่สิงลงจากรถ ในเวลากลางคืนอย่างนี้เหมือนกับนกอินทรีทั้งสองได้สบตากัน
หลิงอี้ทำสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็ดีดขี้บุหรี่ แล้วเดินเข้าห้องไป
เพียงแต่ กลางคิ้วที่ขมวดนั้นปล่อยวางไม่ลง
ประตูนี้ จะขว้างมู่วี่สิงไว้ได้มั้ยนะ?
จู่ๆ เขาก็หัวเราะขึ้น
ถึงแม้มู่วี่สิงจะเข้าบ้านตระกูลหลินมาได้ แต่ที่ตึกหลัก หลินเจิ้นได้จัดการให้คนมาดูแลไว้แล้ว และพวกเขาก็เป็นบอดี้การ์ดมือดี
“ขออภัยครับ คุณมู่ คุณเข้าไปไม่ได้ครับ”
“ถ้าหากฉันจะเข้าไปให้ได้ล่ะ?” มู่วี่สิงหรี่ตาอย่างเยือกเย็น
เขาเกือบจะติดอยู่ที่ศูนย์วิจัยยา ตอนที่เดินทางกลับก็เจออุบัติเหตุตั้งหลายครั้ง หลังจากที่ใช้เส้นสายถึงจะกลับมาที่บ้านตระกูลหลินได้อย่างปลอดภัย เหตุการณ์แต่ละอย่างๆ ทั้งหมดเป็นแผนการของหลินเจิ้นกับหลิงอี้
เขารู้ได้เอง
พอพูดจบ เขายกมือขึ้นไปบีบไหล่ของบอดี้การ์ดคนหนึ่งในนั้น จากนั้นก็เหวี่ยงเขาอย่าแรง
การกระทำของเขานั้นบ้าคลั่งมาก
สองคนนั้นรีบพุ่งเข้าไปทำร้ายมู่วี่สิง แต่ก็ร่วงไปทั้งคู่
มู่วี่สิงเดินเข้าประตูไปอย่างง่ายดาย
ห้องรับแขก หลินเวยนั่งอยู่บนโซฟา มองไปที่มู่วี่สิงที่เดินเข้ามา
ร่างกายของเขา ทำให้เธอประหลาดใจ
“คุณมู่คุณทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ ” หลินเวยหัวเราะ
“ผมจะพาคุณนายมู่กลับ” มู่วี่สิงเดินขึ้นชั้นสองไปทันที
หลินเวยพูดหยุดเขา “สายไปแล้ว ถึงจะให้นายขึ้นไป นายก็เข้าห้องของเวินจิ้งไม่ได้ คืนนี้เธออยู่ข้างหลิงอี้ นายต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้”
“ทำไม?” เขานิ่งไป
เขาไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องการเป็นศัตรูกับตระกูลหลิน ก็แค่ รอโอกาสเหมาะที่จะแตกหัก
เขาเชื่อใจเวินจิ้ง
“นายเป็นคนตระกูลมู่ นายลองพูดสิว่าทำไม?”
บนใบหน้าของมู่วี่สิงไม่มีอารมณ์ใดๆ เขากลับหลังแล้วเดินขึ้นชั้นสองไป
แต่เหมือนกับที่หลินเวยพูด เข้าไปไม่ได้