บทที่ 297 ไม่ทันได้เตรียมใจ
“อวดดี! เธอคือหลานสาวของหลินเจิ้น เธอพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง!” หลินเจิ้นตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นอย่างโมโห
พูดเพิ่งจบ สีหน้าของเขาก็เริ่มซีด ทรมานจนต้องกุมหัวใจจนแน่น
“เธอเป็นหลานสาวของฉัน……” เสียงของหลินเจิ้นกลายเป็นพูดอย่างที่ละคำๆ
ทันใดนั้นหลินเวยกับหลิงอี้ก็รีบเข้าไปพยุงหลินเจิ้น แล้วเรียกหมอมา
เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แค่ตอนนี้ จะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว
เธอกลับหลังหัน ไปกุมมือของมู่วี่สิงไว้
“ไม่หย่าได้มั้ย?” เธอมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ
เธอเกลียดการถูกคนอื่นคุกคามที่สุด โดยเฉพาะ ยังเป็นคนที่ใกล้ตัวตัวเองที่สุด
“เวินจิ้ง ฉันพูดว่า พวกเราหย่ากัน” สีหน้าของมู่วี่สิงนั้นคาดเดาได้ยาก
เขาผลักเธอออก
“ฉันจะไม่เป็นอะไรหรอก พวกเรากลับไปหนานเฉิง จะต้องมียาถอนพิษแน่นอน” เวินจิ้งกุมมือมู่วี่สิง
แต่ก็ถูกเขาผลักออกอีกครั้ง
หน้าของเธอค่อยๆ ซีดลง
ขณะนั้น หลิงอี้ก็เดินมาอยู่ข้างเวินจิ้ง อธิบายผ่านสีหน้า “มีแค่ตระกูลหลินที่มียาถอนพิษ ยาที่อยู่ในร่างเธอคือตัวยาที่บริษัทหลินซื่อไม่ได้วางตลาด มีแค่คนในที่คิดค้นถึงจะมียาถอนพิษ เวินจิ้ง อย่าเอาร่างกายของเธอมาเดิมพัน”
“ไม่……ไม่มีทาง ทำไมพวกคุณต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย……” ความสิ้นหวังถูกแสดงออกมาผ่านสีหน้าของเวินจิ้ง แล้วก็ค่อยๆ ทรุดลง ความสิ้นหวังทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
เธอไม่อยากหย่า เธอแค่อยากจะหนีไปจากตระกูลหลิน หนีไปจากตระกูลที่น่ากลัวนี้……
“หนู ตาทำเพื่อหนูนะ” หลินเจิ้นกินยาไปแล้ว ก็เหมือนจะดีขึ้น แต่อารมณ์ก็ยังร้อนรนอยู่มาก
หลินเวยพูดอย่างเป็นห่วง “เสี่ยวจิ้ง พวกเราถึงจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับหนูที่สุด พวกเราไม่ทำร้ายหนูหรอก”
พูดจบ หลิงอี้ก็จะไปพาตัวเวินจิ้งมา
แต่เมื่อหลิงอี้แตะโดน เวินจิ้งก็สะบัดออกทันที
“ฉันจะไม่อยู่ที่นี่!”
เธอมองไปที่มู่วี่สิง “นายไม่พาฉันไป งั้นฉันไปเอง!”
พูดจบ เธอก็ดื้อจะออกไปด้วยตัวเอง
แต่ ร่างกายเธออ่อนแอและทรมาน ทนไม่ไหวตั้งแต่แรก ไม่นานจึงล้มตึงไป
มู่วี่สิงกำหมัดแน่น ในขณะที่จะเข้าไป แต่หลิงอี้เร็วกว่าเขาไปก้าวนึง
เขาพยุงเธอขึ้น ไม่ให้โอกาสเธอขัดขืน เลยพาเธอขึ้นมาบนห้อง
“หลิงอี้ นายปล่อยฉันนะ!” เวินจิ้งดันเขาออกตลอด
แต่หลิงอี้ไม่ไหวติง จับแขนเธอไว้ แล้วพูดขึ้นเสียงเข้ม “ตอนนี้มู่วี่สิงเขาไม่เอาเธอแล้ว เวินจิ้ง ตั้งสติหน่อย รอเซ็นต์ใบหย่าแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
ที่ห้องรับแขก หลินเวยได้สั่งให้พ่อบ้านเอาใบหย่ามา
“คุณมู่ เซ็นเถอะ”
มู่วี่สิงตาตก ความเย็นแพร่กระจายไปทั่วดวงตา
เขากำปากกาไว้ แล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปอย่างช้าๆ
หลินเวยถอนหายใจโล่ง
มองไปทางคุณพ่อ เห็นว่าอารมณ์ของเขาก็สงบลง
“จากนี้เวินจิ้งกับนายก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกต่อไป”
พูดจบ ก็ให้พ่อบ้านส่งเขาออกไป
ไม่นาน ใบหย่าก็อยู่ในมือของเวินจิ้ง เธอมองชื่อของมู่วี่สิงบนนั้นตาละห้อย
มีอำนาจจริงๆ
เป็นลายมือของเขา
เวินจิ้งหยิบใบหย่าขึ้นมา จากนั้นก็จะฉีกมันออกอย่างแรง
รู้อยู่แล้วว่าเวินจิ้งจะทำแบบนี้ หลิงอี้เร็วกว่าเธอเลยห้ามเธอไว้
“เวินจิ้ง ฟังที่ฉันพูดนะ ร่างกายต้องมาก่อน ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนมีมดหลายตัวมากัดหัวใจของเธอ มันจะเป็นแบบต่อไปทั่วทั้งร่างของเธอ เธอทนมันไหวเหรอ?”
“ฉันทนไหว ฉันจะไม่เซ็นต์ ฉันจะไม่ยอมทำตามพวกคุณ!” เวินจิ้งพูดอย่างโมโห
พูดจบ ก็อยากจะแย่งใบหย่ามา
แต่หลิงอี้จับข้อมือเธอไว้ แล้วงอเอวลง สบตากับเธอ “นี่ฉันไม่ได้ขู่เธอนะ ถ้าเธอไม่กินยาถอนพิษ เธอจะตาย”
“ตายแล้ว เธอก็ไม่มีทางได้อยู่กับมู่วี่สิงแล้วจริงๆ นะ”
พอได้ยิน เวินจิ้งถึงเงยหน้าขึ้น อารมณ์ก็เหมือนจะเย็นลงเล็กน้อย
เธอกอดตัวเองแน่น ความรู้สึกตอนนี้ ไม่ใช่แค่เหมือนไฟลุกโชน หัวใจก็เหมือนโดนฉีกออกอีก
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าคิดถึงมู่วี่สิง เธอกลัวว่า เธอจะทนไม่ไหวแล้ว
แต่ตอนนี้ เขาเซ็นต์และสบายไปแล้ว
ที่เขาทำเพราะเรื่องร่างกายของเธอใช่มั้ยนะ?
ในหัวของเวินจิ้งเริ่มยุ่งเหยิง ถ้าหากเธอเซ็นต์ด้วย เธอจะกลับไปอยู่ข้างกายของมู่วี่สิงได้มั้ยนะ?
เธอไปจากเขา ไม่ได้จริงๆ
น้ำตาถูกขับออกมาจากเบ้าตา ร่างกายเธอก็สั่นอยู่ตลอด มองดูหลิงอี้ยื่นใบหย่ามาให้ ปากกาก็ถูกเธอกำไว้ในมืออย่างสั่นเทา
ขอแค่เธอเซ็นชื่อ เธอกับมู่วี่สิงก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีก
แต่ก่อนคิดมาตลอดว่าอย่าไปตกหลุม เพราะว่าจะมีสักวันที่ต้องหย่า
แต่พอมาวันนี้ กลับมาแบบไม่ทันได้เตรียมใจ
แถมเธอยังยอมรับไม่ได้อีก
“เวินจิ้ง ร่างกายต้องมาก่อน อีกอย่าง ที่คุณปู่พูดก็ไม่ผิด เขาจะใช้ประโยชน์จากเธอถึงได้มาแต่งงานกับเธอ”
“นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึก เช็ดน้ำตา แล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไป
เรื่องในอนาคตเธอจะไม่คิดถึงมันแล้ว เพราะว่ามู่วี่สิงคิดไว้ให้เธอแล้ว ถ้างั้น เธอก็จะฟังเขา
หลิงอี้เห็นเวินจิ้งเซ็นชื่อลงไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิด
บังคับเธอ ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขเลย
เขาคิดแต่โทษตัวเองไปตลอด
ความรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยมีมาก่อน
“นายพักสักหน่อย”
หลินเวยที่อยู่ด้านนอก พอเห็นหลิงอี้ออกมา ก็ถามอย่างเป็นห่วง. “เสี่ยวจิ้งเซ็นต์หรือยัง?”
หลิงอี้พูดขึ้นก่อน “เรียกให้หมอมาเถอะ”
ขึ้นไปที่ห้องของคุณปู่ หลิงอี้ยื่นใบหย่าให้ไป
“คุณปู่”
“เรื่องใหญ่จะประสบความสำเร็จ ยังไงก็ห้ามใจอ่อน” หลินเจิ้นหรี่ตา น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา
หลิงอี้มองต่ำ “ผมกลัวว่าเวินจิ้งจะเกลียดพวกเรา”
“ฉันเหลือเวลาไม่มากแล้ว เธอจะเกลียดก็เกลียดเถอะ ต่อไปเธอจะรู้ว่า นี่เป็นความเจ็บปวดของคุณตาอย่างฉัน” หลินเจิ้นเสียใจ
…….
กินยาไปแล้ว เวินจิ้งก็ยังคงมึนๆ อยู่
หลินเวยคอยดูอยู่ข้างกายเธอ ไม่ห่างไปไหนสักก้าว
จนถึงกลางคืน หลิงอี้จึงมา “คุณนายหลิน คุณไปหาอะไรกินสักนิดเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเวินจิ้งเอง”
“อืม ลำบากเด็กคนนี้แล้ว” ความรู้สึกผิดเอ่อล้นออกมาบนใบหน้าหลินเวย
เธอไม่ชอบไม่เห็นด้วยต่อวิธีการของหลินเจิ้น แต่ว่าถ้าเขาจะทำขึ้นมา ก็ไม่มีใครหยุดเขาอยู่
จนถึงเวลาเที่ยงคืน เวินจิ้งจึงตื่นขึ้นมาอย่างมึนๆ ลืมตา ก็อยู่ในห้องที่คุ้นเคย
ที่นี่ที่ไหน……
พอความทรงจำในหัวเริ่มกระจ่างชัดขึ้น เธอก็หน้าซีดนิ่งไปสักพัก
เธอกับมู่วี่สิงหย่ากันแล้ว
หย่ากันแล้ว จริงๆ
หลิงอี้ ส่ายหัวอยู่ข้างเธอ
“เธอไม่เป็นไรแล้ว”
แต่เวินจิ้งไม่ได้มีความสุขเลยสักนิด มีแต่การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
เธอลุกขึ้นนั่ง ถึงสังเกตว่ามือเธอยังให้น้ำเกลืออยู่ ในหัวยังมึนๆ อยู่เล็กน้อย
“เธอหมดสติไปทั้งวัน นอนลงไปก่อนเถอะ ฉันจะให้หมอมาดู” หลิงอี้เห็นท่าทางที่ไม่สบายของเธอ จึงเรียกหมอเข้ามา
เวินจิ้งเงียบอยู่ตลอด คุณหมอพูดอะไรเธอก็ไม่ได้ฟัง ในหัวมีแต่มู่วี่สิง
เขาผลักเธอออกอย่างเย็นชา
เป็นเขาที่ผลักเธอ
เขายอมหย่าแล้ว…..เขายอมเซ็นชื่อแล้ว
น้ำตาของเวินจิ้งเม็ดใหญ่ๆ ก็ไหลลงมา บังคับไว้ไม่ได้เลย
“คุณเวิน อารมณ์ของคุณจะสะเทือนมากไม่ได้ ต้องพักผ่อนด้วย” คุณหมอขมวดคิ้ว แล้วตักเตือน
เวินจิ้งไม่ได้ตอบอะไรทั้งสิ้น เธอมองต่ำ และกัดริมฝีปากอย่างแรง