บทที่ 298 เขาทำได้เพียงตามใจ
ดึกมากแล้ว เธอมองเวลา ตีสามแล้ว
เธอดึงเข็มที่อยู่หลังมือออกมา ควานหาโทรศัพท์ แล้วจึงกดโทรไปหามู่วี่สิง
แต่ ไม่มีคนรับสาย
ใจของเธอค่อยๆ เย็นยะเยือก
เธอไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เธออยากจะกลับหนานเฉิง
คุณหมอเห็นเธอกระวนกระวาย จึงรีบกดเธอลง “คุณเวิน คุณยังลงจากเตียงไม่ได้!”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ” เวินจิ้งพูดเสียงเย็นชา
พอพูดจบ ก็หยิบกระเป๋าด้านข้างขึ้นมาเก็บของ
หลิงอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ห้ามเธอ
เธอรู้สึกแย่ เขาก็รู้สึกแย่
เธอทรมาน เขาก็ทรมาน
ดังนั้น เขาทำได้แค่ตามใจเธอ
“ถ้าหากเธอจะไปจริงๆ ฉันจะไปส่ง” ผ่านไปสักพัก หลิงอี้จึงพูดเสียงเข้ม
เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย เธอถือกระเป๋าวิ่งออกไป ลงไปที่ห้องรับแขก หน้าประตูมีบอดี้การ์ดอยู่สองคน
เห็นว่าเวินจิ้งจะออกไป จึงรั้งเธอไว้อย่างเย็นชา
“ขออภัยครับคุณหนู ไม่มีคำสั่งจากนายท่าน คุณจะออกไปไม่ได้ครับ”
เวินจิ้งมองไปที่ร่างสูงใหญ่ทั้งสอง เห็นได้ชัดว่ามีความสามารถ เธอผลักไม่ออกแน่ๆ
ดวงตาแสดงถึงความพ่ายแพ้ เธอนั่งลงที่ห้องรับแขก และโทรหามู่วี่สิงอย่างอดไม่ได้อีกครั้ง
แต่ว่า ก็ยังสายไม่ว่างอยู่เหมือนเดิม
สักพักนึง เงาร่างของหลิงอี้ก็เดินลงมา
“เชื่อฉันสักครั้ง ได้มั้ย?” หลิงอี้เห็นความเจ็บปวดและดิ้นรนในสายตาเธอ
เขาไม่ได้อยากจะบังคับเธอ ไม่อยากให้เวินจิ้งโกรธ เขาไม่ชอบ
เวินจิ้งเงยหน้า มองเห็นหลิงอี้ทำสีหน้าจริงจัง แล้วขมวดคิ้ว
เธอยังเชื่อใครได้บ้าง?
“คุณปู่ไม่ให้เธอออกไปจากบ้านตระกูลหลินหรอก ที่นี่ทั้งนอกและในมีบอดี้การ์ดดูแลอยู่ทั้งหมด เขาไม่ให้เธอไปหามู่วี่สิงอีกแล้ว”
……
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เวินจิ้งมาถึงสนามบิน
มองดูผู้ชายที่ขับรถมาส่งเธอด้วยตัวเอง บนรถเธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่กี่วันนี้ มันทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างฟ้ากับเหว
จากวิธีการของหลินเจิ้น น่ากลัวจนขนาดว่าวันนี้เธอจากไป พรุ่งนี้เขาก็จะไปหาเธอที่หนานเฉิง
แต่ว่า เธอก็จำเป็นต้องไป
“ฉันเตรียมเครื่องบินส่วนตัวไว้แล้ว หลังจากนี้สองชั่วโมงก็จะถึงหนานเฉิง”
“อืม” สีหน้าของเวินจิ้งก็ยังเย็นชาอยู่
“จากสถานการณ์ช่วงนี้ของคุณปู่ เขาคงไม่ไปหนานเฉิงด้วยตัวเองหรอก ช่วงนี้ฉันปลีกตัวไม่ได้ แต่ฉันให้คนคอยไปคุ้มกันเธอ”
“นายคิดว่าหลินเจิ้นจะจับฉันกลับไป ใช่มั้ย?” เวินจิ้งถาม
“ฉันมั่นใจ” หลิงอี้พยักหน้า
ตั้งแต่เล็กเขาก็อยู่ข้างกายหลินเจิ้น อารมณ์กับวิธีการจัดการเรื่องของเขาหลิงอี้เข้าใจเขาที่สุด
เขาอยากจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างเวินจิ้งกับมู่วี่สิง ก็คงไม่มีทางให้พวกเขากลับไปคบกัน
“ทำไมนายต้องมาบอกฉัน หลิงอี้ ถึงแม้ว่านายจะช่วยฉัน แต่ฉันก็ไม่ให้อภัยนาย” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
ผู้ชายคนนี้ เป็นพวกเดียวกับตระกูลหลิน
“ฉันรู้ แต่ว่า ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุข” หลิงอี้มองเธอด้วยสายตาที่ร้อนแรง
ไม่ใช่ว่าหลิงอี้จะไม่เคยคิดที่จะครอบครองเธอ มีเธอ แต่เขาทำมันไม่ได้
ที่เขาต้องการคือให้เวินจิ้งเต็มใจ
เวินจิ้งหันมาอย่างไม่ลังเล เธอจะไม่เชื่อใจคนตระกูลหลินแม้แต่คนเดียวแล้ว
……
บ้านตระกูลหลิน
หลิงอี้เพิ่งจะกลับมาถึงตอนเช้า หลินเวยรู้ว่าเวินจิ้งไม่อยู่แล้ว
พอเห็นหลิงอี้กลับมา เธอจึงถามอย่างกระวนกระวาย “เสี่ยวจิ้งไปไหนแล้ว?”
“เธอไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
“เธอเป็นลูกสาวฉัน!” หลินเวยพูดอย่างโมโห
“คุณนายหลิน ผมยอมรับว่าปล่อยให้เวินจิ้งไป เป็นความเห็นแก่ตัวของผม แต่ว่าถ้ายังไม่บังคับเธออีก ก็มีแต่เธอจะเกลียดพวกคุณมากขึ้น”
“เธอไม่มีทางเกลียดฉันหรอก ฉันเป็นแม่แท้ๆ ของเธอ……”
หลิงอี้ขมวดคิ้ว เขาดูออกว่า ตอนนี้เวินจิ้งรู้สึกกับตระกูลหลิน นอกจากจะเกลียด ก็ยังกลัวด้วยไม่มีความรู้สึกอย่างอื่นอีกแล้ว
“ให้เธอสงบสติอารมณ์เถอะ ผมเชื่อว่า ช่วงนี้เธอคงจะยังไม่กลับไปดีกับมู่วี่สิงหรอก”
“เธอกลับไปที่หนานเฉิงแล้วใช่มั้ย? ฉันก็จะกลับไป” หลินเวยพูดอย่างกระวนกระวาย
แต่หลิงอี้รั้งเธอไว้ “เวลาของคุณปู่มีไม่มากแล้ว ช่วงนี้พวกเรา อยู่เป็นเพื่อนท่านเถอะ”
“แต่ว่า เสี่ยวจิ้ง……”
“เธอดูแลตัวเองได้”
“เธอจะดูแลตัวเองได้ยังไง! นายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ นายรู้ว่านายกำลังทำอะไรอยู่มั้ย? เธอเป็นภรรยาในอนาคตของนายนะ!” จู่ๆ ก็มีเสียงของหลินเจิ้นดังขึ้นมากอย่างโกรธมาก
“คุณปู่ ผมไม่อยากขังเธอไว้” หลิงอี้พูดเสียงเข้ม
“ถ้าหากเธอฟังที่ฉันพูดดีๆ ฉันก็ไม่ทำแบบนี้หรอก!” หลินเจิ้นสีหน้าขุ่นมัว
ทุกอย่างอยู่ในจุดที่เขาควบคุมไม่ได้แล้ว เขาจำเป็นต้องตัดใจทำตามแผนการ
“หลินเวย ไปพาเธอกลับมา ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!” หลินเจิ้นออกคำสั่งกับลูกสาว
หลินเวยขมวดคิ้ว เธอก็เห็นด้วยกับความคิดของหลิงอี้
ถ้าหากบังคับให้เธออยู่ต่อ จะทำให้เธอต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันพูดว่า ฉันอยากจะเจอหลานสาวของฉัน ตอนนี้พวกเธอจะไม่เชื่อฟังฉัน ใช่มั้ย?” หลินเจิ้นหรี่ตาอย่างเย็นชา
สำหรับคนที่ไม่แยแสเขาสองคนนี้ ยิ่งทำให้หลินเจิ้นยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
“คุณพ่อ ท่านใจเย็นก่อน อีกไม่นาน หนูจะไปพาเวินจิ้งกลับมาค่ะ” หลินเวยพูดปลอบ
“อีกไม่นาน มันนานแค่ไหน? ตอนนี้ปล่อยให้เธอกลับไปหนานเฉิง ไม่ใช่ว่าให้เธอกลับไปอยู่ข้างกายมู่วี่สิง?” หลินเจิ้นพูดอย่างโมโห
“ฉันไม่สนแล้ว พวกนายไม่ฟังฉัน งั้นฉันจะไปหนานเฉิงด้วยตัวเอง!” พอพูดจบ หลินเจิ้นก็สั่งพ่อบ้าน ออกเดินทางวันนี้
หลิงอี้ขมวดคิ้ว แล้วห้ามคุณปู่เอาไว้
“คุณปู่ ผมรับประกัน ว่าผมจะพาเธอกลับมาให้ได้”
หลินเจิ้นนิ่งไปสักพัก เขารักและให้ความสำคัญกลับหลิงอี้มากที่สุดมาเสมอ แต่เรื่องวันนี้ มันทำให้เขาผิดหวังมาก
“คุณปู่ ร่างกายของท่านไม่ควรจะเหนื่อย ที่ประเทศB ที่นี่มีหมอที่ดีที่สุด” เสียงของหลิงอี้ดูอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย
หลินเจิ้นก้มหน้า ร่างกายของเขา เขารู้ตัวเองดี
หมอบอกมาตั้งนานแล้วว่า การนั่งเครื่องบินนานๆ ต้องห้ามไว้ก่อน
“ฉันอยากจะรู้ความเคลื่อนไหวของหลานสาวฉันทุกวัน” หลินเจิ้นยอมประนีประนอม
“ผมจะรายงานคุณปู่เองครับ ไม่ต้องห่วง”
หลินเวยถอนหายใจ พอเห็นหลิงอี้ขึ้นห้องไป จงโทรหาเวินจิ้ง
แต่เวินจิ้งไม่ได้ปฏิเสธสาย
“คุณนายหลิน” น้ำเสียงของเวินจิ้งเรียบๆ แม้แต่ชื่อเรียกยังห่างเหิน
หลินเวยถอนหายใจ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวจิ้ง ฉันหวังว่าเรื่องนี้เธอจะไม่โทษพวกเรา คุณตาของเธอรักเธอมาก เขาอยากให้เธอหย่า เพราะไม่อยากให้เธอโดนมู่วี่สิงหลอกเอา”
เวินจิ้งอารมณ์ขุ่น คำพวกนี้ เธอได้ยินมาไม่น้อยแล้ว
แต่เธอไม่คิดว่าคนอื่นจะมีสิทธิ์มาแก้ไขปัญหาของเธอ
ถึงแม้จะเป็นคนใกล้ตัวเธอ ก็ไม่ได้
“พวกคุณวางใจ ฉันหย่าแล้ว” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
บนเครื่องบินเธอคิดถึงเรื่องมากมาย คิดถึงตอนแรกเริ่มของเธอกับมู่วี่สิง พวกเขาค่อยๆ รู้จักกันทีละนิดๆ
จนถึงเมื่อคืน เขายอมหย่า อย่างไม่ลังเล
เธอไม่มีทางรู้ได้ถึงความคิดของมู่วี่สิง แต่เธอยินดีจะเชื่อมัน เป็นเพราะต้องการช่วยเธอ เขาถึงยอมรับ
แต่สำหรับเธอแล้ว มันไม่ยุติธรรมเลย
เธอไม่มีสิทธิ์เลือกสักนิดเลย ก็โดนหย่าแบบนี้เลย
“เธอก็รู้ว่าเวลาของคุณตาเธอมีไม่มากแล้ว มีเวลาก็กลับมาเถอะ ตระกูล ก็ยังเป็นบ้านของเธอตลอดไป”