บทที่ 300 มันคือรสชาติที่เธอตกหลุมรัก
เรื่องที่มู่วี่สิงกับเวินจิ้งหย่ากันข่าวยังไม่ได้แพร่ที่หนานเฉิง ตอนที่อั้ยเถียนโทรศัพท์หาเธอถึงเพิ่งได้ยินเธอพูดขึ้น
แถมเธอกับมู่วี่สิงไม่ได้เจอกันมาครึ่งเดือนแล้ว
ความสัมพันธ์การแต่งงานของเธอกับมู่วี่สิงก็จบลงแล้ว ระหว่างพวกเขา ก็เหมือนไม่มีความสัมพันธ์กันแล้วจริงๆ
“จิ้งจิ้ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอเพิ่งจะมาบอกฉัน! หย่า? นี่เธอบ้าหรือว่ามู่วี่สิงบ้ากันแน่”
“พวกเราไม่ได้บ้า”
เวินจิ้งบอกเรื่องที่เกิดขึ้นของตระกูลหลินให้อั้ยเถียนฟัง
ถ้าหากว่ามู่วี่สิงทำเพราะไม่ให้เธอเป็นอันตรายจึงหย่า งั้นทำไมหลังจากหย่าแล้ว เขาไม่มาหาเธอล่ะ?
หรือว่า เขายอมรับว่าหลังการหย่า พวกเขาก็ควรแยกกันไปเลย
ดังนั้น เขาก็ยอมรับความจริงนี้แล้วเหรอ?
มีแค่เธอ ที่ยังหมกมุ่นกับความสัมพันธ์นี้
เวินจิ้งหัวเราะแห้งๆ “เถียนเถียน ฉันไม่คิดเลย ว่าเราจะหย่ากันแล้วจริงๆ ”
“จิ้งจิ้ง เธอร้องไห้เหรอ?”
น้ำตาที่อยู่ข้างในลึกๆ ก็เริ่มไหลออกมา อั้ยเถียนลุกลี้ลุกลุนขึ้น
เธอรู้จักเวินจิ้งมาตั้งหลายปี แต่ก็ไม่เคยเห็นเธอร้องไห้เลยสักครั้ง
เธอในตอนนี้ร้องไห้เพราะมู่วี่สิง
เวินจิ้งสูดหายใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
เธอคิดว่าหลังจากกลับมาที่หนานเฉิงแล้ว ระหว่างเธอกับมู่วี่สิงจะกลับไปเป็นเหมือนตอนแรก แต่ว่าไม่มี
เขาไม่ได้ติดต่อเธอ และก็ไม่ได้มาหาเธอ
ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ ไม่แน่ เธออาจจะเสียเขาไปตลอดกาลแล้วก็ได้
“จิ้งจิ้ง เธอไปหามู่วี่สิงแล้วถามให้ชัดเจน ดีมั้ย?” อั้ยเถียนพูดอย่างกระตือรือร้น
พอรู้ว่าไม่กี่วันนี้เวินจิ้งเอาแต่คลุกตัวอยู่ในบ้าน ทำให้อั้ยเถียนยิ่งเป็นห่วง
“ไม่ใช่ว่าเขาเซ็นต์ใบหย่าไปแล้วเหรอ……” เวินจิ้งบ่นพึมพำ
“แต่ว่า นั้นมันสถานการณ์บีบบังคับ ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย คุณหมอมู่ชอบเธอขนาดนั้น เขาคงไม่หย่ากับเธอหรอก” อั้ยเถียนพูดปลอบ
เวินจิ้งหัวเราะอย่างเจ็บปวด “เขาพูดเอง ว่าไม่มีทางชอบฉัน จะมีสักวันที่เขาจะหย่ากับฉัน แต่แค่วันนั้น มาเร็วไปหน่อย”
“เขาพูดเธอก็เชื่อเหรอ? ตาสองข้างของฉันมองออกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามู่วี่สิงเขาชอบเธอ เธอลุกขึ้น เดี๋ยวนี้ แต่งตัวแต่งหน้า ไปหาคุณหมอมู่!” อั้ยเถียนพูดสั่ง
ถ้าหากเธออยู่ที่หนานเฉิง จะต้องพาเวินจิ้งไปหามู่วี่สิงต่อหน้าเอง
ทำให้เพื่อนสนิทของเธอน้อยใจได้ยังไง!
“หึ ฉันไม่ไปหาเขา ฉันไม่ไป!” เวินจิ้งเหวี่ยงใส่
ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะไปเจอหน้ามู่วี่สิงได้ยังไง อยู่ต่อหน้าเขา ยิ่งไม่อยากแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา
บางครั้งคิดดู หย่าแล้วก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้อีกต่อไป
จะได้ไม่ต้องชอบเขาต่อไป
แต่ว่าทำไมพอคิดว่าจะไม่ชอบเขาแล้วจริงๆ ในใจก็เจ็บปวด รู้สึกแย่จนอยากจะร้องไห้
ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เวินจิ้งบังคับมันได้ยาก
“เวินจิ้ง ตอนนี้ฉันขอสั่งเธอ ไปหามู่วี่สิง! ถามให้ชัดเจน ว่าจะกลับมาแต่งงานมั้ย!”
เวินจิ้งเริ่มมึน กลับมาแต่งงานกัน? ได้ด้วยเหรอ?
“เถียนเถียน ถ้าหากให้โอกาสฉันอีกครั้ง ฉันจะไม่แต่งงานกับเขา” เวินจิ้งค่อยๆ ตั้งสติได้
เธอกับมู่วี่สิงที่จริงแล้วเหมือนอยู่กันคนละโลก ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นยิ่งไม่เล็กเลย
ถึงจะรู้ว่ามันอยู่ไม่ไกล แต่จะดีกว่าที่จะไม่ไปแตะมัน
“แต่ว่าตอนนี้เธอแต่งงานกับเขาแล้ว มันเป็นพรหมลิขิตของพวกเธอ! เข้าใจมั้ย! ฉันรู้ว่าเธอกลัวอะไร แต่ว่าเชื่อฉัน มู่วี่สิงชอบเธอแน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเธอทั้งของคนรักกัน!”
เวินจิ้ง : ………
“จิ้งจิ้ง ถ้าวันนี้เธอไม่ไปหามู่วี่สิง ก็เท่ากับว่าเธอไม่ใช่เพื่อนฉัน เธอคิดดีๆ แล้วกัน!”
พูดจบ อั้ยเถียนก็วางสายไปดื้อๆ
เวินจิ้งตาตก มองตัวเองในกระจก และเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางโดยไม่เต็มใจ
ในหัวก็คิดแต่คำพูดของอั้ยเถียน เธอจึงเริ่มแต่งหน้า
หลังจากนั้นสองชั่วโมง เธอก็ยืนอยู่หน้าการ์เด้นมูเจียวาน
ตอนนี้เป็นสุดสัปดาห์ มู่วี่สิงน่าจะอยู่ที่นี่มั้ง?
คิดแบบนี้ แล้วเธอก็เปิดประตูอย่างเคยชิน
ประทับใจกับรูปแบบการตกแต่งที่คุ้นเคย ทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด
สาวใช้จะทำความสะอาดทุกวัน ทุกที่สะอาดสะอ้านเหมือนใหม่
ก็แต่ในอากาศ ไม่มีกลิ่นของมู่วี่สิง
เขาไม่อยู่
ใจของเวินจิ้งเต้นขึ้นๆ ลงๆ แล้วเดินเข้าห้องนอนไป เธอนอนลงบนเตียง พยายามสัมผัสถึงลมหายใจของมู่วี่สิง
แต่ว่า อะไรก็ไม่มีเลย
เขาคงจะไม่ได้กลับมานานแล้ว
ตาค่อยๆ ปิดลง เวินจิ้งจึงหลับไป
จนกระทั่งค่อยๆ ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น มีเงาของร่างสูงผลักประตูเข้ามา
เงาของผู้ชายนั่งลงบนเตียงเงาที่ผอมบางนั้น ภายใต้สายตาความหลงใหลและเอ็นดู แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เข้ามาใกล้ทีละก้าวๆ เขาหยุดลงข้างๆ เธอ
เวินจิ้งได้ยินเสียงฝีเท้านานแล้ว แต่ว่า ไม่อยากลืมตา
อยู่ๆ ที่เอวก็มีท่อนแขนมาโอบไว้ เธอรู้สึกได้ถึงร้องออกมาอย่างตกใจ เงยหน้า แล้วจึงสบตาเข้ากับมู่วี่สิงพอดี
ครึ่งเดือนเต็มๆ เขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็เหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยน
ยังคงเป็นร่างหนา ใบหน้าที่งดงาม คิ้วที่ดูแมน ดูเหมือนว่าทุกที่จะถูกพระเจ้าแกะสลักอย่างประณีต
หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เวินจิ้ง กลับมาแล้วทำไมไม่บอกฉัน” เสียงเข้มๆ ของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น
เธอได้ยินที่เขาเรียกเธออย่างชัดเจน มันไม่ใช่คุณนายมู่แล้ว
“ฉันแค่กลับมาเอาของนิดหน่อย” เธอหันหน้าหนี ความผิดหวังบนใบหน้าก็หายไปอย่างเร็ว
พอพูดจบ จึงหยิบกระเป๋ามา แต่ว่าจะหยิบของอะไร เธอก็ไม่รู้
ของที่นี่ทั้งหมดล้วนเป็นของที่มู่วี่สิงซื้อให้ แม้แต่เสื้อผ้า มันคือเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่มู่วี่สิงให้จัดส่งมาจากห้างสรรพสินค้า แต่ของทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ของของเธอแล้ว
มันเป็นของคุณนายมู่ในอนาคต
เวินจิ้งหัวเราะแห้งๆ ทำได้แค่หยิบพาวเวอร์แบงค์ขึ้นมา
“พาวเวอร์แบงค์อันนี้ สำคัญมากเหรอ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว ดูความเคลื่อนไหวที่เล็กน้อยของเธอ
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก “อืม สำคัญมาก”
พูดจบ ก็เตรียมจะเดินผ่านเขาออกไป
แต่มู่วี่สิงขวางเธอไว้
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ จึงสบตาเข้ากับมู่วี่สิง
สายตาของเขามันช่างลึกซึ้งจนเธอมองไม่ออก
“กลับมา หาฉันใช่มั้ย?” มู่วี่สิงมองเธอออก
“นายคิดมากไปและ” เวินจิ้งผลักเขาออก
แต่ว่าผลักไม่ไป แต่กลับโดนเขาจับข้อมือไว้ ทันใดนั้น ทั้งร่างของเธอถูกเขากอดเอาไว้ในอ้อมแขน
ลมหายใจของเขา ยังคงคุ้นเคย
เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึก สักพักนึง ถึงจะใช้แรงดิ้น
แต่มู่วี่สิงบีบคางเธอไว้แล้ว จากนั้นก็ดันเธอเข้ากำแพง เธอไม่มีทางหนีแล้ว
“คุณมู่ คุณปล่อยฉันนะ!”
“คุณมู่?” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชาลง เขาไม่พอใจกับคำที่เวินจิ้งใช้เรียกเขา
นิ้วเรียวใช้แรงบีบแน่น ขณะนั้นเวินจิ้งเจ็บจนรอบตาเธอกลายเป็นสีแดง
เธอหลบตาเขา
แต่มู่วี่สิงไม่ให้ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น
“คุณนายมู่ ไหนลองพูดอีกทีสิ ว่าฉันเป็นใคร?” ผู้ชายคนนี้พูดเสียงเข้มน้ำเสียงแฝงไปด้วยความอันตราย
เวินจิ้งหน้าซีด เขา……
เธอหัวเราะอย่างเย็นชา “คุณมู่ลืมไปแล้วเหรอ พวกเราหย่ากันแล้ว พวกเราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว”