ตอนที่ 324 เธอรู้สึกได้ถึงความกลัวของเขา
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถเก๋งได้เข้าจอดตรงหน้าประตูศาล
เมื่อได้เห็นเวินจิ้งและมู่วี่สิงลงมาจากรถ มู่ซือซือก็หยุดดรถเข็นของเธอ
แต่พี่ชายของเธออยู่ที่นั่นด้วย เธอจึงไม่ได้แสดงอาการโกรธ
เพียงแต่ ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
เวินจิ้งก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอ เดินมุ่งตรงเข้าไปยังศาล มู่ซือซือมองไปยังพี่ชายโดยไม่พูดจาใดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ค่อนข้างจะเข้าใจเหตุผลภายในใจของพี่ชาย
“พวกคุณไม่ควรจะมาหย่ากันปลอมๆแบบนี้นะ” มู่ซือซือปริปากพูดออกมา
ได้ยินแบบนั้น มู่วี่สิงกระดกคิ้ว “เรื่องหย่าหนะเรื่องจริง แต่คุณนายมู่ก็มีแค่เขา”
………
ไม่ทันจะถึงหนึ่งชั่วโมง การไต่สวนก็เสร็จสิ้น เพื่ออานเวยแล้ว มู่วี่สิงจัดหาทนายความที่ดีที่สุดของเมืองหนานเฉิงให้จัดการเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดศาลก็ตัดสินให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลาห้าปี
มู่ซือซือเริ่มหน้าซีด บทสรุปแบบนี้ เธอไม่สามารถยอมรับมันได้
“พี่ไม่มีวิธีการอื่นแล้วจริงๆเหรอ… แม่จะไปอนู่ที่นั่นได้ยังไงตั้งห้าปี…..” มู่ซือซือรู้สึกสะเทือนใจ
มู่วี่สิงประคองเธอนั่งลงบนรถเข็น ขมวดคิ้วพูดออกไป “นี่เป็นบทสรุปที่ดีที่สุดแล้วหละ”
“พี่…..” มู่ซือซือคว้าแขนเสื้อของพี่ชายเอาไว้ แล้วมองไปยังแม่ที่กำลังถูกพาตัวไป เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ไม่ไกลกันนั้น มู่เฟิงและเย่ซินก็เข้ามา
มู่ซือซือมองไปยังพ่อที่มีจิตใจเลือดเย็น เธอก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นทันที
เธอยกมือของเธอขึ้น แล้วหยิบพัดขึ้นมาใส่หน้าของเย่ซินอย่างแรง
“แย่งสามีชาวบ้าน แกยังมียางอายอยู่อีกเหรอ” สายตาอันเยาะเย้ยของมู่ซือซือแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“มู่ซือซือ!” มู่เฟิงจับข้อมมือจองเธออย่างเยือกเย็น เพื่อหยุดการกระทำของเธอ
เขาพาเย่ซินเข้ามาไว้ในอ้อมกอด สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ “มู่ซือซือ แกวุ่นวายพอหรือยัง!”
“ฉันต้องการจะวุ่นวาย คุณส่งแม่ฉันเข้าไปอยู่ในคุกก็เพื่อจะแต่งงานกับนางผู้หญิงคนนี้ จิตสำนึกของคุณไม่มีเหลือแล้วหรือไง มู่เฟิง สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดในตอนนี้ก็คือการที่ต้องมีเลือดของคุณอยู่ในตัว!” มู่ซือซือเริ่มตีโพยตีพาย รู้สึกเหมือนความอดกลั้นที่มีมันแตกสลายไปหมดแล้ว
มู่เฟิงพูดไปอย่างเคร่งเครียด “ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันก็ยังเป็นพ่อของแก นี่คือความจริง!”
“คุณไม่ใช่……ฉันตัดความสัมพันธ์กับคุณไปตั้งนานแล้ว……” มู่ซือซือก้มหน้าร้องไห้
“ซือซือ” เมื่อเห็นมู่ซือซือเป็นเริ่มที่จะทำร้ายตนเอง มู่วี่สิงจึงคว้าข้อมือของเธอไว้แล้วพาเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน
“พาน้องสาวของแกออกไป อย่าให้มันมาทำขายหน้าที่นี่!” มู่เฟิงพูดอย่างหนักแน่น
“โอ้ย ฉันเจ็บหน้าจังเลย….” เสียงของผู้หญิงในอ้อมแขนร้องดังขึ้นมา
จิตใจของมู่เฟิงตอนนี้อ่อนไหวไปหมด พูดปลอบไป “อย่าร้อง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็เข้าคุกไปแล้ว เดี๋ยวผมก็ไปจดทะเบียนสมรสกับคุณแล้วนะ”
“เหอะ ยังคิดจะจดทะเบียนกันเหรอ! ฝันไปเถอะ ทั้งชีวิตของผู้หญิงคนนี้ไม่มีวันได้รับการยอมรับจากตระกูลหมู่หรอก” มู่ซือซือพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตอนนี้ เย่ซินยิ่งร้องไห้แสดงความเสียใจ
“มู่ซือซือ แกหุบปากเดี๋ยวนี้!”
“มู่เฟิง รีบพาผู้หญิงของคุณออกไปเถอะ อย่าให้มีผลกระทบต่ออารมณ์ของซือซือเลย” มู่วี่สิงพูดไปอย่างเยือกเย็น ออร่ารอบตัวเขาเต็มไปด้วยความมืดมน
“พวกแกสองพี่น้อง……”
“มู่เฟิง ไปให้พ้น” สีหน้าของมู่วี่สิงเริ่มจะหมดความอดทน คำพูดเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
มู่ซือซือไม่ได้เห็นพี่ชายของเธอโกรธแบบนี้มานานมาก ปกติแล้วเขาเป็นคนที่ดูอ่อนโยน แต่ลึกๆข้างในแล้วก็ดูอันตรายน่ากลัว ซึ่งเธอเคยเห็นมาแล้ว
“พวกแกสองพี่น้องแน่มาก! ฉันจะคอยดูว่าพวกแกจะอวดเก่งกันไปได้อีกนานแค่ไหน!” จากนั้นมู่เฟิงก็พาเย่ซินออกไป
“วันหลังก็อย่าไปทะเลาะกับเขาอีก ฉันไม่อยากให้น้องสาวชั้นโกรธ ฮื้ม” มู่วี่สิงก้มลงแล้วพูดอย่างอ่อนโยน
“ไม่ให้ฉันโกรธได้ยังไง เพื่อเมียน้อยคนนั้นแล้ว เขาทำกับแม่แบบนี้…….”
มู่วี่สิงพูดอย่างลุ่มลึก “ใครทำร้ายเธอ พี่ก็ไม่มีทางจะปล่อยพวกเขาไป”
ด้านหลังประตู เวินจิ้งได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เช่นกัน
เมื่อกำลังจะกลับ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเดินผ่านมู่วี่สิง
แต่เธอไม่ต้องการพบหน้าเขา
เธอหันกลับ เวินจิ้งเดินไปห้องน้ำ ไม่นานมู่ซือซือก็เข้ามา
ดวงตาของทั้งสองจ้องมองกันผ่านกระจกที่อยู่เบื้องหน้า
เวินจิ้งไม่ได้แสดงอาการใดๆออกไปแล้วหันหัวกลับ
“พี่ชายของฉันยังคิดถึงเธออยู่” เสียงอันเยือกเย็นของมู่ซือซือก็ดังขึ้นมา
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “ฉันกับมู่วี่สิงไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“เขาเพิ่งจะรับเธอมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ ดูแล้วพวกเธอจะเลิกกันแล้ว แต่ความรู้สึกของพวกเธอยังดีมากอยู่เลยนะ” มู่ซือซือเห็นเวินจิ้งแล้วแต่ก็ไม่ได้โกรธมากมายอะไร
จริงๆแล้วเป็นเพราะเธอเชื่อฟังพี่ชายของเธอ
“เธอคิดมากไปแล้ว” เวินจิ้งล้างมือเสร็จก็เดินออกไป
เวลานี้ มู่ซือซือต้องการที่จะลุกขึ้นไปนั่งบนชักโครก ทันใดนั้นเท้าของเธอก็ได้ลื่น ทั้งตัวล้มลงไปกับพื้น
เมื่อได้ยินเสียงของความเคลื่อนไหวนั้นเวินจิ้งก็ได้หยุดเดิน จึงได้ยินเสียงร้องของความช่วยเหลือ “มีใครอยู่บ้าน….”
เวินจิ้งเดินเข้ามาทันที มู่ซือซือนั่งอยู่บนพื้นที่เปียกชุ่ม เธอสวมกระโปรงยาว ซึ่งตอนนี้มันได้เผยให้ขาเทียมที่ขา
เธอคว้าข้อศอกของเวินจิ้งไว้ แต่ตอนนี้มู่ซือซือยากที่จะลุกขึ้นยืนได้ เวินจิ้งจึงรีบไปเข็นรถเข็นเข้ามา
แต่ตอนนี้มู่ซือซือมีบาดแผลเลือดออก เธอรู้สึกปวดจนหน้าซีด
“ไปโรงพยาบาล” เธอพูดออกไปอย่างเจ็บปวด
เธอไม่สนใจอะไรแล้ว แม้ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าเธอคือเวินจิ้ง
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตรวจดูอาการของมู่ซือซือ และเข็นเธอออกมาด้วยความกังวล แต่มู่วี่สิงไม่อยู่ เธอจึงรีบโทรศัพท์หาเขา
“เวินจิ้ง” รับสายแล้วพูดด้วยเสียงโทนต่ำ
“มู่ซือซือลื่นล้มในห้องน้ำ มีบาดแผลฉีกด้วย ต้องไปโรงพยาบาล ต้องไปโรงพยาบาลทันที” เธอพูดอย่างร้อนรน
มองไปยังเลือดที่ขาของมู่ซือซือ ทำให้รู้สึกตกใจมาก
เวินจิ้งขมวดคิ้วแน่น
“ฉันกำลังไป”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ เวินจิ้งก้มตัวลงดูที่ขาของมู่ซือซือ ขาของเธอถูกตัดออก เมื่อเห็นเวินจิ้งมองแบบนั้น เธอจึงรีบนำกระโปรงมาปิดทันที
“อย่าคิดว่าเธอช่วยฉันแล้ว ฉันจะอภัยให้เธอ” มู่ซือซือทำหน้านิ่ง
สีหน้าของเวินจิ้งยังคงนิ่งเฉย “ฉันก็ไม่ได้คิดจะให้เธอมาวางอคติที่มีต่อฉัน”
มู่วี่สิงเข้ามาอย่างเร่งรีบ อุ้มมู่ซือซือลงจากอาคาร โดยมีคนขับรถได้ขับรถมารอไว้แล้ว
เวินจิ้งเดินตามอยู่ข้างหลัง มู่วี่สิงวางตัวมู่ซือซือลง แล้วหันมาพูด “มาช่วยฉันหน่อย”
ยังไม่ทันได้ตอบอะไร มู่วี่สิงก็จับมือของเธออย่างไม่ทันพูดอะไรแล้วพาเธอขึ้นรถ
บนรถ มู่วี่สิงได้ทำแผลฉุกเฉินให้กับมู่ซือซือ โดยมีเวินจิ้งคอยช่วยอยู่ข้างกาย
มู่ซือซือขัดขืนเล็กน้อย จ้องมองอย่างระวัง
มือของเธอปัดป้องเวินจิ้ง “ฉันไม่อยากอยู่กับเธอ”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว น้ำเสียงเริ่มตวาดขึ้นเล็กน้อย “มู่ซือซือ อย่าวุ่นวาย”
เวินจิ้งเหล่ตามอง ใช้มือกดลงบนแผลของมู่ซือซือเบาๆ ตอนนี้เธอเจ็บจนน้ำตาไหลออกมา
“น้องมู่ ฉันขอเตือนให้เธอเชื่อฟังหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะทำอะไรลงไป”
“แก…….” มู่ซือซือหันไปยังมู่วี่สิง “พี่ ดูผู้หญิงคนนี้สิ!”
มู่วี่สิงยกมุมปาก “ซือซือ เชื่อฟังสิ”
ไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ความอดทนของมู่ซือซือในตอนนี้ดีมาก แม่ว่ามันจะเจ็บ แต่ก็สามารถอดทนได้
มองดูเธอถูกพาเข้าไปยังห้องตรวจ มู่วี่สิงก็ถอนหายใจด้วยความวางใจ
มือของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทาไปทั้งร่าง
เธอรู้สึกได้ถึงความกลัวของเขา
เวินจิ้งเผลอจับมือของมู่วี่สิง โดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อนึกขึ้นได้และต้องการจะเอาออก เขาก็ได้จับมือเธอเอาไว้แล้ว