บทที่331 ส่งคนไปปกป้องตลอดเวลา
“พี่ พี่บ้าไปแล้วเหรอ ไม่ต้องหาแล้ว พี่หาเจอแล้วมันจะทำไม! ”
“พี่ก็จะติดมัน มู่ซือซือ ออกไปเดี๋ยวนี้ ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นไปถึงกระดูก
มู่ซือซืออยู่ที่เดิมไม่ไหวติง มองสายตาของพี่ชายแล้วน้ำตาค่อยๆไหลออกมา
“พี่ ไม่ต้องหาแล้ว……”
แต่เธอก็ห้ามมู่วี่สิงไม่ได้
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดมู่วี่สิงก็หารูปภาพที่ถูกตัดขาดไปได้ทุกใบ และค่อยๆต่อทีละใบ
มู่ซือซือนั่งอยู่บนวีลแชร์ ไม่เข้าใจการกระทำของพี่ชายตัวเอง
ถึงแม้สุดท้ายรูปจะต่อกลับมาสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังมีรอยขาดหลงเหลืออยู่
มู่วี่สิงใส่ไว้ในกรอบรูป หันกลับไปมองสู่ซือซือ แล้วพูดเตือน “อย่าแตะต้องเธอ ”
น้ำเสียงที่เข้มงวดและเย็นชาของเขาทำให้เธอตกตะลึง
“พี่ชอบเธอมากขนาดนั้นเลย? ”
คำถามของมู่ซือซือไม่มีคำตอบกลับมา แต่มองเห็นรูปภาพที่ซ่อมติดกันขึ้นมาใหม่ใบนั้น เธอก็เข้าใจแล้ว
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
สามวันก่อนวันประชุมผู้ถือหุ้น คนในสำนักงานใหญ่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปรู้สึกหวาดผวามาก
ช่วงนี้มีข่าวว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ราคาหุ้นตกต่ำมากและการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งต่อไปก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงบุคลากรครั้งสำคัญ
มู่เหิงกลับมาอย่างกะทันหัน เกรงว่าจะใช้มู่วี่สิงเพื่อที่จะได้รับช่วงต่อของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เรื่องนี้แพร่หลายในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตั้งนานแล้ว
เอาข่าวลือช่วงนี้ไปแถลงเรื่องมู่วี่สิง ผู้ชายก็นิ่งเงียบไม่ตื่นตระหนกใดๆ
“ช่วงนี้เวินจิ้งเป็นยังไงบ้าง? ”
“ภรรยา……คุณผู้หญิงเวินช่วงนี้เรียนค่อนข้างยุ่ง แต่ว่าการค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ยาของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปและมหาวิทยาลัยหลินไห่ เธอก็เข้าร่วมแล้ว ”
เรื่องนี้มู่วี่สิงเห็นด้วยอย่างเงียบๆ
“อืม ส่งคนไปปกป้องเธอตลอดเวลา เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของมู่เหิงต่อไป ”
……
สุดสัปดาห์ เวินจิ้งและเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกสองคนมาที่ห้องทดลองของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
นอกเหนือความคาดคิดก็คือ มู่วี่สิงก็อยู่
เขาสวมชุดทดลองทั้งตัว ถึงแม้จะใส่หน้ากาก แต่ว่าเงาหล่อเหลาของเขาก็แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจน
เวินจิ้งรีบเลื่อนสายตาอย่างรวดเร็ว
มีผู้ช่วยพาเขามาเข้าชม และสั่งงานเรื่องเรียน แต่ศาสตราจารย์ไป๋ได้สั่งการบ้านกับเธอตั้งนานแล้ว
ในเวลานั้น มีเสียงของมู่วี่สิงส่งผ่านมาจากด้านหลัง
“เวินจิ้ง คุณมากับผม ”
ผู้ช่วยรีบพาเพื่อนร่วมชั้นเรียนผู้ชายอีกสองคนออกไปที่ห้องทดลองอื่น ตรงนี้ ก็มีแค่เวินจิ้งกับมู่วี่สิงแล้ว
“ประธานมู่ ” เวินจิ้งน้ำเสียงนอบน้อมเคารพ
“ทำการทดลองนี้ให้เสร็จ ” มู่วี่สิงยื่นเอกสารมาให้
เวินจิ้งมองดู คือทำการทดลองยาตัวหนึ่ง แต่ก่อนเธอเคยทำ นับว่าง่ายสำหรับการเริ่มต้น
แต่ว่าปฏิกิริยาการขับไล่ของยาตัวนี้ถือว่าแรงอยู่พอสมควร เวินจิ้งเจอปัญหายากแล้ว
ในจิตใต้สำนึก เธอก็มองมู่วี่สิงแวบหนึ่ง
เขาหันหลังให้เธอ ปลายนิ้วถือหลอดทดลองไม่รู้ว่าตรวจสอบอะไรอยู่ สีหน้ามุ่งมั่นจิตใจจดจ่อ
“เป็นอะไร? ”
เหมือนกับมีดวงตาด้านหลัง มู่วี่สิงถามเสียงต่ำ
“สถานการณ์อย่างนี้จะจัดการยังไง? ” เวินจิ้งถามเสียงต่ำ
เมื่อตอนที่มู่วี่สิงเดินมา ร่างกายผอมเล็กของเธอเหมือนถูกเขาโอบไว้ในอ้อมกอด ทั้งสองคนเข้าใกล้กันมากขึ้น
เมื่อนึกถึงเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีกสองคนที่อยู่ห้องทดลองข้างๆ เวินจิ้งรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และก็ผลักเขาออกไป
“ยังอยากให้ผมช่วยคุณไหม? ” เขาพูดเสียงต่ำ
“ไม่อนุญาตให้คุณเข้าใกล้ขนาดนี้ ” เวินจิ้งทำหน้าบึ้ง
เขาต้องจงใจแน่!
ได้ยิน มู่วี่สิงหัวเราะออกมาเบาๆ และถอยหลังออกไป
แต่ในวินาทีนั้น ของเหลวที่อยู่บนโต๊ะทดลองก็กลิ้งตกลงมาที่พื้น
เมื่อกี้คือมู่วี่สิงบังของเหลวพวกนี้เอาไว้ถึงได้เข้าใกล้มากขนาดนั้น……
เวินจิ้งยิ่งทำหน้าขรึมเข้าไปอีก เห็นเธอนิ่งอึ้งไป มู่วี่สิงก็ขมวดคิ้ว “รีบเก็บกวาดของพวกนี้ซะ ”
“ฉันรู้แล้ว ” เก็บกวาดตรงนี้เรียบร้อย เวินจิ้งก็ทำการทดลองต่อ แต่ก็เพิ่งพบว่าปัญหาเมื่อกี้มู่วี่สิงแก้ปัญหาให้เธอหมดแล้ว
แต่ว่า เธออยากรู้วิธีที่ทำอย่างละเอียด
“ประธานมู่ อธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม? ” เวินจิ้งมองเขาด้วยความหวัง
มู่วี่สิงยังคงทดลองอยู่ไม่หยุด อธิบายหลักการอย่างละเอียดให้เวินจิ้งฟัง
เวลาผ่านไปวินาทีและนาที ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว
ในห้องทดลองไม่มีมู่วี่สิง เวินจิ้งมองเวลา ก็ควรที่จะกลับได้แล้ว
ในตอนนี้ ประตูอีกด้านหนึ่งเปิดออก เป็นนักเรียนที่อยู่ห้องทดลองข้างๆออกมา แต่คนตรงกลางที่ถูกพวกเขาล้อมไว้ ก็คือมู่วี่สิง
นักเรียนทั้งสองคนถามคำถามมู่วี่สิงไม่น้อย เขาก็ค่อนข้างตอบอย่างมีความอดทน
แต่ว่าสายตา ส่งออกมาก็มาตกอยู่ที่ร่างกายของเวินจิ้งตลอด
เธอรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่รอลิฟต์นั้น ในใจก็หวังอยากจะให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนสองคนนั้นยื้อมู่วี่สิงไว้ตลอด
ตอนเผชิญหน้าเขา เธอยากที่จะทำใจให้นิ่งสงบ
ประตูลิฟต์เปิดออก เวินจิ้งเดินเข้าไป เสียงที่กลับไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหนพูดขึ้น “คุณเวิน? ”
เวินจิ้งเงยหน้ามอง มองเห็นมู่เหิง ที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ ” เธอพูดอย่างมีมารยาท
“ที่แท้คุณก็มาเข้าร่วมการวิจัยของหลินด๊า
“พูดไม่ได้ ฉันก็ยังคงเป็นนักเรียน แค่มีโอกาสที่จะเรียนก็แค่นั้น ” เวินจิ้งอธิบาย
“แต่ไหนแต่ไรมาบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่เคยมีตัวอย่างแบบนี้มาก่อน คุณก็รู้ว่าตัวเองยังเรียนไม่จบ ถ้าจะเข้ามาในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป คุณก็ยังมีคุณสมบัติไม่พอ ” มู่เหิงพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีนิดๆ
“เขาให้คุณเป็นกรณีพิเศษเยอะมากจริงๆ คุณว่าเขายังคงนึกถึงห่วงใยคุณที่เป็นภรรยาเก่าอยู่ไหม ”
“คุณชายมู่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว โอกาสนี้นักเรียนมหาวิทยาลัยหลินไห่มีสิทธิ์แข่งขันทุกคน ”
“แต่ว่าคุณเป็นนักเรียนใหม่ปริญญาโทปีหนึ่งคนเดียว นอกนั้น ก็เป็นนักเรียนที่ใกล้จะจบแล้ว ”เรื่องนี้มู่เหิงตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้ว
“ถ้าคุณชายมู่คิดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอ ก็สามารถบอกมู่วี่สิงให้ยกเลิกโอกาสของฉันก็ได้นะคะ ”
มู่เหิงหัวเราะ “ในเมื่อเขาวางแผนดูแลอย่างดีแล้ว ผมจะไปขัดขวางได้ยังไงละ ”
ลิฟต์ถึงแล้ว เห็นเวินจิ้งเดินออกไปไกล สายตาที่เย็นชาของมู่เหิงค่อยๆแพร่ออกมา
กลับถึงโรงเรียน เวินจิ้งรับโทรศัพท์ของหลิงเหยา ให้เธอไปกินข้าวด้วยกัน
เวินจิ้งก็ยังไม่กินข้าวพอดี เลยไปที่ร้านอาหาร กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงอี้ก็อยู่
“เป็นอะไร เหมือนไม่อยากเจอผม? ” หลิงอี้มองเห็นท่าทางที่คาดไม่ถึงของเวินจิ้ง
“ก็ไม่ค่อยอยากจริงๆ ” เวินจิ้งไม่ได้ปิดบังอารมณ์ของตัวเอง
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงเหยาก็ตาม
“คือพี่ชายฉันที่ให้ฉันนัดคุณออกมาเอง ” หลิงเหยายกมือขึ้น แสดงให้เห็นว่าเธอไม่มีความผิด
“ไม่เป็นไร สั่งอาหารเถอะ ” เวินจิ้งยิ้มๆ
แต่ว่าอาหารยังไม่มา หลิงเหยาก็รับโทรศัพท์แล้วรีบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งเผชิญหน้ากับหลิงอี้
“คุณนายหลินช่วงนี้ต้องเข้านอนที่โรงพยาบาลอีกแล้ว อีกสักครู่พวกเราไปเยี่ยมเธอ? ” หลิงอี้เอ่ยปาก
หลินเวยอยากที่จะปกปิดเรื่องอาการไข้ของตัวเอง แต่เขารู้สึกว่า เวินจิ้งมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนี้
“แม่เป็นอะไร? ”
“โรคคนแก่ ผลที่ตามมาจากอุบัติเหตุรถชนก่อนหน้านี้ ”
“ทำไมเธอไม่บอกฉัน ” เวินจิ้งเป็นห่วงจริงๆ
“คุณยังโกรธเธออยู่เหรอ อีกอย่างเธอไม่อยากรบกวนคุณ ” หลิงอี้ขมวดคิ้ว
“พวกเราไปตอนนี้เถอะ ”
โรงพยาบาลเหรินหมิน
หลินเวยเข้าโรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว เวินจิ้งเข้ามาในห้องผู้ป่วย ด้วยสีหน้าเป็นห่วง
หลิงอี้ไม่ได้เข้าไป อยู่ด้านนอก
“แม่ ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว เดินเข้าไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย
หลินเวยเพิ่งกินข้าว เห็นเวินจิ้งเข้ามา สีหน้าก็เคร่งขรึม
“ทำไมถึงไม่บอกเรื่องป่วยกับหนู ”