บทที่332 วิกฤติ
“ก็แค่เป็นไม่สบายนิดหน่อย อีกไม่กี่วันก็ออกโรงพยาบาลได้แล้ว ”
เวินจิ้งเปิดดูประวัติคนไข้ หลินเวยติดเชื้อแบคทีเรีย เกรงว่าน่าจะเป็นปัญหาการกินยาแต่ก่อนที่หลงเหลืออยู่
ผลตรวจสอบปัจจุบันเป็นไปในทางที่ดี นับว่ายังดี
แต่ว่าตอนนี้คงจำเป็นรอเฝ้าดูอาการที่โรงพยาบาล
“แป๊บหนึ่งหนูจะนัดตรวจสอบร่างกายให้แม่ ” เวินจิ้งไม่วางใจ
หลินเวยเผยรอยยิ้มที่ยากที่จะเห็นออกมา “เสี่ยวจิ้งอา เห็นลูกเป็นห่วงแม่ แม่ดีใจมากๆ ”
เวินจิ้งไม่ไหวติง สูดหายใจเข้าลึกๆ “แม่เป็นญาติหนู หนูก็ควรเป็นห่วง ”
“แม่คิดว่าลูกยังโกรธอยู่ ”
“อืม ยังโกรธอยู่นิดหน่อย ” เวินจิ้งไม่ปฏิเสธ
“อั๊ย ” หลินเวยถอดลมหายใจ “แค่ลูกยังเป็นห่วงแม่ ก็เพียงพอแล้ว ”
ด้านนอก ฉีเซินเพิ่งกลับมาจากการปฏิบัติงานนอกสถานที่ เห็นหลิงอี้ รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย
“ดูเหมือนว่าแม่ของผมจะสนิทคนนอกอย่างคุณมากกว่านะ ”
หลิงอี้พูดนิ่งๆ “ตอนที่คุณนายหลินเป็นลมล้มไป ผมอยู่ตรงนั้นพอดี ”
ตอนที่เวินจิ้งกำลังจะออกไปนั้น ก็เห็นฉีเซินพอดี
“แม่ผมเป็นไงบ้าง? ”
“สถานการณ์ตอนนี้ดีอยู่ ไม่ต้องห่วง ” เวินจิ้งพูดนิ่งๆ
พูดเสร็จ ก็เดินจากไป
“ผมไปส่งคุณกลับโรงเรียน ” เสียงหลิงอี้ดังขึ้นอยู่ข้างๆ
เวินจิ้งอยากจะพูดว่านั่งรถกลับเองก็ได้ ฉีเซินพูดแทรกว่า “เวินจิ้ง คุณรอผมแป๊บหนึ่ง ผมมีเรื่องที่อยากจะพูดกับคุณเป็นการส่วนตัว ”
“ส่วนตัว ” สองคำนี้ เป็นการบอกหลิงอี้อย่างสุดความสามารถ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มองไปที่หลิงอี้ “เดี๋ยวอีกแป๊บหนึ่งฉันก็กลับเองได้ ”
“ผมไม่วางใจ ”
“ที่นี่ห่างจากโรงเรียนไม่มาก ”
ที่จริงเวินจิ้งก็ไม่คิดที่จะรอฉีเซิน ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องพูดกับเขา
เดินออกจากโรงพยาบาล รถของหลิงอี้ยังคงยืนหยัดที่จะรอเธอ
เวินจิ้งขึ้นรถแท็กซี่ทางด้านหลัง กลับโรงเรียน เธอรีบที่จะกลับไปเขียนรายงานอีกมากมาย แต่ว่าก่อนที่จะพักผ่อนเธอก็ยังหาดูข่าวของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ไม่มีข่าวอะไรทั้งสิ้น
เธอก็เข้าไปดูราคาหุ้นโภคภัณฑ์ของวันนี้ ราคาหุ้นต่ำกว่าแต่ก่อนมาก
นอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา ในหัวสมองของเวินจิ้งก็ค่อยๆปรากฏใบหน้าของมู่วี่สิงขึ้นมา สะบัดไม่ออก
……
สามวันต่อมา บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ตอนเช้ามู่วี่สิงไม่ได้เข้ามา ประกาศยกเลิกการประชุมผู้ถือหุ้นไป
ผู้ถือหุ้นมากมายมากันหมดแล้ว มู่เหิงรีบลุกขึ้นมา “วันนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำครึ่งปีของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ไม่เคยเปลี่ยนวันมาก่อน ถ้ามู่วี่สิงไม่มา งั้นผมก็จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ”
เกาเชียนรีบวิ่งเข้ามา เปิดทีวีที่อยู่ด้านหน้า ด้านบนกำลังถ่ายทอดข่าวอยู่
วันนี้ วันนี้เป็นวันจำหน่ายยาตัวใหม่สามตัวที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปคิดค้นอย่างเป็นทางการ สำหรับข่าวที่ตีแผ่ออกไปนั้น ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปวันนี้เริ่มฟื้นตัวอย่างน่าอัศจรรย์
“ความหมายของประธานมู่ก็คือ รอให้ดูยอดขายของราคายาตัวนี้สักอาทิตย์หนึ่งก่อนค่อยประชุมก็ไม่สาย ”
“อะไร ที่แท้มู่วี่สิงก็หมายความว่าอย่างนี้? ยาประเภทแบบเดียวกันในท้องตลาดมีมากมาย เขายังคิดว่าเขาสามารถสงวนสิทธิ์ตลาดไว้เพียงคนเดียวได้เหรอ? ” มู่เหิงพูดไม่เพราะเธอ
“ผมแต่ว่าบอกความหมายของประธานมู่ การประชุมผู้ถือหุ้นเลื่อนไปอาทิตย์หน้า หวังว่าทุกคนจะรู้กันอย่างทั่วถึง ”
พูดเสร็จ เกาเชียนหมุนตัวกลับออกไป
ถึงแม้ผู้ถือหุ้นจะไม่พอใจ แต่ตอนนี้มู่วี่สิงก็ยังคงเป็นเสนาบดีผู้ควบคุมการบริหารอยู่ ตอนนี้ประธานคณะกรรมการบริหารมูเฉิงไม่อยู่ มู่วี่สิงก็มีอำนาจสิทธิ์ใหญ่ที่สุด คำพูดของเขาไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้
“ทุกท่าน ตอนนี้สถานการณ์บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ผมถือหุ้นมากกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ มีแค่ผมเท่านั้นที่จะรับตำแหน่งเสนาบดีผู้ควบคุมการบริหาร ถึงจะพาบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปพ้นขีดอันตรายได้! ” มู่เหิงนั่งลงที่นั่งผู้บริหารอย่างกะทันหัน ตั้งสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าทุกคน
“มู่เหิง ตอนนี้ประธานมู่ไม่อยู่ พวกเราก็ไม่มีทางที่จะตัดสินใจ ”
“เขาไม่มาเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้น ก็แสดงว่าสละสิทธิ์ตัวเอง……”
“ไม่ได้ๆ มู่เหิง ในเมื่อตอนนี้ยาตัวใหม่ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปวางขายแล้ว ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้นแล้ว งั้นก็รอสักระยะค่อยประชุมก็ได้ ”
ผู้ถือหุ้นรู้เรื่องการแย่งชิงในตระกูลมู่ แต่ว่าในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็ยังมีคนของมูเฉิงไม่น้อย แต่มูเฉิงให้สิทธิ์กลับมู่วี่สิงมา นี้ก็เป็นเหตุผลที่มู่วี่สิงยังคงยืนอย่างมั่นคงในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
สำหรับมู่เหิง ถึงแม้เขาจะเอาชนะอีกฝ่ายด้วยวิธีการทุกรูปแบบ แต่ว่าถ้าจะโค่นล้ม ยังไงก็คงต้องได้รับการยอมรับก่อน
แต่ว่าตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา
ผ่านไปไม่นาน ผู้ถือหุ้นค่อยๆทยอยออกไป มู่เหิงมองทีวี สายตาค่อยๆแพร่ความเย็นชาออกมา
เขาโทรศัพท์หาฉีเซิน “สำหรับเรื่องที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปออกยาตัวใหม่ ประธานฉีไม่ควรทำอะไรเลยเหรอ? ”
“คุณคิดว่าผมควรทำอะไร? ”
ฉีเซินขมวดคิ้ว ยาที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปพวกนี้ล้วนเป็นยาสมองและเส้นประสาท แต่ว่ายาประเภทนี้ที่ขายดีที่สุดก็เป็นของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป เขาก็ไม่กังวลอะไร
“ตอนนี้ยาประเภทที่เกี่ยวกับสมองและเส้นประสาทอยู่ในมือของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ป รีบเพิ่มแรงขายให้มากที่สุด ห้ามให้ยาของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยึดพื้นที่ในตลาดเด็ดขาด! ” มู่เหิงพูดอย่างเย็นชา
“เจอะเจอะ มู่เหิง ผมคิดว่าคุณเป็นคนของบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปของพวกเราซะแล้ว ”
มู่เหิงหัวเราะ “พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน ไม่ใช่เหรอ? ”
ตัดสายโทรศัพท์ ฉีเซินมองดูราคาหุ้นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปในช่วงนี้ สีหน้าท่าทางก็นิ่งสงบ
ในเวลานี้ ผู้ช่วยเดินมารายงาน ว่าฉินเฟยมาแล้ว
“ประธานฉี ข่าวของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปวันนี้คุณเห็นแล้วหรือยัง? ” ฉินเฟยนั่งลงตรงหน้าเขา
“อืม ”
“คุณยังนิ่งอยู่ หรือว่ายังไม่รู้สึกว่าตอนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้รับแรงกดดันแล้ว? ”
เธอศึกษาดูยาตัวนี้ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมาแล้ว และตามรายงานผลที่เธอทดลองมา ยาเหล่านี้เหนือกว่ายาที่ขายดีที่สุดของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปทุกด้าน
และในตอนนี้ มู่วี่สิงก็กำลังเอายาตัวนี้มาขายให้กับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
เธอสงสัยจุดประสงค์ของมู่วี่สิงมาตั้งนานแล้ว บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในขั้นวิกฤติแท้ๆ แต่กลับใช้สิทธิ์ที่จะทิ้งยาที่ขายดีที่สุดในราคาถูกนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะพลิกกลับขึ้นมายากกว่าเดิม
“แต่ว่าพวกยาเหล่านี้ ผมไม่เชื่อว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะพลิกกลับขึ้นมาได้ ”
แต่ว่าไม่กี่วันต่อมา บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปก็รู้สึกถึงความวิกฤติ
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือว่าร้านยา ยาของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเกือบจะผูกขาดตลาดทั้งหมด บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้เอายาที่ขายดีที่สุดมาจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ยอดขายลดลงมาก
ไม่ทันไร ข่าววงการบันเทิงก็รายงานยาตัวใหม่สามตัวของการค้นคว้าของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเต็มไปหมด ยาเหล่านี้มีความก้าวหน้าอย่างมากในการรักษาโรคทางระบบประสาท
ราคาหุ้นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็ยิ่งพลิกกลับขึ้นไปอีกเท่าตัว นักข่าวที่รอต่ออยู่ด้านนอกบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทุกวันนั้นเยอะมากจนนับไม่ได้ ล้วนที่อยากจะสัมภาษณ์มู่วี่สิง
เดิมทีบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในช่วงวิกฤต แต่ยาที่ออกมาใหม่กลับช่วยชีวิตเอาไว้ได้พอดี ทั้งยังทำให้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปบรรลุผลกำไรได้หลายเท่าตัว
ปัจจุบันนี้ มู่วี่สิงเป็นเสนาบดีการบริหารของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ทั้งยังถูกเรียกว่าพ่อมดทางธุรกิจ ผู้ชายที่วัยรุ่นนี้ ไม่เพียงแต่เป็นคุณหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และความสามารถด้านการค้าขายก็มีความเก่งกล้าพอๆกัน
เวินจิ้งดูรายงานต่างๆบนอินเทอร์เน็ต ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าตกใจออกมา
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจากวิกฤตเปลี่ยนเป็นปลอดภัยแล้ว บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปและบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ทั้งสองกำลังเจอวิกฤต ไม่พูดไม่ได้ว่า การรับมือของมู่วี่สิงนั้นฉลาดมากพอสมควร
“กำลังดูอะไรนะ? ” เมื่อตอนที่หลิงเหยากลับมา เวินจิ้งกำลังเหม่อลอย
ช่วงนี้เธอมักจะใจจดใจจ่อสนใจเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปดีขึ้นมาแล้ว แต่เธอก็เพิ่งค้นพบว่า ตัวเองเหมือนยิ่งไม่รู้จักมู่วี่สิงขึ้นไปอีก