บทที่345 ไม่อยากให้เขาไป
ผ่านไปไม่นานเกาเชียนซื้อโจ๊กกลับมา เวินจิ้งถึงได้ผลักมู่วี่สิงออก แก้มแดงเล็กน้อย
และในห้องผู้ป่วยไม่มีหลิงอี้แล้ว
“คุณเป็นคนส่งฉันมาที่นี่เหรอ? ” เวินจิ้งมองที่เขา
“อืม ” มู่วี่สิงตอบ และเปิดกล่องอาหาร
เวินจิ้งมองท่าทางของเขา ก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
ถ้ามู่วี่สิงไม่ได้มาค้นพบเธอ……เธอไม่กล้าที่จะคิดถึงผลที่ตามมา
แต่ว่า เขารู้ได้ยังไง?
“ทำไมตอนนั้นคุณถึงมาที่ห้องทดลอง? ”
“ห้องทดลองเกิดเรื่อง ผมก็ต้องมาดูด้วยตัวเอง ”
“แล้วเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆล่ะ? ” เวินจิ้งถามด้วยความกังวล
“เขาเลิกงานไปตั้งนานแล้ว ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
เวินจิ้งนิ่งเงียบไป งั้นก็หมายความว่า น่าจะมีคนจงใจที่จะขังเธอไว้ในห้องทดลอง
“เรื่องนี้เดี๋ยวผมไปตรวจสอบเอง คุณกินก่อนเถอะ ” มู่วี่สิงพูดอย่างอ่อนโยน
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มองมู่วี่สิง ลังเลที่จะพูด
เดิมที่คิดว่าตัดความสัมพันธ์กับเขาอย่างชัดเจน แต่มักจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น
“ขอโทษ ที่ทำเรื่องวุ่นวายมาให้คุณแล้ว ” เวินจิ้งพูดเสียงต่ำ
ถ้าสาเหตุของเรื่องนี้เป็นเธอ งั้นก็เกรงว่าจะสร้างปัญหาให้มู่วี่สิงและบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มองหน้าเวินจิ้ง สีหน้าเข้มงวด “ผมมีความสุขที่คุณสร้างปัญหาให้ แต่คุณก็ต้องปลอดภัยด้วย ”
เธอมองเห็นความกังวลในสายตาของมู่วี่สิง
เธอเม้มปาก ไม่ได้พูดออกเสียงมาตั้งนานแล้ว
ความหมายของคำพูดเขา เธอเข้าใจครึ่งหนึ่งไม่เข้าใจครึ่งหนึ่ง
“ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว ” เธอพูด
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ผมยอมรับไม่ได้แน่นอน ” มู่วี่สิงปล่อยเธอออก
เขาจะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้นั้นน้อยมาก นอกจากตอนที่ยากที่เก็บซ่อนไว้แล้วจริงๆ
ในตอนนี้ มากระทบเส้นความอดทนสุดท้ายของเขาแล้ว
เวินจิ้งใจสั่น ถามเสียงต่ำ “คุณยังเป็นห่วงฉันมากไหม? ”
มู่วี่สิงไม่ได้ตอบ นั่งลงข้างเธอ ตักโจ๊กขึ้นมาป้อนเข้าไปในปากของเธอ
เวินจิ้งมอง ยิงทำให้เธอเชื่อว่ามู่วี่สิงยังเป็นห่วงเธออยู่
“คุณกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ” เห็นมู่วี่สิงเก็บของเสร็จเรียบร้อยแต่ยังไม่จากไปไหน เวินจิ้งมองเขา
“โอเค ” พูดเสร็จ เขาก็รีบจากไปจากห้องผู้ป่วย
ในห้องผู้ป่วยมีไฟดวงเดียวที่เปิดอยู่ มีความมืดนิดหน่อย
รอบข้างเงียบสงบ เวินจิ้งได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตัวเองอย่างชัดเจน
ที่จริง ไม่อยากให้เขาไป
แต่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ เธอชัดเจนที่อยู่แล้ว
นอนพลิกตัวไปมา เวินจิ้งนอนไม่หลับ
และด้านนอก มู่วี่สิงยื่นอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ไม่ได้จากไปไหน
บ้านใหญ่ตระกูลมู่
มู่เหิงฟังคำรายงานของลูกน้อง สายตาดุเดือด
“ไอ้คนไม่มีประโยชน์! ” เขาเตะคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเข้าไปอย่างแรง
“ผมก็ไม่รู้ว่ามู่วี่สิงค้นพบได้ยังไง……”
มู่เหิงหรี่ตา “เป็นอย่างที่คิดไว้ เขายังเป็นห่วงภรรยาเก่าคนนี้มาก ”
“ตอนนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หรือว่า พวกเราจะลงมือกับเธอที่นั่นอีก? ” ลูกน้องพูดให้คำแนะนำ
“ไม่ได้ ตอนนี้มู่วี่สิงต้องระวังมากแล้วอย่างแน่นอน ถ้าไปโรงพยาบาลต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน ”
“งั้น……”
“ไสหัวไป ” มู่เหิงทำหน้านิ่งขรึม
คนที่อยู่ด้านหลัง ฉินเฟยเดินขึ้นมาข้างกายเขา
“ตอนนี้คุณควรที่จะเชื่อฉันแล้วหรือยัง มู่วี่สิงยังคงมีความรู้สึกหลงเหลือกับเวินจิ้งอยู่ ”
“คิดไม่ถึงว่าน้องชายของผมจะให้ความสำคัญกับความรักมาก รู้จุดอ่อนของเขาแล้ว งั้นก็ง่ายมากแล้ว ” มู่เหิงยิ้มหัวเราะเยาะ
“คุณวางแผนที่จะทำอะไรต่อไป? ”
“ตอนนี้หุ้นในมือของผมมีไม่น้อยแล้ว หุ้นที่คุณปู่ถือก็โอนให้น้องชายผมไปหมดแล้ว แต่ว่า หุ้นในมือที่ผมถืออยู่มีเยอะกว่ามู่วี่สิงแล้ว ขอแค่ขัดขวางคุณปู่ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะดึงเสนาบดีควบคุมการบริหารของเขาลงมาได้อย่างง่ายดาย ”
“แต่ว่าการประสบความสำเร็จของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปนี้ ล้วนเป็นการกระทำของมู่วี่สิง เกรงว่าผู้ถือหุ้นคนอื่นๆจะไม่ยอมให้คุณมาดำรงตำแหน่งเสนาบดีควบคุมการบริหาร ”
“เรื่องนี้ก็ต้องให้คุณช่วยแล้ว ”
มู่เหิงมองฉินเฟย
……
โรงพยาบาล
เวินจิ้งไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน ตอนตื่นขึ้นมานั้น หลิงเหยาก็มายืนอยู่ข้างเธอแล้ว
“คุณมาตอนไหน? ” เวินจิ้งขยี้ตาเบาๆ มองเธออย่างเบลอๆ
“เพิ่งมา……คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ทำไมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ? ” หลิงเหยาห้ามอย่างเป็นห่วง
ได้ยินอย่างนั้น เวินจิ้งก็นิ่งเงียบไป ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้พูดขึ้นมา “ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ห้องทดลองของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตัดไฟแล้ว ฉันก็ถูกขังไว้พอดี ”
“อะไรนะ? บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง? ”
หลิงเหยาขมวดคิ้ว คิดไปคิดมาแล้วพูด “คงไม่ใช่เรื่องคาดไม่ถึงใช่ไหม? ”
“ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ฉันก็ไม่เป็นไรแล้ว คุณไม่ต้องกังวล ” เวินจิ้งยิ้มๆ
มองดูรอบๆ กลับไม่มีแม้แต่เงาของมู่วี่สิง
สายตาของเธอมีความผิดหวังประกายออกมา
“เมื่อวานพี่ชายฉันมาแล้วใช่ไหม? ” หลิงเหยาถามอย่างสงสัย
เวินจิ้งนึกนึกดู เหมือนเมื่อวานตอนกลางคืนจะเห็นหลิงอี้อยู่
แต่ว่ามู่วี่สิงมาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นเขาอีกเลย
ในเวลานี้ เสียงก้าวเท้าดังออกมาจากด้านนอก หลิงอี้ถือกล่องข้าวเดินเข้ามา
“หิวแล้วใช่ไหม? ” บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่
ท้องของเวินจิ้งท้องขึ้นมาพอดี……
เธอไม่ได้กินอะไรมานานมากแล้ว
“รีบกินเถอะ ” หลิงเหยายิ้มๆ
ด้านนอก มีรถเก๋งสีดำมาจอดไว้ตรงทางเข้า
มู่วี่สิงได้ยินคำรายงานของเกาเชียน หลิงอี้ซื้อของมากมายมาให้เวินจิ้ง
และกล่องข้าวที่อยู่ข้างเขา เขาก็เอาทิ้งลงขยะในทันที
เกาเชียนมองดูbossอย่างตกใจ……
นี้เป็นอาหารที่ประธานมู่ต่อแถวมาตั้งนานเพื่อที่จะซื้ออาหารเช้ามาให้เวินจิ้ง……
“กลับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ” เขาสั่ง
เกาเชียนรีบพยักหน้า สตาร์ทรถออกไป
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
Amyผู้รับผิดชอบฝ่ายการวิจัยค้นคว้ายามาที่ห้องเสนาบดีผู้ควบคุมการบริหารตั้งนานแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมู่วี่สิงตรวจสอบออกมาหมดแล้ว เธอหลบหลีกความรับผิดชอบไม่ได้
มองมู่วี่สิงเดินเข้ามา เธอยิ่งลุกลี้ลุกลน
“ประธานมู่ ”
สีหน้ามองมู่วี่สิงเย็นชาอย่างมาก นั่งอยู่บนโซฟา ขาเรียวยาวนั่งไขว่ห้าง แพร่รังสีที่น่ากลัวออกมา
“อธิบายมา ”
สีหน้าของAmyขาวซีด พูดอย่างดื้อรั้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นเวลาหลังเลิกงาน ฉันคิดไม่ถึงว่าเวินจิ้งยังไม่ออกไป ”
“ใครสั่งให้เธอไปที่ห้องทดลองสามนั้น? ”
“ฉัน……”
“เหตุผล ”
“ต้องการน้ำยาทดลองพอดี ตอนนั้นเวินจิ้งกำลังช่วยฉันอยู่ ฉันก็เลยให้เธอไปเอา แต่ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะไปนานขนาดนั้นแล้วออกมาไม่ได้ ”
“อืม ไปทำการลาออกซะ ” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา
ได้ยินอย่างนั้น เบ้าตาของAmyก็แดงขึ้นมาทันที “ประธานมู่ เรื่องนี้ฉันไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ ห้องทดลองไฟดับนั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ใครก็ไม่รู้ว่าเวินจิ้งอยู่ในนั้น……”
“ในเมื่อคุณเป็นคนรับผิดชอบ ตอนนี้ห้องทดลองเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คุณไม่รู้จริงๆเหรอว่าต้องรับผิดชอบแบบไหน? ” มู่วี่สิงพูดเสียงต่ำ
เดินออกไปจากห้องเสนาบดีผู้ควบคุมการบริหาร มู่เหิงเดินออกมาจากลิฟต์ เห็นAmyที่กำลังร้องไห้อยู่ หยุดชะงักในทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
“ประธานมู่ไล่ฉันออกแล้ว แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ฉันไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ……”
“ในเมื่อประธานมู่ที่คำสั่งอย่างนั้นแล้ว ก็ต้องโทษว่าเธอนั้นโชคร้ายมากๆ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเวินจิ้งจงใจนะ? ”
“อะไรนะ? คุณว่าเวินจิ้ง……”
“ผมแค่พูดไปอย่างนั้น ” มู่เหิงฉีกยิ้มมุมปาก “คุณไม่รู้ ความสัมพันธ์ของเวินจิ้งกับมู่วี่สิงที่ไม่ได้ง่ายเหรอ?”