บทที่ 348 โจ๋งครึ่ม
“ผู้จัดการหลู่ ขอความกรุณาร่วมมือหน่อย ในเมื่อคุณอยู่มหาวิทยาลัยหลินไห่ ก็ควรปฏิบัติตามกฎของที่นี่นะคะ”
“กฎ เธอพูดกับฉันว่ากฎงั้นเหรอ” หลู่ชิงทำเสียงเย้ยหยัน “เธอกำลังกำกับและแสดงเองเพื่อจะช่วยสุภาพบุรุษอย่างคุณมู่ และทำลายห้องทดลองของพวกเรา ไหนหล่ะกฎเกณฑ์ของเธอ”
“ใช่ เป็นนักศึกษาที่ใช้แผนการได้ทุเรศจริงๆ”
“…………”
เพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบๆหลายคน ต่างก็ติดตามการสนทนาด้วยเช่นกัน
คำพูดเหล่านั้นล้วนเป็นถ้อยคำที่เหน็บแนบเวินจิ้ง
เธอก็เข้าใจในทันที
คนของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปต่างคิดว่าเธอตั้งใจจะขังตัวเองไว้เพื่อให้มู่วี่สิงมาช่วยชีวิตเธอ
แต่ในตอนนั้นเธอถูกขังอยู่ในสถานที่ที่มีก๊าซพิษ นาทีนั้นเป็นนาทีที่จะฆ่าเธอ!
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก สีหน้านิ่งลง “ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงมีอคติกับฉันขนาดนี้ แต่ถึงห้องทดลองถูกทำให้พัง ฉันก็เป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
“ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ ถ้าบาดเจ็บแล้วจะยืนอยู่นี่เหรอ”
“ความสัมพันธ์ของเธอกับคุณมู่ไม่ธรรมดา แค่ไปติดต่อกับคุณมู่เองเลยสิ” หลู่ชิงพูดอย่างเฉยเมย
“หรือพวกคุณอยากจะให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณมู่” น้ำเสียงของเวินจิ้งเริ่มนิ่งลึก “พวกคุณไม่ให้ความร่วมมือกับการทำงานของมหาวิทยาลัยหลินไห่ แม้แต่ยังใส่ร้ายเจ้านาย ฉันคิดว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ยอมให้มาเป็นพนักงานอย่างพวกคุณได้หรอกนะ”
เสียงของคนรอบข้างก็เงียบลงทันที ที่จริงแล้ว ไปถึงหูคุณมู่ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่
พวกเขาก็กล้าแค่ให้เวินจิ้งสะอึกก็เท่านั้น
“นี่คือเนื้อหาของวันนี้ เธอลองดูนะ” หลู่ชิงส่งเอกสารอย่างไม่เต็มใจ
เวินจิ้งรับมา และต้องเผชิญกับใบหน้าที่เหน็บแนม เป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดอยู่พักหนึ่ง
เมื่อเดินออกมาจากห้องทดลอง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และนั่งสงบลงครู่หนึ่ง
เมื่อเดินผ่านออฟฟิศของศาสตราจารย์ไป๋ เวินจิ้งจึงพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
แต่ดวงตาของไป๋สือนิ่งคมเป็นอย่างมาก และก็ได้สังเกตเห็นท่าทีที่ผิดปกติของเวินจิ้ง
“โย่ ใครกล้ามารังแกนักศึกษาของผม”
“ศาสตราจารย์ ไม่มีใครรักแกฉันหรอกค่ะ” เวินจิ้งส่งรายงาน
“ผมได้ยินว่ามาห้องทดลองของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเกิดเรื่อง เกิดอะไรขึ้นเหรอ” ไป๋สือถามกลับ
เรื่องที่เธอได้รับบาดเจ็บไม่ได้แพร่ออกมา ไป๋สือก็ไม่ทราบเรื่อง
“ห้องทดลองตัดไฟแล้ว และเครื่องมืออุปกรณ์ทั้งหมดอยู่ในระหว่างการซ่อมแซมค่ะ”
“ทำไมต้องซ่อมแซมล่ะ” ไป๋สือถาม
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“เวินจิ้ง คุณบอกความจริงกับผมมา” ไป๋สือมองมาที่เธอ
ภายใต้สายตาของไป๋สือ ทำให้เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย
“คุณไม่พูด ผมจะไปถามเจ้ามู่วี่สิงนั่น”
“ศาสตราจารย์ ไม่มีอะไรจริงๆ”
“ถ้าไม่มีอะไร ห้องทดลองนั่นต้องถึงกับซ่อมใหม่หมดล่ะ”
“เธอได้รับความไม่เป็นธรรมบอกกับฉัน การวิจัยมีปัญหาใช่ไหม”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นปัญหาของฉันเอง ตอนที่ตัดไฟฉันได้ถูกขัง มู่วี่สิงจึงเกือบจะทำลายห้องทดลองก่อนที่จะเข้ามาช่วยฉัน”
ได้ยินดังนั้น ไป๋สือจึงหัวเราะออกมา
เวินจิ้งมองไปที่ศาสตราจารย์ไป๋ด้วยความสงสัย
“ก่อนหน้านี้ทำไมถึงฉันมองไม่ออกว่าเด็กคนนี้เขายังคิดถึงมิตรภาพเก่าๆ” ไป๋สือแตะที่คางของเขา
เวินจิ้งรู้สึกเขินอาย
ไม่ลืมมิตรภาพเก่าๆ
จริงๆแล้วตอนนั้นเธอได้สลบไป จำไม่ได้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นในตอนนั้น
มีแต่เพียงเสียงของมู่วี่สิงที่ดังกังวานอยู่ข้างหู แต่เรื่องกลับเป็นจริง
วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งต้องไปโรงพยาบาลเพื่อติดตามผล และหลิงเหยาตั้งใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ
“เธอมีเรียนไม่ใช่เหรอ ฉันไปเองก็ได้”
“ฉันไม่กังวลเธอรึไง ไปโรงพยาบาลคนเดียวโดดเดี่ยวจะตาย” หลิงเหยาได้ลาไปแล้ว
เวินจิ้งยิ้ม “ฉันโอเคจริงๆ”
“ไม่ได้ ไปกันไปกันเถอะ” หลิงเหยาตั้งใจอย่างแน่วแน่
ข้างนอก มีรถสีดำจอดอยู่ชั้นล่าง เป็นรถของหลิงอี้
เวินจิ้งรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ฝนกำลังตก ทั้งสองต่างก็ไม่ได้พาร่มมา
“พี่ มาได้ไงอ่ะ” หลิงเหยารู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“จะมาส่งเวินจิ้งไปพบแพทย์อีกครั้ง” แววตาของหลิงอี้ยังคงมองเวินจิ้ง
“ไม่รบกวนคุณหลิงแล้ว” เวินจิ้งไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นรถ
หลิงเหยาเก้อเขินเล็กน้อย รู้ว่าเวินจิ้งไม่ต้องการติดต่อกับหลิงอี้มากเท่าไหร่ แต่หลิงอี้ดันเป็นพี่ชายของเธอ …….
“ไม่ได้รบกวน ไม่สะดวกจอดรถที่มหาวิทยาลัย รีบขึ้นรถเร็วเข้า”
เวินจิ้งตั้งใจจะกลับไปเอาร่ม เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอี้ ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“หลิงอี้ คุณกลับไปเถอะ”
หลิงเหยามองไปที่พี่ชาย พูดพลางทำอะไรไม่ถูก “พี่ ทำไมยังไม่กลับไปอีก”
หลิงอี้ทำหน้าบูดบึ้ง สิ่งที่เขาอยากทำ ก็ไม่เคยจะยอมแพ้ง่ายๆ
จนกระทั่งเวินจิ้งหยิบร่มลงมา เขาก็ยังไม่ไปไหน
สายตาของเวินจิ้งไม่ได้มองมาที่เขา เธอเดินไปข้างหน้า รถของหลิงอี้ก็ตามติดมาอยู่ข้างหลัง
หลิงเหยาอยู่ข้างๆเวินจิ้ง มองย้อนกลับไปเป็นครั้งคราว
ภาพทำให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยหลายคนต่างก็ซุบซิบกัน
รถคันหรูตามติดอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิง คนที่นินทาส่วนใหญ่จะซุบซิบเกี่ยวกับเรื่องผู้ชายร่ำรวยคอยเลี้ยงนักศึกษาหญิง
“ตอนนี้มหาวิทยาลัยหลินไห่โจ๋งครึ่มมากแค่ไหน รถคนนั้นเป็นล้าน……”
“นั่นสิ เธอว่ากำลังตามจีบเวินจิ้งใช่ไหม”
“ฉันดูแล้วอาจจะถูกเลี้ยง…..”
คำพูดที่ไม่น่าฟังเหล่านั้นได้ผ่านเข้ามาในหู สีหน้าของเวินจิ้งก็เปลี่ยนไป
“หุบปากนะ พูดจาเหลวไหลอะไรกัน รถคันนั้นเป็นพี่ชายของฉัน มารับฉัน!” หลิงเหยาอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปก่อน
ได้ยินดังนั้น เพื่อนร่วมชั้นทั้งหลายต่างก็ไม่กล้าพูดออกมา
แต่ทำให้เกิดการคำพูดและการกระทำขึ้นต่างๆนาๆ
ตลอดทางออกจากมหาวิทยาลัย เวินจิ้งและหลิงเหยาก็ได้นั่งแท็กซี่ออกไป
“เหยาเหยา เมื่อกี้นี้ขอบใจเธอมากๆเลยนะ” เวินจิ้งรู้สึกผิด
เธอเข้าใจดีว่าคำพูดเหล่านั้นมันยากมาที่จะรับฟังมัน แต่หลิงเหยากลับแบกรับไปพร้อมๆกับเธอ
“พูดอะไรกัน เป็นเพราะพี่ชายของฉัน กลับไปฉันจะไปพูดกับเขา แต่ไม่น่าจะกลับไปมหาวิทยาลัยของได้! บรรยากาศมันแย่แค่ไหน!” หลิงเหยาพูดด้วยความโกรธ
“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป แต่เหมือนว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของคนในตระกูลหลินไปแล้ว และยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ถึงแม้ว่าคุณปู่จะจากไปแล้ว แต่บริษัทหลินซื่อยังคงมีอุตสาหกรรมการผลิตมากมายอยู่ในมือของเขา ถ้าเวินจิ้งจะรับมือต่อภายหลัง จำเป็นจะต้องคบค้าสมาคมไปมาหาสู่กันกับหลิงอี้
“ถ้าเธอไม่สามารถรับพี่ชายฉันได้จริงๆ งั้นก็ปล่อยให้เขาตายใจไปอย่างสิ้นเชิงเถอะ ไม่งั้นก็เป็นการให้ความหวังเขาอีก” หลิงเหยาก็คิดเช่นเดียวกัน
แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นพี่ชายสุดที่รัก ปวดใจอ่า…….
เมื่อถึงโรงพยาบาล หลิงเหยาเห็นว่าพี่ชายก็ตามมาด้วย
เวินจิ้งได้เข้าในห้องคลินิกแล้ว เขาเพิ่งจะเดินเข้ามา
สีหน้าของเขาอึมครึม
แต่เขาไม่ต้องการแสดงออกมาต่อหน้าเวินจิ้ง
“พี่ ฉันคิดว่าเวินจิ้งไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่นะ…..”
“ความรู้สึกมันสร้างขึ้นมาได้” หลิงอี้พูดเสียงนิ่ง
“แต่พี่ตามจีบเธอนานแล้วนะ……”
“เธอคิดว่าฉันจะเป็นคนยอมแพ้ง่ายๆรึไง” สายตาหลิงอี้ยังยืนกราน
หลิงเหยารู้นิสัยของพี่ชายของตัวเองดี แต่ในใจของเวินจิ้ง เธอเห็นได้ชัด …… ยังอยู่กับมู่วี่สิง
“แม่ไม่ได้แนะนำพี่ให้กับคนอื่นๆเหรอไง”
มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณนายหลิงได้ให้หลิงอี้นัดดูตัว ต่อมาได้ทำสัญญาการหมั้นหมายกับครอบครัวลี่ หลิงอี้ต้องแต่งงานตอนอายุสามสิบปี
แต่ตอนนี้ถึงเวลาจะผ่านไปแล้ว
“ใจของฉันอยู่กับเวินจิ้ง”
หลิงเหยาเข้าใจแล้ว แม่ก็กลัวว่าไม่สามารถโน้มน้าวลูกชายคนนี้ได้
“พี่ ทำตัวให้ดีๆล่ะ”