บทที่ 359 ฉันริษยาเธอ
“คุณกับมู่เหิง ไม่มีทางหลบหนีได้หรอก” มู่วี่สิงกลับไม่คิดที่จะช่วยฉินเฟย
“ในมือของฉันมีหลักฐานเกี่ยวกับการติดสินบนของเขาในหลายปีมานี้อยู่ไม่น้อย ฉันคิดว่าคุณมู่คงจะต้องการมัน”
ได้ยินดังนั้น สายตาของมู่วี่สิงก็มีความคมชัดมากขึ้น
“มีหลักฐานพวกนี้ เขาก็คงจะถูกไล่ออกจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทันที” ฉินเฟยเข้ามาใกล้และพูดอย่างเยือกเย็น
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณฉินจะไม่โกหกผม” มู่วี่สิงหรี่ตาแคบ
เพื่อแลกกับอิสรภาพ เธอสามารถทำได้ทุกอย่าง
“มู่วี่สิง ตอนนี้ฉันเกลียดมู่เหิงมาก”
ตอนที่ฉินเฟยออกมา เวินจิ้งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของทางเดินระเบียง
เขาได้ขมวดคิ้ว และเดินไปหาเธอ
แต่คิดไม่ถึงว่า เขากลับกล่าวคำขอโทษเธอ “ขอโทษนะ”
เวินจิ้งได้นิ่งไปครู่หนึ่ง และมองไปที่ฉินเฟยอย่างสงสัย
ฉินเฟยยิ้ม “แปลกใจเหรอ ฉันอยู่ที่สถานีตำรวจมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ คิดอะไรหลายๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฉันได้แอบช่วยมู่เหิงทำสิ่งต่างๆ แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาก็แจ้งความฉัน เธอว่าตลกไหม”
“เป็นเพราะคุณหาเรื่องใส่ตัว” เวินจิ้งพูดอย่างเฉยเมย นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอถาม “ตอนแรกวิทยานิพนธ์ของฉันได้ถูกสับเปลี่ยน ก็เพราะคำสั่งของมู่เหิงใช่ไหม”
ถ้าฉินเฟยช่วยมู่เฟิงทำเรื่องนี้ตั้งแต่แรก อย่างนั้น…..จะเป็นไปได้ไหมว่าเรื่องของวิทยานิพนธ์ก็มีความเกี่ยวข้องกับเขา
แต่มู่เหิงจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
เธอไม่เคยรู้จักเขาเลย
“ฉันเป็นคนทำแบบนี้เองหน่ะ ฉันอิจฉาเธอ เวินจิ้ง” สีหน้าของฉินเฟยดูสงบนิ่ง
แต่เวินจิ้งยังไม่ค่อยจะเชื่อ แต่ก็รู้ว่าฉินเฟยคงไม่สามารถอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
“อีกไม่นานฉันคงจะถูกตัดสินลงโทษแล้ว เวินจิ้ง ขอให้โชคดีนะ”
ฉินเฟยพูดจบ และหันหลังกลับออกไป
เวินจิ้งกลับรู้สึกว่าคำพูดของฉินเฟยนั้นดูแปลก
เพียงแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจ
เมื่อเข้าไปยังห้องผู้ป่วย มู่วี่สิงไม่รู้สึกแปลกใจที่เห็นเธอ
“คิดถึงผมเหรอ ฮื้ม” มู่วี่สิงงอริมฝีปากบาง
เวินจิ้งมองไปที่เขาอย่างโกรธเคือง “ศาสตราจารย์ให้ฉันมาเยี่ยมคุณ”
“ใช่เหรอ”
“ใช่” เวินจิ้งพยักหน้าอย่างหนักแน่น
พูดจบ ทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบไป
เวินจิ้งลดสายตา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
คิดเป็นห่วงเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่ตัวเธอเองก็ไม่มีฐานะอะไรที่จะไปข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสนทนาระหว่างมู่วี่สิงและฉินเฟย เธอได้ยินไปไม่น้อย ก็ได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
“ขาของคุณทำไมถึง…..” เวินจิ้งมองขาที่ใส่เฝือกของมู่วี่สิง และขมวดคิ้ว
“อืม เจ็บหนัก” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเฉยเมย
แต่เวินจิ้งกลับรู้สึกหวาดหวั่นในใจ……….
เจ็บหนักเหรอ
“ไปทำอีท่าไหนล่ะ”
“ไม่มีคนดูแลเลยล้มลง”
เวินจิ้ง “………”
“เกาเชียนไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ” เวินจิ้งพูด
“เขากระด้างเกินไป”
เวินจิ้งกระตุกหางตา “โรงพยาบาลก็มีพยาบาลตั้งเยอะแยะหนิ”
“คุณคิดว่าผมจะปล่อยให้คนอื่นมาเข้าใกล้ผมได้เหรอ” น้ำเสียงมู่วี่สิงนิ่งลง
เวินจิ้งนิ่งเงียบ จริงๆแล้วนิสัยของมู่วี่สิงนั้น นอกจากคนที่คุ้นเคยแล้ว เขาก็ไม่ไว้ใจใครเลย
“งั้นก็รักษาแผลดีๆนะ”
“ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แผลจะหายดี” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเริ่มลดต่ำลง
หัวใจของเวินจิ้งได้สั่นเทา แม้ว่าอยากจะพูดออกไปว่าต้องการดูแลเขา มันก็ยังติดอยู่ที่มุมปาก
“ฉันควรจะกลับแล้ว” เธอพูด
แต่เมื่อยืนขึ้น มู่วี่สิงกลับดึงตัวเธอมาไว้ในอ้อมแขน
ลมหายใจที่คุ้นเคยเริ่มปรากฏขึ้นต่อหน้า เวินจิ้งเงิยหน้าขึ้น ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเข้ามาอยู่ใกล้ๆเธอ
“เวลานี้ ก็มาดูแลผม ฮื้ม” น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยคำสั่ง
“ฉันจะไปเรียน”
“เลิกเรียนแล้วค่อยมา”
“ฐานะของฉันไม่เหมาะสม” เวินจิ้งกดหน้าอกของเขา
“ฐานะอะไรถึงจะเหมาะสม” มู่วี่สิงหรี่ตาแคบ
เวินจิ้งนิ่งเงียบ เธอและมู่วี่สิงไม่ควรแม้แต่จะเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ
คนที่ดูแลเขา ควรจะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขา ไม่ใช่เธอ
“ถึงยังไงก็ไม่ใช่ฉัน” เวินจิ้งผลักเขาออกไป
แต่แรงของมู่วี่สิงมีมาก เธอจึงผลักไม่ออก
“เราแต่งงานใหม่กันไหม ฮื้ม” เขาบีบที่คางของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเบาแต่ชัดเจน และมีความจริงใจ
ทันใดนั้น หัวใจของเวินจิ้งก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับมีดอกไม้ไปปะทุอยู่ในหัว
ดูมู่วี่สิงอย่างว่างเปล่า เขารู้ตัวไหมว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่”
แต่งงานใหม่เหรอ
“เป็นไปไม่ได้” เวินจิ้งเกือบจะปฏิเสธในทันที
“เพราะอะไรเหรอ” สีหน้าของมู่วี่สิงหม่นหมอง
“เดิมทีพวกเราแต่งงานกันก็เพราะข้อตกลงของครอบครัว ตอนนี้ก็ไม่ได้มีความกดดันพวกนั้นแล้ว”
“เวินจิ้ง ไม่อยากอยู่ข้างกายผมเหรอ” ดวงตามู่วี่สิงร้อนรน
เวินจิ้งเกือบจะเคลิบเคลิ้ม แต่เธอยังนิ่งสงบอยู่ได้
ได้กัดริมฝีปาก และเธอไม่ได้พูดอะไร
เธอไม่เข้าใจความหมายของมู่วี่สิง อยู่ข้างกายเขา แต่……เขาคงจะไม่ได้ชอบเธอ
เธอต้องการความรัก ที่เป็นความรักระหว่างคนสองคน
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้รู้สึกรัก ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกัน
ในตอนแรกในหัวของเธอร้อนใจที่จะแต่งงาน เธอก็ไม่อยากจะพูดซ้ำแล้ว
“เวินจิ้ง ผมต้องการคุณ” พูดจบก็ลดมือลง และได้กดเธอลงบนโซฟา
มู่วี่สิงจูบลงไปอย่างเร่าร้อน ปิดกั้นลมหายใจของเวินจิ้ง
เธอมีสติขึ้น แต่ก็ได้ถูกกำลังของมู่วี่สิงควบคุมเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางหนีรอดไปได้
“อื้อ…..” ตาเบิกกว้างขึ้น เธอเริ่มถอยตัวออกไป
แต่ยิ่งถอยออกไป มู่วี่สิงกลับมีกำลังที่แรงขึ้น
มือถูกเขากำไว้แน่น เวินจิ้งมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่วี่สิง ไม่สามารถใช้กำลังอะไรได้เลย
ความรู้สึกที่คุ้นเคยแพร่กระจายไปถึงแขนขาทั้งหมด เขารู้จักเธอดี และทำให้ร่างของเธอรู้สึกอ่อนเปลี้ย
เวินจิ้งจ้องไปยังเขาและหายใจไม่สะดวก
หน้าของมู่วี่สิงก็ได้ยิน ภาพของเวินจิ้งที่พิมพ์ลงในสายตาของเขา ช่างเป็นคนที่ดูมีเสน่ห์
แต่วินาทีต่อมา เวินจิ้งกลับตบเขา มู่วี่สิงไม่ได้โกรธ แต่ยังคงมองเธออย่างเร่าร้อน
“ปล่อยฉัน!” สีหน้าเวินจิ้งโกรธมาก
“ไม่ปล่อย”
“คุณ…….คุณขี้โกง!” เวินจิ้งอยากจะร้องไห้ออกมา
ที่เขาคิดจะจูบเธอก็จูบ!
ใบหน้าของมู่วี่สิงยิ่งนุ่มลึก นิ้วเรียวยาวของเขาลูบสัมผัสผิวเรียบเนียนของเธอ เขาได้จูบลงไปอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ เวินจิ้งได้เลี่ยงไปแล้ว
“ฉันจะไม่มาอีกแล้ว!” คำนี้เป็นการกับมู่วี่สิง และเป็นการพูดกับตัวเธอเองด้วย
“แล้วอาการบาดเจ็บของผมล่ะ”
“ให้เกาเชียนจัดการจ้างพยาบาลมาดูดูแลคุณสิ!”
“เวินจิ้ง ผมแค่ต้องการคุณ” มู่วี่สิงดึงเธอเข้ามาหาตัว แล้วมีเสียงบาดเจ็บดังขึ้น
เท้าของเวินจิ้งเหยียบไปที่เข้าโดยไม่ตั้งใจ
สีของเธอเริ่มเปลี่ยน และก้มตัวลงอย่างกังวลใจ “คุณไม่เป็นไรนะ”
“เป็น”
“เดี๋ยวฉันไปตามหมอมา” เวินจิ้งพูด
“ไม่ต้อง อยู่เป็นเพื่อนผมก็พอ”
“มู่วี่สิง คุณต้องการฉันใช่ไหม!” เวินจิ้งจ้องที่เข้าด้วยความโกรธ
“เวินจิ้ง ผมเชื่อแค่คุณ มีแต่คุณที่อยู่ข้างผมได้”
ในเวลานี้ เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นจากข้างนอก เสียงของมู่ซือซือก็ดังขึ้น “พี่ ฉันเข้าไปนะ”
ได้ยินดังนั้น เวินจิ้งจึงรีบผลักมู่วี่สิงออกไป
เธอลุกขึ้นยืนอย่างเกร็งๆ หน้าเธอก็แดงก่ำ
มู่ซือซือมองท่าทีของทั้งสองคน ก็เข้าใจได้โดยทันที
แค่คิดว่าถ้าไม่ใช่เขาเข้ามา เวินจิ้งก็คงจะออกไปก่อนแล้ว
มองไปยังพี่ชายอีกครั้ง ใบหน้าก็หม่นหมอง