บทที่ 385 ขายหน้าจริงๆ
มู่วี่สิงยืนอยู่ตรงประตู เห็นว่าเวินจิ้งนอนหลับแล้ว ถึงจะหันตัวเดินออกไป
ใบหน้าของเวินจิ้งเปลี่ยนเป็นอย่างเย็นชาทันที
เกาเชียนมาแล้ว รออยู่ที่ห้องหนังสือตลอด
“ประธานมู่ ตอนนี้มู่เหิงได้ถูกส่งไปโรงพยาบาลแล้ว”
สถานการณ์ทางด้านของวิลล่า คนของมู่วี่สิงคอยจับตามองอยู่ตลอด
“อืม”
“ส่งเขาไปที่แอฟริกาเหนือ น้ำเสียงของมู่วี่สิงเรียบๆ
เกาเชียนตอบ
จนกระทั่งเที่ยงของวันถัดไป เวินจิ้งถึงจะตื่นขึ้นมา
ทั้งหมดของการ์เด้นมู่เจียวาน ทำให้เธอรู้สึกสบาย
เพียงแต่ อย่างไรเธอก็ต้องออกไปจากที่นี่
เดินออกมาจากห้องรับแขก มีกลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาจากห้องครัวทำให้เธอหยุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
เงยหน้าขึ้น แผ่นหลังที่กำลังยุ่งของมู่วี่สิง ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาหันมา ล้างมือแล้วออกมาทันที
และบนโต๊ะอาหาร มีการจัดจานที่สวยงามมากมายไว้เรียบร้อยแล้ว
มู่วี่สิงเป็นคนทำทั้งหมด
เหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเธอชอบกินอะไร เป็นของที่เธอชอบกินทั้งหมด
“กินข้าวก่อน” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน
เวินจิ้งนั่งลง มองมู่วี่สิงนำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟ จากนั้นตักซุปให้เธอหนึ่งถ้วย
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดมีมารยาท
“เธอไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” หลังจากมู่วี่สิงนั่งลงตรงข้ามเธอ เวินจิ้งเอ่ยปาก
พวกนี้ เขาก็ไม่ควรทำเช่นกัน
“เวินจิ้ง เธอรู้ไหม? วันนี้ ฉันรอมานาน”
ในที่สุด ทั้งสองคนก็สามารถอยู่ที่การ์เด้นมู่เจียวานอีกครั้ง ที่นี่ถือว่าเป็นบ้านของพวกเขาสองคน ทานข้าวด้วยกัน
เวินจิ้งสำลักเล็กน้อย และไม่อยากสำรวจความหมายในคำพูดที่แท้จริงของมู่วี่สิง
ก้มหัวลง เธอค่อยๆทานข้าว หวังเพียงแค่ว่าเวลาจะสามารถเดินช้าลง ช้าลงอีกนิด
ตอนบ่าย ทั้งสองคนมาที่โรงพยาบาล
มู่วี่สิงได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เวินจิ้งตรงไปที่ห้องตรวจ
ไม่นาน หลิงเหยาและหลิงอี้ก็รีบมาให้ทา
เมื่อวานหลิงเหยาถึงจะติดต่อเวินจิ้งได้ ตั้งแต่รู้ว่าเธอหายตัวไปจากโรงพยาบาล ก็บอกให้พี่ชายทันที ทั้งสองก็ตามหาเบาะแสของเวินจิ้งตลอด
เพียงแต่ ไม่ได้รับข่าวสารใดๆเลย
จนกระทั่งเมื่อคืนเวินจิ้งติดต่อหาเธอก่อน
“เวินจิ้งไปไหนแล้ว?” เมื่อเห็นมู่วี่สิง หลิงเหยาก็ถามด้วยความเป็นห่วง
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว และพูดเรียบๆ “ฉีเซินพาตัวเธอไป”
“ไอ้สารเลวนั่น!” หลิงเหยาด่าด้วยความโกรธ
หลิงอี้ตบหลังเธอเบาๆเพื่อเป็นการปลอบ สีหน้าก็หม่นหมองมาก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เวินจิ้งเพิ่งออกมา
ผลตรวจพรุ่งนี้ถึงจะได้ เวินจิ้งคิดว่าจะกลับไปหอพัก
“เวินจิ้ง เธอออกมาจนได้!” หลิงเหยารีบมา
เวินจิ้งยิ้มๆ “ฉันไม่เป็นอะไร”
“เธอยังต้องนอนโรงพยาบาลอีกไหม? หากไม่จำเป็นแล้ว เรากลับวิทยาลัยกันเถอะ”
“อืม ฉันก็คิดว่าจะกลับไปแล้ว”
ระหว่างทางเดิน มู่วี่สิงได้ไปแล้ว เวินจิ้งมองไปรอบๆ กลับไม่เห็นร่างของเขา
หลิงเหยารู้ว่าเธอกำลังมองหาใคร ตบไหล่ของเธอ “บริษัทของมู่วี่สิงมีปัญหา เขาไปแล้ว”
หลิงอี้ได้ขับรถมาแล้ว หลิงเหยาเป็นห่วงว่าเวินจิ้งยังไม่หายดี จึงพยุงเธออย่างระมัดระวัง
“เหยาเหยา คุณหมอได้บอกแล้วว่าฉันสามารถออกโรงพยาบาลได้แล้ว เธอสบายใจเถอะ”
“เฮ้อ ก็ได้ ฉีเซินพาตัวเธอไป เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?” หลิงเหยาถามด้วยความเป็นห่วง
ท้ายที่สุด ฉีเซินผู้ชายคนนั้นเคยมีประวัติ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดขาวขึ้นมา
ฉีเซินไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่ว่าอยู่ที่นั่น มู่เหิงเกือบจะข่มขืนเธอ
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาฉีกเสื้อของเธอออก จ้องทองเธอด้วยสายตาที่น่ากลัว สุดท้ายเธอก็ไม่กล้าระลึกถึงอีก
แต่ภาพฉากนั้น กลับวนเวียนอยู่ในหัวสมองไม่หายไปไหน
“เวินจิ้ง เป็นอะไร?” หลิงเหยาเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของเธอ ถามด้วยความตื่นตระหนก
เวินจิ้งส่ายหน้า เป็นเวลานานกว่าจะสงบลงได้ “ไม่มี เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน เขาเพียงแค่อยากใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ให้มู่วี่สิงปล่อยบริษัทฉีซื่อไป”
“แน่นอน ผู้ชายขยะก็คือผู้ชายขยะอยู่วันยังค่ำ เขาคิดว่าตัวเองยังสามารถพลิกผันได้?” หลิงเหยาพูดด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้บริษัทฉีซื่อใกล้จะล้มละลายแล้ว ใครก็ช่วยไม่ได้แล้ว
รถของหลิงอี้ได้ขับมาแล้ว ส่งทั้งสองคนกลับไปที่วิทยาลัย หลิงอี้พูดเสียงเข้ม “ช่วงนี้ฉันส่งคนไปปกป้องพวกเธอ ไม่งั้นฉันไม่วางใจ”
“ก็ดี” หลิงเหยาไม่ปฏิเสธ
“ประธานหลิง รบกวนคุณด้วย” เวินจิ้งพูดมีมารยาท
อย่างน้อย ตอนนี้เธอต้องป้องกันตัวจากฉีเซิน
สำหรับมู่เหิง เธอรู้ว่ามู่วี่สิงได้จัดการกับเขาไปแล้ว แต่ก็ไม่รวมสิ่งที่เขาจะแอบทำลับๆ
ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน
บ้านตระกูลมู่
มีเสียงโวยวายอยู่นอกประตู มู่เฉิงสีหน้าเข้มด้วยความไม่พอใจ
“ใครมาเอะอะโวยวายอยู่ข้างนอก!”
มู่เหิงวิ่งเข้ามาอย่างโซเซ เมื่อเห็นคุณปู่ ตื่นเต้นเกินไปจนสะดุดล้ม สีหน้าของมู่เฉิงยิ่งเข้มขึ้น
“แกดูแก เหมือนอะไร!” มู่เฉิงดุ
ในเมื่อเขาเป็นถึงหลานชายของเขา น่าขายหน้าจริงๆ!
“คุณปู่…คุณต้องช่วยผม!” ไม่ใช่ง่ายๆที่มู่เหิงจะลุกขึ้นมาได้ มู่เฉิงถึงจะเห็นผ้าที่พันอยู่ในมือของเขา
“เกิดอะไรขึ้น!”
“มู่วี่สิงให้คน…ทำลาย…” แม้แต่เสียงของมู่เหิงก็พูดได้ไม่ดี
มือของเขาสั่นเทา มู่เฉิงมองเห็นแล้ว ขมวดคิ้วเบาๆ
“แกไปทำเรื่องอะไรไว้” มู่เฉิงทำหน้าตึง
มู่วี่สิงเด็กคนนั้นไม่เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล
นอกเสียจาก มู่เหิงทำเรื่องที่ทำให้มู่วี่สิงโกรธ
“ผม…ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” มู่เหิงหลบสายตา
มู่เฉิงรู้ชัดเจนดี
เขาพูดเสียงเยือกเย็น “ตัวเองก่อเรื่องไว้ ยังจะมาร้องขอจากฉัน?”
“คุณปู่ ผมกับมู่วี่สิงเป็นพี่น้องแท้ๆ เพื่อผู้หญิงคนเดียวเขาถึงกับต้องทำลายมือของผม…เขาบ้าไปแล้ว! เขาบ้าไปแล้วจริงๆ!” มู่เหิงตะโกนพูดด้วยความโกรธ
เขายังไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนนั้น…
“ผู้หญิง?” มู่เฉิงขมวดคิ้ว แล้วก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
“แกทำอะไรหลานสะใภ้ของฉันล่ะ?” สีหน้าของมู่เฉิงแหลมคมมาก
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรเลย!” มู่เหิงโต้แย้ง
มู่เฉิงรู้ความหมายในคำพูดของมู่เหิง และพูดเสียงเข้ม “สมน้ำหน้า! ให้แกรีบไปแอฟริกาเหนือไม่ใช่เหรอ อยู่ที่นี่ต้องเกิดเรื่องไม่ช้าก็เร็ว”
“คุณปู่ ผมก็เป็นหลานชายของคุณนะ คุณว่าต่อไปผมควรทำยังไงดี…” มู่เหิงบีบน้ำตาออกมา
ตอนนี้ทั้งสองมือของเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เขาแตกต่างอะไรกับคนพิการ!
แต่มู่เฉิงก็ไม่ได้สนใจ
บนไม้ค้ำ มู่เฉิงมือไขว้หลัง เขาทำหน้าตึงและพูด “ทำให้มู่วี่สิงโกรธ แกมาร้องขอฉันก็ไม่มีประโยชน์ รีบไปแอฟริกาเหนือเถอะ”
“คุณปู่—”
มู่เฉิงไม่ได้สนใจเขา
มู่เหิงทำหน้าเข้มอย่างไม่เต็มใจ มองมือของตัวเอง ความเกลียดชังที่มากล้นก็ระเบิดออกมา
“มู่วี่สิง คุณรอก่อน!”
…
วันถัดไป เวินจิ้งมาที่โรงพยาบาลมาเอาผลตรวจ
หลิงเหยาต้องเข้าเรียน หลิงอี้ได้รับสั่งให้มารับเวินจิ้ง
“ช่วงนี้ยังมีตรงไหนไม่สบายอยู่ไหม” หลิงอ้ถามด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งส่ายหน้า “ปวดหัวเป็นบางครั้ง อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร”
มาถึงโรงพยาบาล ผลตรวจเวินจิ้งปกติทุกอย่าง เพียงต้องกลับมาตรวจอีกครั้ง
เพิ่งได้ผลตรวจมา หลินเวยก็มาแล้ว
หลังจากฉีเซินบังคับส่งเธอกลับตระกูลหลินแล้ว ก็ขังเธอไว้ตลอด เป็นหลิงอี้ที่พาเธอออกมา
“เสี่ยวจิ้ง” หลินเวยเห็นลูกสาว ครู่เดียวก็น้ำตาลเนไหลออกมา