บทที่ 392 ไม่หึงแล้วดีไหม
เวินจิ้งหัวเราะ “จะมีน้ำตามากมายขนาดนั้นได้ยังไง”
หลิงอี้มองเธออย่างลึกซึ้ง เวินจิ้งออกมาจากโรงพยาบาลอารมณ์ถึงได้เจ็บปวดขนาดนั้น เขาขมวดคิ้ว หรือว่าเวินจิ้งรู้อะไรแล้ว…
แต่ตอนนี้ก็ไม่กล้าถาม
ปกติเวินจิ้งชอบทานเผ็ด หลังจากที่อั้ยเถียนไม่อยู่หนานเฉิงเธอดูเหมือนไม่ได้ทานอีกเลย ครั้งนี้ทานให้อิ่ม เห็นหลิงอี้ก็ทานจนเหงื่อแตก เวินจิ้งยื่นกระดาษทิชชูให้เขา
“เพื่อนๆของฉันมีน้อยมากที่สามารถทานเผ็ดได้” เวินจิ้งพูด
แม้แต่หลิงเหยาก็ดูเหมือนไม่ชอบทานเผ็ด
หลิงอี้ยักริมฝีปากบาง “ต่อไปถ้าคุณอยากทานเผ็ด เรียกผมได้ ผมว่างตลอด”
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าเวินจิ้งอึ้งไป
ต่อให้เคยปฏิเสธหลิงอี้ไปแล้วหลายครั้ง แต่เธอรู้ เขายังไม่เคยตายใจ
สักพัก เธอวางตะเกียบลง “ฉันกับมู่วี่สิงอยู่ด้วยกันแล้ว ต่อให้เขาก็ไม่ทานเผ็ด แต่ฉันก็จะไปทานอย่างอื่นกับเขา”
ได้ยินแบบนี้ หลิงอี้เงียบไป
อยู่ด้วยกันแล้ว
คำพูดนี้ออกมาจากปากของเวินจิ้ง สำหรับเขาแล้วเป็นการทำร้ายจิตใจจริงๆ
เขากำลังพยายามยับยั้งอารมณ์โกรธของตัวเอง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน”
“อืม ผมขออวยพรพวกคุณทั้งสอง” คำพูดนี้ของหลิงอี้ จริงครึ่งหนึ่งปลอมครึ่งหนึ่ง
“ขอบคุณ วันนี้ขอบคุณคุณจริงๆ”
เอาเสื้อคลุมคืนให้กับหลิงอี้ เวินจิ้งไปจ่ายตังก่อนแล้ว แต่เมื่อตอนที่ออกมา กลับเห็นมู่วี่สิงเดินออกมาจากร้านอาหารตรงหน้า
ห้างสรรพสินค้านี้ อยู่ใกล้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เวินจิ้งแปลกใจ หยุดฝีเท้าลง
แต่มือของหลิงอี้แตะอยู่บนไหล่เวินจิ้ง ทันทีนั้นเธอไม่ได้สังเกต
ตอนที่สายตาของมู่วี่สิงมองมา ก็เห็นเป็นภาพทั้งสองคนกำลังสนิทสนมกัน
ฝีเท้าหยุดเดิน เขาให้ผู้บริหารระดับสูงกลับไปก่อน แล้วเขาก็เดินมาทางด้านนี้
“มาได้ยังไง?” มู่วี่สิงเดินมาใกล้ ในสายตาไม่มีหลิงอี้เลย
จับมือเวินจิ้งอย่างเป็นปกติ
“มาทานข้าวพอดี กำลังจะกลับมหาวิทยาลัยแล้ว” เวินจิ้งก้มหน้าลง
เธอรู้สึกว่าสีหน้ามู่วี่สิงค่อนข้างโกรธ
เป็นเพราะเธอมาทานข้าวกับหลิงอี้หรือ?
“หลิงอี้ ฉันไปก่อนนะ วันนี้รบกวนคุณแล้ว” เวินจิ้งพูดก่อน
พูดเสร็จ ก็ควงแขนมู่วี่สิงไว้
มือของหลิงอี้ค้างอยู่กลางอากาศ สายตาเศร้าแว็บผ่านไป
ทั้งร่างกายมู่วี่สิงยิ่งโกรธจัด
เวินจิ้ง เงยขึ้นดู ค่อนข้างตกอกตกใจ
ตอนที่เขาไม่พูดอะไร สีหน้าดูแล้วยิ่งเคร่งขรึม
แต่ปกติมู่วี่สิงอยู่กับเธอ ดูอ่อนโยนเสมอ
“มู่วี่สิง” เธอเรียกเขา
“อืม” มู่วี่สิงใบหน้าขาวซีด
“มู่วี่สิง”
“อืม”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว หยุดฝีเท้า
กอดเอวมู่วี่สิง เธอเขย่งเท้า ผู้ชายคนนี้ก็โหดจัง…
“คุณโกรธหรือ” เวินจิ้งพูดอย่างแน่วแน่
“อืม”
เวินจิ้ง…
ผู้ชายคนนี้พูดอย่างอื่นไม่เป็นแล้วหรือ?
หายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าเวินจิ้งยิ้มแย้ม “มู่วี่สิง คุณโกรธอะไรหรือ”
“ไปทานข้าวกับผู้ชายคนอื่น”
เขาไม่ชอบ ไม่ชอบอย่างมาก
เมื่อกี้ตอนที่เห็นเวินจิ้งกับหลิงอี้เดินออกมาด้วยกัน เขาโกรธจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
เธอเป็นผู้หญิงของเขา
แขนโอบกอดเอวบางของเวินจิ้ง เขาเชยคางเธอขึ้นมา ดวงตาประกายความมืดมน
“ฉันแค่บังเอิญเจอหลิงอี้พอดี”
“เจอที่ไหน?”
เวินจิ้งเงียบ สักพักจึงพูดว่า “ที่โรงพยาบาลหลินไห่”
“โรงพยาบาลหลินไห่ห่างจากที่นี่ไม่ใกล้เลยนะ” มู่วี่สิงรู้ทันเธอ
“แต่ก็มาได้นี่ มู่วี่สิง ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขา หลิงอี้ก็รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันแล้ว ฉันแค่มาทานข้าวกับเขาเอง” เวินจิ้งกอดเขาไว้ ขยับชิดแนบหน้าอกเขา
แต่มู่วี่สิงก็ไม่หวั่นไหว
เวินจิ้งรู้สึกโกรธ
ปกติมู่วี่สิงจะโกรธเธอน้อยมาก ตอนนี้เป็นแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าจะปลอบเขายังไง
“คุณไม่ต้องถึงแล้ว ต่อไปฉันไม่ไปทานข้าวกับเขาอีก”
“ผมไม่ได้หึง” สีหน้ามู่วี่สิงยิ่งเคร่งขรึม ยังไงก็ไม่ยอมรับ
เวินจิ้งหัวเราะอย่างอดทนไม่ไหว ยกมือขึ้นบีบหน้าหล่อๆของมู่วี่สิง อย่างไม่กลัวตาย
“คุณกำลังถึง คุณหมอโง่ ศาสตราจารย์มู่ ท่านประธานมู่….. ไม่หึงแล้วดีไหม…”
น้ำเสียงเวินจิ้งอ่อนหวาน กำลังออดอ้อนเขาอยู่
มู่วี่สิงมองดูท่าทางเวินจิ้งที่เอาใจเขา สักพักสีหน้าที่เคร่งขรึมก็ค่อยๆผ่อนลงบ้าง “เวินจิ้ง ผมแค่เป็นห่วงคุณ”
“เขากอดเธอไว้แน่น”
“เป็นห่วงฉันอะไร?”
“ทั้งหมด”
เขาก็พูดไม่ถูก เพียงแค่เวินจิ้งไม่อยู่ข้างกายเขา เขาก็จะเป็นห่วง
มาถึงมหาวิทยาลัยหลินไห่ ทั้งสองคนตรงไปยังห้องทำงานของมู่วี่สิง
แต่เวินจิ้งปล่อยมือมู่วี่สิงแล้ว
สีหน้ามู่วี่สิงเคร่งเครียดลง
“ขยับมา”
ระยะห่างระหว่างเขากับเวินจิ้ง มีครึ่งเมตรแล้ว
“ไม่ได้ คุณเป็นศาสตราจารย์ ฉันเป็นนักศึกษา” เวินจิ้งพูดอย่างหนักแน่น
“คุณเป็นผู้หญิงของผม”
ในใจเวินจิ้งหอมหวาน แต่ที่นี่มีนักศึกษาไปๆมาๆมากมายขนาดนั้น เธอก็ยังคงไม่กล้า
“มู่วี่สิง คุณระวังตัวเองหน่อย”
“ไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ของเรา?” มู่วี่สิงมองดูนาง
ที่จริงเขาก็ไม่ใช่ศาสตราจารย์ประจำของมหาวิทยาลัย เพียงแค่ถูกเชิญมาสอนเท่านั้น เขาไม่ยอมรับการผูกมัดใดๆ
แต่เกี่ยวข้องกับเวินจิ้ง เขาเข้าใจความคิดของเธอ
“แน่นอน ฉันแค่อยากเรียนปริญญาโทให้จบอย่างสงบ”
ตอนที่เรียนปริญญาตรีเธอคบอยู่กับฉืออี้เหิง อาจเป็นเพราะคาดหวังมากเกินไป ต่อมาเมื่อเกิดเรื่องขึ้น จึงเกือบทำให้เธอเป็นบ้า
เธอแค่อยากรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้อย่างดี
ต่อให้เพียงแค่สามปี
แววตาของเธอที่มองดูมู่วี่สิง มีแต่ความรัก
“หากยังมองผมแบบนี้อีก ผมอาจจะจูบคุณ” ริมฝีปากบางของมู่วี่สิงยิ้มแย้ม
เวินจิ้งแทบกัดริมฝีปากตัวเอง รีบหันไปมองทางอื่น
ฤดูหนาวภายในมหาวิทยาลัย ลากยาวเงาของคนทั้งสอง
ในห้องทำงานเปิดฮีตเตอร์ไว้ ในที่สุดเวินจิ้งก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาตั้งเยอะ
มองดูใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชาย เวินจิ้งก็เริ่มค่อยๆจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
จนในหัวสมองเกิดความเจ็บปวดขึ้นมา เวินจิ้งส่งเสียงร้อง “โอ๊ย”
“เจ็บ”
“ตั้งใจเรียน”
“ฉันตั้งใจแล้ว” เวินจิ้งตอบกลับอย่างมั่นใจ
เธอตั้งใจแล้วจริงๆ แต่มู่วี่สิงหล่อจริงๆ หล่อมาก
“ห้ามดูผม ดูหนังสือ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
เขาอยากที่จะให้เวินจิ้งได้กลับไปพักผ่อนเร็วๆ แต่ก็อยากอยู่กับเธออีกสักหน่อย
“อืม” เวินจิ้งตอบรับอย่างว่าง่าย
เวลาผ่านไปเร็วมาก ทำแบบฝึกหัดจนถึงข้อสุดท้ายแล้ว เวินจิ้งค่อยโล่งอก
มู่วี่สิงอยู่ข้างๆ ทำให้เธอยิ่งกดดัน
แต่เวลาเรียนก็ผ่านไปเร็วมาก
“คุณทบทวนให้ฉันแบบนี้ สิ้นเปลืองเวลาอันมีค่าของคุณแล้ว ฉันต้องให้ค่าสอนพิเศษกับคุณไหม?” เวินจิ้งรู้สึกเกรงใจ
ยังไงสำหรับนักธุรกิจอย่างมู่วี่สิง แต่ละวินาทีอ่านนับล้าน
เขากลับมาสอนเธออย่างอดทนแบบนี้
“ค่าสอนพิเศษ?” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ช่วยเธอเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว วินาทีต่อมา เวินจิ้งถูกเขาทับอยู่บนโซฟา
มองดูใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้แค่เอื้อม เวินจิ้งรีบกลั้นหายใจ
“ผมต้องการค่าตอบแทนทางร่างกาย” มู่วี่สิงยิ้มอย่างลึกซึ้ง