บทที่ 394 ให้คนอื่นไปแทน
เห็นเวินจิ้ง แววตาของมู่วี่สิงที่เย็นชาสงบลงเล็กน้อย หยุดหมัดไว้ กลับเป็นการทำให้เย่เฉียวมีโอกาสเอามือรัดคอเวินจิ้งไว้
สีหน้าเวินจิ้งซีดขาวทันที
เย่เฉียวใช้แรงมากที่สุด อ้าปากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งรัดเวินจิ้งไว้อย่างแน่นตลอด
มู่วี่สิงหรี่ตาลงอย่างเยือกเย็น ถีบออกไปหนึ่งที นักศึกษาหลายคนเห็นว่ามีเรื่องกันจนอาจจะมีคนเสียชีวิต ก็ไม่กล้าแค่ยืนมอง ต่างก็รีบเข้าไปห้าม
แต่เย่เฉียวกลับพยายามพาเวินจิ้งออกไปข้างนอก มู่วี่สิงลงมืออยู่หลายครั้ง ก็ไม่สามารถหยุดฝีเท้าเขาได้ เวินจิ้งเริ่มหายใจยิ่งอยู่ยิ่งลำบาก ดวงตาก็ค่อยๆลืมไม่ขึ้น
ทรมานจังเลย
ภาพที่มองเห็นค่อยๆมัว เธอมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงที่เป็นกังวล ห่างตาอันเหี้ยมโหดของเขาระเบิดออกมาในตอนนี้
เพียงพริบตาเดียว มู่วี่สิงจู่โจมอย่างรวดเร็วเร็วจนทำให้รับมือไม่ทัน เย่เฉียวล้มลงไปกองกับพื้นอย่างทุลักทุเล ในที่สุดเวินจิ้งก็ได้อากาศหายใจ แต่ใบหน้าทั้งหน้าไม่มีเลือดฝาด อ่อนแรงจนเกือบยืนไม่ไหว
ตอนที่เธอเกือบจะเป็นลมไป มู่วี่สิงโอบอุ้มเอวเธอไว้
พวกนักศึกษาต่างช่วยกันประคองเย่เฉียวขึ้นมา แต่เย่เฉียวเมาสลบไปแล้ว
อุ้มเวินจิ้งกลับมาถึงโรงพยาบาล มู่วี่สิงก็ตรงไปยังห้องตรวจ
ด้านหลังมีหมอและพยาบาลตามมา มู่วี่สิงบอกเล่าสถานการณ์อย่างย่อ แล้วอยู่ข้างกายเวินจิ้งตลอด
เธอไม่ได้หมดสติไปเสียทั้งหมด แต่แรงของเย่เฉียวมีไม่น้อย คอของเธอถูกรัดจนแดง
อาจเป็นเพราะอ่อนแรงมาก คุณหมอจึงเติมน้ำเกลือให้เธอ หลังจากเติมน้ำเกลือหมดแล้วก็สามารถกลับได้
แต่คืนนี้เธอยังมีงานต้องทำ…
คิดถึงเช่นนี้ เวินจิ้งจึงไม่ยอมให้พยาบาลฉีดเข็ม “ไม่เป็นไรแล้ว”
สีหน้ามู่วี่สิงเยือกเย็นขึ้นมาทันที มือของเวินจิ้งไว้ไม่ให้เธอขยับ
“ห้ามขยับ”
“ฉันยังต้องไปเข้าเวร”
“ให้คนอื่นไปแทนคุณ”
“ไม่มีคนแล้ว คนในโรงพยาบาลมีน้อยมาก” เวินจิ้งหน้าเศร้า
“ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้คนเอง” มู่วี่สิงพูดอย่างเคร่งขรึม “ตอนนี้คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่ดีๆ”
เพราะความน่าเกรงกลัวของมู่วี่สิง เวินจิ้งไม่พูดอะไรอีก
พยาบาลมองดูทั้งสอง พูดอย่างอดอิจฉาไม่ไหว “ศาสตราจารย์มู่เอาใจใส่ดีจังเลย”
ใบหน้าเวินจิ้งค่อยๆแดงระเรื่อขึ้นมาทั้งสองข้าง…
หลังจากสองชั่วโมงแล้ว เวินจิ้งเบื่อจึงสะลึมสะลือหลับไป หลับตาแล้วก็หลับไป
มู่วี่สิงช่วยจัดการงานให้เธอจนเสร็จ ตอนที่กลับมา ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็คือเวินจิ้งกำลังหลับอย่างสงบเงียบ
เขายืนอยู่ตรงหน้าประตู ไม่ได้เข้าไปข้างใน
บนมือมีรอยฟกช้ำ เขาไปจัดการที่ห้องตรวจ ตอนที่กลับมา ได้ไปตรวจอาการคนป่วยที่ห้องผู้ป่วย ที่จริงเป็นงานของเวินจิ้ง
ตรวจดูประวัติคนไข้ และตรวจดูอาการของคนไข้ สีหน้าของเขาค่อยๆเยือกเย็นลง
“คนไข้ติดเชื้อ” สีหน้ามู่วี่สิงดูแย่มาก
อาการแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากทำการผ่าตัดแล้วหนึ่งวัน การติดเชื้อแอบแฝงนานเกินไป
มาจัดการตอนนี้ จะเป็นการร้อนมือมาก
“ศาสตราจารย์มู่ งั้นตอนนี้…ทำยังไง?” พยาบาลด้านข้างถามอย่างกล้าๆกลัว
มู่วี่สิงแค่มาชั่วคราว เขาไม่ใช่หมอผ่าตัด
และตอนนี้ไป๋สืออยู่ต่างประเทศ ยังไม่สามารถกลับมาได้ในเร็วๆนี้
ศาสตราจารย์ประสาทวิทยาของมหาวิทยาลัยหลินไห่ล้วนออกไปประชุมที่ต่างประเทศพร้อมกันหมด อาจจะไม่สามารถจัดการการผ่าตัดได้อย่างดี
“เรื่องนี้ คุณไปรายงานผู้อำนวยการ”
ยังไงก็เป็นเรื่องโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่ มู่วี่สิงจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้
แต่การติดเชื้อมีความเป็นไปได้น้อยมาก อาจจะเป็นเพราะสาเหตุอย่างอื่น
“เตรียมการแยกคนไข้ให้เรียบร้อย” มู่วี่สิงสั่งเสร็จ แล้วก็ไปที่ห้องผู้ป่วยเวินจิ้ง
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือเวินจิ้งหลับอยู่อย่างสงบเงียบ ใบหน้าเย็นชาของเขาค่อยเบาลงเล็กน้อย
เวินจิ้งตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่สอง ตรงมือมีความรู้สึกอย่างผิดปกติ ลืมตาขึ้นดูก็เห็นฝ่ามือใหญ่ของมู่วี่สิงจับมือเธอไว้
เมื่อขยับ มู่วี่สิงที่นอนอยู่ด้านข้างก็ตื่นขึ้นมา
ใต้ขอบตาของเขาดำอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคืนน่าจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างรู้สึกผิด เมื่อคืนเธอนอนหลับไปได้ยังไง
“ตื่นแล้ว? หิวไหม?” มู่วี่สิงเพิ่งตื่น เสียงในยามเช้าแหบแห้งอย่างมีเสน่ห์
เวินจิ้งลุกขึ้นนั่ง น้ำเกลือหมดไปตั้งแต่เช้าแล้ว เพิ่งส่ายหัวท้องก็ร้องขึ้นมา
เธอรู้สึกขวยเขิน
“ผมไปซื้อของกินให้คุณทาน คุณอยู่ที่นี่อย่าไปไหน” เขาพูดอย่างใจเย็น
เวินจิ้งกลับจับแขนของเขาไว้ “ฉันไม่เป็นไรแล้ว คุณไปทำงานเถอะ”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “คนไข้มีอาการติดเชื้อ คุณจัดการได้ไหม?”
“อะไรนะ?” เวินจิ้งตาโต แววตาตื่นตระหนก
“เป็นคนไข้ที่ศาสตราจารย์ไป๋ผ่าตัดหรือ?”
“อืม”
เวินจิ้งรีบลงจากเตียง กำลังจะออกไป มู่วี่สิงดึงข้อมือเธอไว้ “เมื่อคืนผมรายงานเรื่องนี้ให้กับเบื้องบนแล้ว รอดูผู้อำนวยการจะสามารถจัดศาสตราจารย์มาผ่าตัดไหม ผมดูแล้วอาการติดเชื้อค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกัน”
“ฉันรู้แล้ว มู่วี่สิง ขอบคุณนะคะ” เวินจิ้งรีบขอบคุณ แล้วก็จะไปดูคนไข้
มู่วี่สิงไม่ได้ห้ามเธอไว้ รู้จักนิสัยเวินจิ้งดี เมื่ออยู่ในหมวดทำงานขึ้นมา เธอจะไม่คิดถึงอะไรเลย
เขาไปซื้อไก่ทอดที่เธอชอบทานที่สุดที่ถนนอันหนิงด้วยตัวเอง มู่วี่สิงวางบนไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วค่อยกลับไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ช่วงนี้บริษัทฉีซื่อกรุ๊ปถึงแม้จะถูกลงโทษแล้ว แต่ยาตัวใหม่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทำการวิจัยอยู่ก็ค่อยๆถูกปลอมแปลง ตอนนี้การตลาดวุ่นวาย การตลาดของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย
และบริษัทฉีซื่อกรุ๊ปเนื่องจากมีเงินลงทุนแล้ว โครงการวิจัยต่างๆเริ่มมีการวิจัยใหม่ ชนิดยาขึ้นตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ในครั้งนี้ เพิ่งจะเริ่มต้น
ณ ตอนนี้ ที่โรงพยาบาล
ผู้อำนวยการเรียกตัวเย่เฉียวมาโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน ตรวจอาการของคนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้รอดูอาการก่อน
เห็นเวินจิ้ง สีหน้าเขาไม่ค่อยสู้ดี
เรื่องเมื่อคืนยังพอมีความทรงจำอยู่ หากไม่ใช่เพราะดื่มจนเมาเขาเขาจะไม่ทำอะไรที่เสียสติแบบนี้
“ตอนนี้ฉันพูดอะไร เธอจดไว้ทั้งหมด” เย่เฉียวสั่ง
เวินจิ้งพยักหัว ตอนนี้เย่เฉียว เป็นศาสตราจารย์ที่มารับช่วงต่อ เธอต้องฟังเขา
แต่เธอกับเย่เฉียวทำงานร่วมกันได้ไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ และเขาก็ไม่มีความอดทน ใจเย็นเท่ากับไป๋สือ
เวินจิ้งทำผิดพลาดอยู่หลายอย่าง ถูกเย่เฉียวดุด่าใส่หัวและใส่หน้าโครมๆ
“ไป๋สือตอนเธอให้เป็นแบบนี้หรือ? ยาที่ไม่สามารถใช้ได้กับผู้ติดเชื้อก็ไม่รู้หรือ?”
เวินจิ้งรู้สึกแย่ เมื่อกี้เธอแค่ถามเอง ยังไงเรื่องที่ลึกซึ้งมากมาย เธอไม่เคยมีประสบการณ์
“ขออภัยศาสตราจารย์ ฉันจะปรับปรุงตัว”
“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนของมู่วี่สิงแล้วจำปล่อยตัวยังไงก็ได้ อยู่ในมหาวิทยาลัยหลินไห่ อยู่ในโรงพยาบาล จะต้องจดจำสถานะของตัวเองให้ดี เกิดผิดพลาดอะไรก็จะต้องถูกไล่ออกเท่านั้น” คำพูดของเย่เฉียวพูดอย่างมีวาทศาสตร์
เวินจิ้งพยักหัว เกรงๆกลัวๆอยู่ด้านข้างเย่เฉียว สภาพจิตใจเกร็งอยู่ตลอด
กลับมาถึงห้องทำงาน เธอยังคงต้องเขียนรายงานผลตรวจอยู่ไม่น้อย เกิดเรื่องกับคนไข้ครั้งนี้ เธอก็รีบติดต่อหาศาสตราจารย์ไป๋แล้ว
แต่อย่างเร็วที่สุด อย่างน้อยก็ต้องหลังจากสามวันเขาถึงจะกลับมาได้
“เวินจิ้ง ศาสตราจารย์เย่ตามหาคุณ”
เพิ่งนั่งลง ก็เห็นพยาบาลมาหาอย่างรีบร้อน
เวินจิ้งจำต้องรีบมา ภายในห้องทำงาน เยาเฉียวกำลังดูวิดีโอการผ่าตัดของวันนั้น และหยุดภาพไว้ตรงมือของเวินจิ้ง