บทที่401 เธอปรารถนาอยู่เสมอ
เมื่อเวินจิ้งได้รับโทรศัพท์จากเกาเชียนเธอยังอยู่โรงพยาบาล และรีบกลับไปโรงเรียนทันที
หากโจวหย่านกลับมาแล้ว พวกเธอก็สามารถไปหาอธิการบดีอธิบายเรื่องนี้ได้เลย
เพียงว่าเวินจิ้งคิดไม่ถึงว่า โจวหย่านก็คือเย่เฟยเฟยนี้เอง
มองไปสีหน้าที่ตกใจของเวินจิ้ง โจวหย่านไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม”ฉันไม่แน่ใจว่าจะสามารถช่วยคุณได้หรือเปล่า ฉันแค่อยากช่วยมู่วี่สิงเท่านั้นเอง”
ท่าทางของโจวหย่าน ยังหยิ่งเหมือนเคย
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมมาหนานเฉิงค่ะ”เวินจิ้งพูดเบาๆ
“ฉันจะอยู่ที่หนานเฉิงต่อตลอด”โจวหย่านบอกว่า
เวินจิ้งไม่ได้คิดคำพูดของเธออย่างรายละเอียด ทั้งสองมาถึงที่ห้องทำงานของอธิการบดี เกาเชียนได้เอาวิดีโอออกมาอีกครั้งและพบหลักฐานว่าวิดีโอนั้นถูกตัดต่อใหม่ โจวหย่านก็อธิบายว่าเมื่อเธอได้รับเครื่องมือผ่าตัด ก็ถูกบอกว่ามันถูกฆ่าเชื้อโรคไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงบอกเวินจิ้งแบบนี้
“เรื่องนี้ฉันต้องยืนยันสถานการณ์อีกครั้ง”อธิการบดีได้ตัดสินทันที
เวินจิ้งขมวดคิ้วแล้ววางแผนที่จะไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองอีกครั้ง
ออกจากห้องทำงาน โจวหย่านก็ไปอย่างรวดเร็ว และเกาเชียนกำลังจะออกไป แต่เวินจิ้งเรียกเขาไว้
“ช่วงนี้มู่วี่สิงยุ่งมากเหรอ”เวินจิ้งถาม
ในเมื่อโจวหย่านก็มาแล้ว แต่ทำไมมู่วี่สิงยังไม่กลับล่ะ
เขาธุระอย่างอื่นต้องจัดการเหรอ
เธอคิดถึงเขามากจริงๆ คิดถึงเขาตลอดเวลา
“คุณมู่ยุ่งมากจริงๆครับ”เกาเชียนพูดอย่างปิดปาง
จริงๆแล้วก็ไม่ได้ยุ่งมาก … แต่สถานการณ์ของตอนนี้เขาไม่กล้าพูดมากไป
“ฝากขอบคุณเขาด้วยนะคะ ขอบคุณที่เขาหาโจวหย่านเจอและให้เธอกลับมาช่วยฉันอธิบายด้วย”เวินจิ้งบอกว่า
เรื่องนี้ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง เธอก็ติดบุญคุณของมู่วี่สิงอยู่แล้ว
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตอบแทนเขายังไง
“ครับ งั้นฉันไปก่อนนะครับ คุณเวิน” เกาเชียนรีบตามโจวหย่านไป และส่งเธอขึ้นรถอย่างเคารพ
รถคันนั้น เวินจิ้งจำได้อย่างชัดเจนว่านั้นเป็นรถของมู่วี่สิง
ดวงตาของเธอสั่นไปเล็กน้อย แต่ไม่กล้าคิดมาก
ในเวลานี้ ที่โรงพยาบาล
มู่วี่สิงอยู่ในห้องทำงานของคณบดีโรงพยาบาลตลอด ถึงแม้ว่าปากคำของโจวหย่านจะชี้แจงให้เวินจิ้งแล้ว แต่เหตุการณ์ทางการแพทย์นี้ ก็ยังต้องมีคนรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ดี
“ศาสตราจารย์มู่คะ เวินจิ้งเป็นแค่นักเรียน ฉันจะปรึกษากับอธิการบดีและให้เธอพักการเรียนเป็นระยะเวลาหนึ่ง รอให้เรื่องนี้ผ่านไปค่อยกลับมา คุณคิดว่าไงคะ”คณบดีถาม
ในเมื่อเกิดเรื่อง เขาจำเป็นต้องอธิบาย
ไม่งั้นคนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือเขาเอง
สิ่งที่โชคร้ายที่สุดในขณะนี้ก็คือผู้ป่วยที่ติดเชื้อยังไม่ตื่นขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่แย่สุด
“ไม่ได้ เธอจะพักเรียกไม่ได้ เรื่องนี้เธอไม่ได้ทำผิด”มู่วี่สิงพูดอย่างจริงจัง
“ฉันรู้ค่ะ แต่เรื่องนี้เธอต้องเป็นคนที่รับผิดชอบเท่านั้นค่ะ…”เสียงของคณบดีก็เบาลงเรื่อยๆ
เขาไม่กล้าขาดใจมู่วี่สิง แต่เขาก็ต้องรักษาตำแหน่งคณบดีไว้
และทางโรงเรียนให้แรงกดดันตลอด ให้การจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เขาไม่รู้จะทำยังไงดี
ตาของมู่วี่สิงแคบลง กำมืออย่างแน่นและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
สักพัก มู่วี่สิงออกจากห้องทำงานของคณบดีและมาที่หอผู้ป่วยด้านล่าง
ญาติของผู้ป่วยร้องไห้ตลอดเวลาอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นมู่วี่สิงที่ใส่เสื้อคลุมสีขาว พวกเขาก็ร้องไห้และเรียกร้องความรับผิดชอบ
ญาติของผู้ป่วยได้ร้องเรียนเหตุการณ์นี้ตลอด แต่คณบดีระงับมันชั่วคราว
เขาขมวดคิ้ว หยิบบันทึกการแพทย์ของผู้ป่วย เนื่องจากสมองติดเชื้อ มันเป็นอันตรายอย่างหนักถ้าจะผ่าตัด
แต่ว่า ก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีความนั่นใจสักนิดเลย
“ไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะตื่นขึ้นแน่นอน”มู่วี่สิงพูดเสร็จก็ไปที่ห้องทำงานของคณบดีอีกครั้ง
“อะไรนะ คุณจะผ่าตัดให้เขาเหรอ”คณบดีตกใจมาก
จริงๆแล้วเขาก็เคยคิดวิธีนี้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้มากเกินไปสำหรับการผ่าตัดครั้งที่สองแม้แต่ไป๋สือก็ไม่มีความมั่นใจเลย
ทั้งโรงพยาบาลก็ยิ่งไม่มีหมอคนไหนจะเห็นด้วย
แต่ตอนนี้มู่วี่สิงเสนอออกมาเอง
“ศาสตราจารย์มู่ คุณแน่ใจเหรอ… “คณบดีรู้สึกไม่มั่นใจ
หากครั้งนี้เกิดปัญหาอีก ตำแหน่งของเขาก็จะเก็บไม่อยู่แน่
แต่ก็รู้เลยว่า ในเมื่อมู่วี่สิงกล้าที่จะเสนอออกมาก ก็แสดงว่าเขามีความมั่นใจแน่นอน
“ท่านคณบดี ฉันจะผ่าตัดด้วยตัวเอง แถมอาคารใหม่อีกสองหลัง คุณยังต้องพิจารณาเหรอ”มู่วี่สิงก้มลง ตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
คณบดีปฏิเสธไม่ได้
“ศาสตราจารย์มู่ งั้นฉันมีเงื่อนไขอันหนึ่งได้ไหมคะ”คณบดีถาม
“บอกมา”
“คุณมาทำงานในโรงพยาบาลของเราสัปดาห์ละหนึ่งวัน มันไม่มากเกินไปใช่ไหมคะ”คณบดียิ้มอย่างชาญฉลาด
เรื่องนี้เขาคิดมาตั้งนานแล้ว
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ตอบอย่างเย็นชา”เช้าหนึ่ง”
“ได้ครับ”
…
เพิ่งออกจากโรงพยาบาล โจวหย่านก็รออยู่ข้างนอก เมื่อเห็นมู่วี่สิงเธอก็วิ่งไปหาและจับแขนของเขา
มู่วี่สิงไม่ได้ผลักออกไป โจวหย่านได้ให้นักข่าวแอบถ่ายรูปอยู่แต่ตรงข้ามแล้ว
คิ้วที่เย็นชาของเขาขมวดขึ้น
“คุณจะกลับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอีกเหรอ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ไปทานอาหารเย็นดีไหมคะ”โจวหย่านยิ้มอย่างสดใส
“อื่ม”มู่วี่สิงตอบ แล้วพาเธอไปที่ร้านอาหารจีน
ห้างที่ทานข้าวก็กว้างขวางมาก แต่โจวหย่านก็ติดกับตัวของมู่วี่สิงตลอด ตักข้าวให้เขาอย่างใส่ใจ แต่มู่วี่สิงไม่ได้กินกี่คำ และไม่ได้กินที่เธอตักให้สักคำ
ตาของโจวหย่านค่อยๆเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เธอเองก็กินอย่างไม่อร่อย
มู่วี่สิงยุ่งมาก อยู่โรงพยาบาลทั้งวัน ไม่ได้ทำเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตั้งเยอะ
ไม่สักพักเขาก็เรียกเกาเชียนเข้ามาโดยตรงและรายงานเขาอยู่ข้างๆ
อาหารค่ำสำหรับสองคน … ก็กลายเป็นของสามคน
โจวหย่านก็ยิ่งไม่ดีใจไปอีก แต่การมองมู่วี่สิง ก็เป็นเรื่องที่ชื่นชอบเหมือนกัน
อาหารมื้อนี้กินไปสามชั่วโมงเต็มๆ มู่วี่สิงใช้สองชั่วโมงครึ่งมาทำงาน เขาส่งโจวหย่านไปที่อพาร์ตเมนต์ในเมืองแห่งหนึ่งก่อน แล้วเขาค่อยกลับไป
แต่โจวหย่านไม่ได้ลงจากรถ มองไปที่ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอ”ฉันอยากอยู่กับคุณ”
“ไม่สะดวก”มู่วี่สิงไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ
โจวหย่านก้มตาลด พูดอย่างกล้าหาญว่า”เรากำลังจะแต่งงานแล้ว พักอยู่ด้วยกันทำความเคยชินอย่างดีก่อนไม่ได้ดีเหรอคะ”
“ไม่ว่าจะชินหรือไม่ชิน คุณก็ต้องแต่งงานกับฉันไม่ใช่เหรอ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชามาก
โจวหย่านไม่ได้พูดอะไรอีก มองเห็นได้ชัดว่า มู่วี่สิงไม่ชอบเธอมาก
“คุณเคยสัญญากับฉันว่า คุณจะแต่งงานกับฉัน คุณจะไม่ผิดสัญญาใช่ไหมคะ”น้ำเสียงของโจวหย่านก็เย็นชาลง
“ไม่ กลับไปเถอะ พักผ่อนดีๆ”มู่วี่สิงพูดอย่างเหนื่อย
“พรุ่งนี้คุณกินข้าวเย็นกับฉันได้ไหมคะ”โจวหย่านถาม
“ได้”มู่วี่สิงไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อโจวหย่านกลับไปแล้ว เกาเชียนที่อยู่ที่นั่งคนขับหันมา”คุณมู่ เรื่องข่าวระหว่างคุณกับคุณโจวทางหนังสือพิมพ์ถามว่าจะต้องปิดไว้ไหมครับ”
“ไม่จำเป็น”
…
เวินจิ้งเพิ่งกลับหอพักจากอาคารทดลอง หลิงเหยามองเธอด้วยสายตาแปลกๆตลอด
“มีอะไรเหรอ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
ตอนนี้การลงโทษของโรงเรียนไม่ได้ลงมา เธอยังสามารถไปเรียนอย่างปกติ แต่จริงๆแล้วเธอผิดหวัง
ในทุกๆวัน
ความหวังที่จะสนับสนุนเธอก็กำลังหายไปทีละนิด