บทที่407 ฉันจะไม่แต่งงานกับเธอ
“เธอคิดถึงฉันไหมในช่วงนี้” เขาถามด้วยเสียงต่ำ
เวินจิ้งส่ายหัวอย่างเย็นชา
“จะไม่ถามอะไรฉันเลยเหรอ” เขาขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว ยังต้องถามอีกเหรอ”เสียงของเวินจิ้งเฉียบมาก
เธอรู้เลยว่าที่มู่วี่สิงพูดถึงคือเรื่องเขากับโจวหย่าน
“ฉันจะไม่แต่งงานกับเธอ” มู่วี่สิงยังมองเธอตลอด
แต่เวินจิ้งยิ้มเบาๆ “คุณจะแต่งงานกับเธอหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็ผลักเขาออกไปอย่างแรง
วิ่งออกไปจากห้องทำงานโดยไม่ได้หวนกลับมามองเลย ดวงตาก็ค่อยๆเต็มไปด้วยน้ำตา ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาจนได้
เช็ดน้ำตาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง หามุมหนึ่งแล้วหมอบลง เธอสูดลมหายใจและน้ำตาก็ไหลลงหนักกว่าเดิม
“มู่วี่สิง ผู้ชายเลวๆ”
เธอด่าว่าและหยิบหินก้อนเล็กๆขึ้นมาจากพื้นแล้วขว้างมัน
แต่ไม่คิดว่ามันขว้างไปบนรองเท้าหนังที่สะอาดมาก
“ขอโทษค่ะ” พูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เวินจิ้งยังตกอยู่ในอารมณ์ของเธออยู่
จนกระทั่งมีทิชชู่ส่งไปตรงหน้าเธอ มีเงาตกลงมา กลิ่นนี้ค่อนข้างคุ้นเคย
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก็เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารของมู่วี่สิง
เธอต้องดูผิดแน่ๆ เขาจะสงสารเธอได้ยังไงล่ะ
เขาต้องไม่มีอารมณ์แบบนี้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดอย่างนี้ เวินจิ้งจึงไม่ได้รับทิชชู่ไว้ หันตัวจะวิ่งออกไป
แต่มู่วี่สิงกอดเธอเข้าไปในหน้าอกอย่างแน่น เสียงของเขาตกลงบนหัวของเธอ “เชื่อฉัน ได้มั้ย”
เสียงของเขามีเสน่ห์มาก
เวินจิ้งสั่นเบาๆ เสียงของเธอยังเย็นชาเหมือนเดิม “คุณปล่อยฉัน”
“ไม่ปล่อย” คำพูดของมู่วี่สิงเอาแต่ใจมาก
เวินจิ้งยิ่งรังเกียจเข้าไปอีก เสียงของเธอมีความโกรธมากขึ้น “มู่วี่สิง เราอย่ามาเจอกันอีกเลย คุณกำลังจะแต่งงานแล้ว”
“ฉันจะไม่แต่งงานกับเธอ” เขาพูดซ้ำอีกครั้ง
“โอ้ คุณพูดอะไร ฉันก็ต้องเชื่ออย่างงั้นเหรอ” ดวงตาที่เปียกน้ำตาจ้องมองเขา
เธอไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่ไม่กล้าเชื่อเท่านั้น
ผิดหวังมากเกินไป ก็จะไม่กล้าคาดหวังเลย
เขาและโจวหย่านเป็นว่าที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวกัน อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ
แต่เธอคิดอยู่เสมอว่า เธอกับมู่วี่สิงอยู่ด้วยกัน เราเป็นแฟนกัน
แต่จริงๆแล้วทุกอย่างเป็นแค่จินตนาการของเธอเอง
เธอยิ้มอย่างเหน็บแนม “ศาสตราจารย์มู่ ได้โปรดปล่อยฉันค่ะ เดี๋ยวมีคนเดินผ่านแถวนี้ ถ้าใครเห็นก็จะไม่ดีต่อเราทั้งสองคนค่ะ”
มู่วี่สิงหน้าอย่างโกรธ มันมืดเกินไป เธอมองเห็นไม่ชัดสีหน้าของเขา
แต่ความโกรธที่เต็มในตัวเขา เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจน
เขาโกรธอะไรอยู่
คนที่ควรจะโกรธคือเธอไม่ใช่เหรอ
เธอเป็นคนที่ถูกปิดบังมาตลอด
แขนที่กอดอยู่เอวค่อยๆ ปล่อยลง เวินจิ้งได้เป็นอิสระแล้วรีบขยับออกไปทันที
แต่ว่าหัวใจเจ็บมาก เจ็บเหลือเกิน
เธอไม่ควรเริ่มต้นใหม่กับมู่วี่สิงเลย ไม่ควรจริงๆ…
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เกาเชียนมองเจ้านายอย่างคิดไม่ถึง เวลานี้ทำไมคุณมู่ยังไม่กลับบ้านอีก..
แต่เขากำลังเตรียมตัวจะเลิกงานแล้วนะ
ความเข้มของงานเมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกตินะ…
“เอาประวัติทางการแพทย์มาให้ฉัน” มู่วี่สิงสั่งว่า
เกาเชียนรีบเอาประวัติทางการแพทย์ของเวินจิ้งไปให้ นี่เป็นหนึ่งเดือนเต็มๆแล้ว มู่วี่สิงจะอ่านอย่างรายละเอียดในทุกคืน
“คุณมู่ คุณโจวให้คุณโทรกลับครับ”
แม้ว่าเจ้านายอาจไม่ชอบได้ยินสิ่งนี้ แต่เกาเชียนก็ต้องรายงานตามความจริง
คิดไม่ผิดเลย ใบหน้าที่อึมครึมของมู่วี่สิงก็ดูยิ่งเข้มกว่าเดิม
ชั้นหนึ่งของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
ไม่ได้รับสายโทรศัพท์จากมู่วี่สิง โจวหย่านอดไม่ไหวอยากขึ้นไปหามู่วี่สิง
เกาเชียนลงมาพอดี เมื่อโจวหย่านเห็นเขาแล้วก็มาถามว่า “วี่สิงยังทำงานอยู่เหรอ”
“ใช่ครับ ผมคิดว่าคุณมู่คงต้องพักที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปครับ คุณโจวกลับไปก่อนเลยนะครับ”
“บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะยุ่งขนาดนี้เลยเหรอ… “โจวหย่านบ่นว่า
เกาเชียนไม่พูดอะไร
สุดท้ายโจวหย่านก็ขึ้นไปที่ชั้นบนสุด เคาะประตูห้องทำงาน มู่วี่สิงไม่ได้ตอบสนอง
เธอผลักประตูเบาๆ ก็เห็นท่านอนหลับอย่างเหนื่อยของมู่วี่สิง
หัวของเขาเอนไปหลังของโซฟาและใบหน้าที่หล่อเหลานั้นมีเสน่ห์มาก คงเป็นเพราะนอนหลับไป ออร่าของเขาก็เลยอ่อนลงไปเยอะ
มู่วี่สิงแบบนี้ ทำให้ใจเธอหลงมากยิ่งขึ้น
ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ โจวหย่านก็ไม่อยากรบกวนเขา นั่งลงอยู่ข้างๆเขา แต่สังเกตเห็นประวัติทางการแพทย์ที่วางอยู่ตรงหน้าเขา
เธอหยิบขึ้นมาดู มันเป็นประวัติทางการแพทย์ของซูยาง
เธอมองมู่วี่สิงอย่างกระวนกระวาย เขายังนอนหลับอยู่ เธอค่อยๆหยิบมันขึ้นมาอย่างเบา
สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไป ซูยางเป็น……
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซูยางเคยเป็นนายหญิงมู่ เธอก็จะไม่เกลียดเธอขนาดนี้หรอก
แต่ในตอนนี้ เธอรู้สึกไม่สบายใจเบาๆ
เธอมีเวลาไม่มากแล้ว
ในเวลานี้ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา สติของโจวหย่านกลับมา เมื่อเห็นเนื้อหาของข้อความ ใบหน้าของเธอมีความลังเลเล็กน้อย
เธอลุกขึ้นมายืน เดินไปที่โต๊ะทำงาน เจอเอกสารแล้วถ่ายรูปไว้
เมื่อมู่วี่สิงลืมตา โจวหย่านนั่งอยู่ข้างๆเขาและกำลังเขียนข้อความWeChatอยู่
“คุณมาได้ยังไง” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มองไปที่โทรศัพท์ของโจวหย่านอย่างรวดเร็ว
“ผู้ช่วยเกาบอกว่าคุณค้างที่นี่” โจวหย่านตอบอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“อื้ม”พูดเสร็จ มู่วี่สิงก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วเดินไปที่บาร์ดื่มไวน์แก้วหนึ่งและเริ่มทำงานต่อ
แม้ว่าเขาจะพักไปแค่สักพัก แต่ใบหน้าของมู่วี่สิงก็ยังเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ หรือถ้าคุณมีงาน คุณสามารถบอกฉันได้เลย ฉันอยากช่วยคุณ” โจวหย่านมองเขาอย่างแผดเผา
แต่สายตาของมู่วี่สิงไม่ได้มองเธอเลย หลังจากกลับมาที่โต๊ะทำงาน เขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “กลับก่อนเลย คุณอยู่ที่นี่มีแต่จะรบกวนผม”
ดวงตาของโจวหย่านเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เธอก็ไม่ได้กลับ สักพักก็นอนหลับบนโซฟา
จนเช้าวันรุ่งขึ้นเธอถึงตื่น ไม่เห็นมู่วี่สิงอยู่ในออฟฟิศแล้ว ถามดูถึงรู้ว่ามู่วี่สิงกำลังประชุมอยู่
จนถึงตอนเย็นมู่วี่สิงค่อยออกมา โจวหย่านรีบเดินเข้าไปหาทันที
แต่ประตูลิฟต์ตรงข้ามเปิดพอดี เวินจิ้งผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนายาวันนี้ต้องมาส่งรายงาน เมื่อเธอออกมา ก็ต้องเจอสองคนอยู่แล้ว
โจวหย่านเดินไปที่ด้านข้างของมู่วี่สิงแล้ว เมื่อเธอเห็นเวินจิ้ง เธอก็จับแขนของมู่วี่สิงอย่างจงใจ
ดวงตาของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความเย็นชา จ้องมองที่มือ ผิวขาวของโจวหย่านแล้วพูดน้ำเสียงนั้นเย็นเยือกมาก “ปล่อย”
โจวหย่านกลัวเบาๆ แต่เมื่อเห็นเวินจิ้งยิ่งเดินเข้ามาใกล้มากแค่ไหน เธอก็ยิ่งจับแน่นมากขึ้นแค่นั้น
เวินจิ้งขมวดคิ้ว จะทำเป็นไม่สนใจ
แต่มู่วี่สิงเรียกเธอว่า “เวินจิ้ง รอฉันซักพักนะ”
พูดเสร็จ เขามองโจวหย่านและผลักเธอออกไปจากอ้อมแขนของเขา
สั่งเกาเชียนที่อยู่ข้างหลังเขา “ส่งคุณโจวกลับไป”
“วี่สิง… “โจวหย่านอ้อน
แต่มู่วี่สิงผลักเธอออกไปแล้ว ในวินาทีต่อมา ร่างกายที่สูงก็ขวางทางเดินของเวินจิ้งไว้
“คุณมู่คะ รายงานการวิจัยและพัฒนาของวันนี้ คุณอ่านก่อนเลยค่ะ” เวินจิ้งส่งเอกสารชุดหนึ่งมาให้ด้วยความสุภาพ
มู่มู่วี่สิงไม่ได้รับ “ตามฉันขึ้นมา”
พูดเสร็จก็เดินเข้าไปในลิฟต์ก่อน
เวินจิ้งไม่ขยับตัว มองเขาอย่างระมัดระวัง
“จะให้ฉันอุ้มเธอขึ้นไปเหรอ” เสียงของมู่วี่สิงค่อนข้างเย็นชา
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก มันจะมากไปแล้ว