หน้าที่ 421 อิจฉาอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากผ่านไป2ชั่วโมงที่โรงพยาบาลหนานเฉิง
ที่นี่คือโรงพยาบาลส่วนตัวที่บริษัทหมู่ซื่อกรุ๊ปลงทุน เพื่อตัดขาดไม่ให้คนนอกเข้ามา หลิงอี้เลยต้องส่งเวินจิ้งมาที่นี่
หลี่ซี่ถูกเขาขวางไว้ให้อยู่ข้างนอกนานแล้ว ช่วงนี้หลินเวยไปทำงานนอกสถานที่ เรื่องเวินจิ้งสลบไม่ควรเปิดเผยให้ข้างนอกรู้ มู่วี่สิงได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว รีบไปโรงพยาบาลทันที อันที่จริงโรงพยาบาลจะไม่รับคนป่วยที่ไม่ได้ยื่นคำร้อง แต่เวินจิ้งได้รับการยกเว้น เดินมาที่ห้องผู้ป่วย หลิงอี้กลับขวางเขาไว้ กำคอเสื้อมู่วี่สิงไว้แน่น หลิงอี้ถามด้วยเสียงต่ำ “คุณรักษาเธอได้เหรอ?” เมื่อกี้ตอนที่เห็นสีหน้าซีดเซียวของเวินจิ้ง ที่ล้มอยู่ในห้องน้ำ ทำเอาเขาตกใจจริงๆ ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้ ตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าเวินจิ้งจะแกล้งทำเป็นนิ่งใส่ แต่ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่อยากโกหกเธอ แต่ถ้าเวินจิ้งรู้อาการป่วยของตัวเอง สำหรับเธอมันเป็นเรื่องโหดร้ายเกินไป
“ได้”
คิดไม่ถึงมู่วี่สิงจะตอบออกมาอย่างหนักแน่น
หลิงอี้มองเขาด้วยความแปลกใจ อย่างน้อยอาการที่เขารู้ เวินจิ้ง ณ เวลานี้ไม่ว่าจะเลือกรักษาวิธีไหนก็เสี่ยงอยู่ดี
“คุณแน่ใจ?” หลิงอี้หรี่ตา
“ผมจะรักษาเธอให้หาย” มู่วี่สิงยืนยันอีกรอบ พูดจบ ผลักหลิงอี้ออก เขาพากลุ่มทีมผู้เชี่ยวชาญเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
เนื้องอกที่อยู่ในสมองเวินจิ้งเริ่มแพร่กระจาย ณ เวลานี้ต้องใช้วิธีการรักษาด้วยยา ถึงแม้โอกาสที่จะสำเร็จมีไม่มากก็ตาม แต่บางทีก็จำเป็นต้องลองดู มู่วี่สิงเขียนผลวินิจฉัยโรคทั้งหมดลงในประวัติเวชระเบียน ถ้าเวินจิ้งตื่นมาก็จะเห็นทันที เพียงแต่ผ่านไปสักพักกลับถือประวัติเวชระเบียนออกไปข้างนอก หลิงอี้เดินหน้ามาอย่างกังวล “เธอจะตื่นเมื่อไหร่?
“ภายใน3ชั่วโมง”
ส่วนจะเป็นเวลาไหน ก็ต้องดูปฏิกิริยาของร่างกายเวินจิ้ง
“คุณคิดว่าจะทำยังไง?” หลิงอี้ถามเสียงต่ำ ทางด้านการแพทย์หลิงอี้เชื่อมั่นในตัวมู่วี่สิงอยู่แล้ว เขามีอำนาจในด้านแผนกประสาท เวินจิ้งผ่าตัดครั้งนี้ ถ้าเขากับผู้เชี่ยวชาญด้านสมองผ่าตัดด้วยกัน ผลที่จะประสบความสำเร็จก็มีมาก
“ทำการผ่าตัด” เกี่ยวกับแบบแผนการผ่าตัดของเวินจิ้ง เขาศึกษามานานมาก อันตรายมันก็มี แต่ร่างกายเธอทรุดลงเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ผ่าตัด กลัวว่าเวลาจะยิ่งน้อยลง
“โอกาสสำเร็จมีกี่เปอร์เซ็นต์?”
“ห้าเปอร์เซ็นต์”
“ไม่ได้” หลิงอี้โต้แย้งขึ้นทันที “เปอร์เซ็นต์น้อยขนาดนี้ ผ่าตัดไม่ได้”
“ผมจะทำสุดความสามารถ” มู่วี่สิงรับปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ
หลิงอี้เม้มปากที่เย็นเฉียบ จ้องมองมู่วี่สิง แววตาทั้งสองคนกำลังขัดแย้งและหวาดกลัว เพราะผู้หญิงคนเดียวกัน
เพียงแต่ อารมณ์แบบนี้ครู่เดียวก็หายไป หลิงอี้พูดขึ้น “หากเธอเป็นอะไร ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”มู่วี่สิงที่เคยเย็นชา แววตาที่คมลึกของเขาแสดงความกังวลออกมา
กลับถึงห้องทำงาน พยาบาลก็ตามเข้ามาด้วย
ตอนนี้สีหน้าของมู่วี่สิงเยือกเย็นมาก เธอไม่กล้าเข้าใกล้เขาในทันที
“คุณหมอมู่ฉันสั่งอาหารให้คุณเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณทานสักหน่อยนะคะ” พยาบาลอดถามไม่ได้
“ออกไป” มู่วี่สิงไม่ละสายตา จ้องมองแต่ผลการวิจัยโรคที่อยู่ในมือ
ในห้องผู้ป่วย หลิงอี้ยังคงยืนมองผู้หญิงที่ยังสลบอยู่ไกลๆ กำมือไว้แน่น
สักพัก ทุบกำปั้นไปที่กำแพงอย่างแรง แววตาแดงก่ำ
…… หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงเวินจิ้งตื่นขึ้นมา สิ่งแวดล้อมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้แปลกตา
ที่นี่คือ…โรงพยาบาลส่วนตัวของตระกูลหมู่?
เธอยังจำได้คราวที่แล้วถูกมู่วี่สิงทำให้ง่วงอยู่ที่นี่
คิดมาถึงตรงนี้ แววตาปรากฏความหนาวเย็นขึ้นมา
สำหรับที่นี่รู้สึกขัดแย้ง
หลิงอี้ที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ไกล เวินจิ้งหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจำได้ว่าเธออาเจียน ต่อมาก็ปวดหัวอย่างแรง…..หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว สีหน้าของเวินจิ้งดีขึ้นเยอะ เพียงแต่ร่างกายยังไม่มีเรี่ยวแรง ลุกนั่งยังไม่ไหว หลิงอี้พยุงเธอไว้ “นอนก่อน”
“คุณพาฉันมาส่งเหรอคะ?” เวินจิ้งถามอย่างอ่อนแรง
“อืม”
“ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลรัฐบาล” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
ที่นี่คือ…สถานที่ของมู่วี่สิง
“เวินจิ้ง มู่วี่สิงเขารู้อาการของเธอดี” หลิงอี้พูด
ถึงขั้นนี้แล้ว อาการป่วยของเวินจิ้งเขาก็ไม่อยากปิดอีกต่อไป เพียงแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
เวินจิ้งชะงัก กัดริมฝีปากแน่นไม่ได้พูดอะไร
หลิงอี้พูดแล้วก็หยุดอั้มๆอึ้มๆ สรุปแล้วก็ไม่ได้พูดออกมา
ในห้องผู้ป่วยแผ่กระจายไปด้วยความอึดอัด
“ฉันรู้หมดแล้ว” สักพัก เวินจิ้งค่อยๆพูดออกมาอย่างเบาๆ
หลิงอี้เงยหน้า ประหลาดใจอย่างมาก
“เวินจิ้ง…” เขาพูดเสียงหนัก
“ฉันรู้อาการป่วยของตัวเอง พวกคุณไม่ต้องปิดบังฉันแล้ว” เวินจิ้งพูดคำพูดนี้ออกมาด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ
แต่ ..ไม่ควรเป็นแบบนี้
หลิงอี้คิดว่าเวินจิ้งจะเสียใจ แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น
เห็นความนิ่งสงบของเธอ ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถาม
“ครั้งที่แล้วตอนอยู่ที่นี่ ฉันก็รู้แล้ว”
“เวินจิ้ง มู่วี่สิงพูดแล้ว เขามีความมั่นใจที่จะรักษาเธอให้หายนะ”
เวินจิ้งยิ้มเบาๆ “ความสำเร็จในการผ่าตัดมีน้อยมาก ฉันก็รู้”
“เวินจิ้ง เชื่อผมนะ คุณต้องไม่ตาย!” หลิงอี้พึมพำพูดเหมือนคนบ้าคลั่ง แม้แต่ตายังแดงไปหมด
แต่เทียบกับเวิ้นจิ้งสีหน้าเธอกลับสงบนิ่งตลอด
“มีเวลาเหลือแค่5ปี ไม่ใช่หรอคะ?”
“อย่ายอมแพ้นะ” หลิงอี้จับมือเธอไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่ได้ยอมแพ้ แค่ตอนนี้ยังไม่มีวิธี ฉันทำใจไว้แล้ว” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากมีเวลาเหลือไม่มาก ถ้างั้นไม่กี่ปีที่เหลือ เธอก็จะเรียนปริญญาโทให้จบ มีโอกาสก็จะไปหาน้าเจี่ยน ยังไงเธอก็ยังคงอยากอยู่ใกล้ๆเขา
เพราะอยู่กับน้าเจี่ยน ถึงจะทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของบ้าน
“เวลานี้อาการของฉันเป็นไงบ้าง?” เวินจิ้งถามอย่างนิ่งสงบ
หลิงอี้ถึงได้สติกลับมา พึ่งนึกได้ว่ามู่วี่สิงเอาประวัติเวชระเบียนออกไปแล้วกำลังจะออกไปหาเขา ผู้ชายผลักประตูเข้ามาพอดี
ร่างที่แต่งชุดขาวของมู่วี่สิง ในสายตาของเวินจิ้งก็ยังคงหล่อเหลาสง่าน่าหลงใหล
เพียงแต่หน้าตาเขาก็ยังบึ้งตึงเหมือนเดิม
“ในเมื่อคุณเวินรู้อาการของตัวเองแล้ว ผมก็จะไม่ขอพูดมาก ตามแบบแผนของผมแนะนำให้รับการผ่าตัดให้เร็วที่สุด” คำพูดมู่วี่สิงเย็นชา
“ถ้าหากฉันไม่รับการผ่าตัดล่ะ?” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“จำเป็นต้องผ่าตัด” มู่วี่สิงน้ำเสียงหนักแน่น “ผมมีความมั่นใจ”
เวินจิ้งเม้มปาก สบตามู่่วี่สิง ตั้งนานโดยไม่ได้พูดอะไร ในใจก็ยังแปลกใจเสมอ เธอคิดว่า ตัวเองไม่มีความหวังแล้ว
ความคิดเห็นตรงกันหมดว่าเนื้องอกอยู่ในตำแหน่งพิเศษ หากทำการผ่าตัดโอกาสเสี่ยงสูงมาก ทุกคนเตือนให้ล้มเลิก
แต่มู่วี่สิงขณะนี้กลับพูดกับเธออย่างนี้
“จริงเหรอคะ?”เธอถามอย่างตะลึง
“ใช่” มู่วี่สิงจ้องมองเธอ
หลิงอี้ไม่มีโอกาสแทรกเข้าไปพูดในระหว่างที่เขาสองคนกำลังคุยกัน ออกจากห้องผู้ป่วย เขาหลับตา วินาทีนี้รู้อย่างชัดเจนว่าตัวเองไม่มีทางที่จะได้อยู่กับเวินจิ้ง
ระหว่างเวินจิ้งกับมู่วี่สิงความรักผูกพันลึกซึ้ง ทำให้เขาอิจฉาจนบ้าคลั่ง