บทที่ 425 ไม่อยากเสียเขาไปอีก
หลังจากที่หลินเวยปิดผ้าพันแผลก็กลับบ้านหลินไปพักผ่อน
เธอคิดถึงเขาแล้ว
แต่เขาควรจะยุ่งอยู่กับการทำธุรกิจ พอคิดอย่างนี้ เวินจิ้งกินข้าวมื้อค่ำเสร็จก็พักอยู่ในห้องพักผู้ป่วย
เวลาผ่านไป1นาที1วินาที พยาบาลเข้ามาหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของมู่วี่สิง
ด้วยจิตใต้สำนึก เวินจิ้งหยุดพยาบาลที่กำลังจะออกไปข้างนอก “คุณหมอมู่อยู่ที่โรงพยาบาลไหมคะ?”
“เขาอยู่ คุณต้องการพบเขาหรอคะ?”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่ถามดู” เวินจิ้งก้มศีรษะลง
พยาบาลกลับเข้าห้องทำงาน มู่วี่สิงกำลังจัดการธุระเรื่องบริษัทมู่ซื่อกรุป แต่ก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น
ชะงัก เธอเปิดปากถาม “คุณหมอมู่คะ คุณเวินจิ้งเหมือนกำลังหาคุณอยู่ค่ะ”
ได้ยินคำพูด มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาตั้งแต่แรก
ตั้งแต่บ่าย เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เกาเชียนที่อยู่ข้างๆมองออกอย่างชัดเจน
กลัวว่าจะเป็นเพราะเวินจิ้งอีก
ยิ่งกว่านั้น ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเจ้านายไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ อยู่แต่ห้องผู้ป่วยของเวินจิ้ง วันนี้แปลกจริงๆ ที่เขาจัดการธุระในออฟฟิศด้วยตัวเอง
“อาการเธอเป็นไงบ้าง?” มู่วี่สิงถาม
“ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดีค่ะ”
“อืม”
มู่วี่สิงยังคงจัดการงานต่อ
พยาบาลกับเกาเชี่ยนมีสีหน้าที่คาดไม่ถึง
จนกระทั่งตกดึก เวินจิ้งก็ยังไม่เห็นมู่วี่สิงมา นอกจากว่าคืนนี้ เขาไม่มา…..
พอนึกถึงตรงนี้ ผิดหวังราวกับฟ้าถล่มดินสลาย
เวินจิ้งร้อนใจไม่เป็นสุขฟุบลงเตียง สักพักก็ลุกขึ้นนั่ง หาโทรศัพท์ออกมาโทรหามู่วี่สิง!
ในห้องทำงานที่เงียบสงบ มู่วี่สิงมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ แต่ไม่สนใจ
โทรศัพท์ก็ดังอยู่อย่างนั้น เวินจิ้งไม่ยอมแพ้
สักพัก มู่วี่สิงถึงจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เดินออกไปจากห้องทำงาน
เห็นมู่วี่สิงเข้ามา เวินจิ้งถึงจะวางโทรศัพท์ลง
ตอนนี้เธอมั่นใจมากว่ามู่วี่สิงนั้นตั้งใจเมินโทรศัพท์เธอ!
รู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่พอได้เจอเขา ความโกรธนั้นก็น้อยลงไม่น้อย
“คุณยุ่งมากใช่ไหมคะ?” เวินจิ้งถามเขาอย่างกระวนกระวายใจ
สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชาเล็กน้อย
แต่ว่าตอนนี้อ่อนโยนขึ้นไม่น้อย
“อืม ยุ่งมาก” เขาเดินเข้ามา
เห็นอาหารมื้อค่ำที่กินไปไม่กี่คำวางอยู่ข้างเวินจิ้ง
“ไม่อยากอาหาร?” เขาถาม
เวินจิ้งเม้มปาก “ยังดี อิ่มแล้ว”
“อืม งั้นก็รีบพักผ่อน” พูดจบก็ช่วยเธอเก็บอุปกรณ์อาหารเตรียมจะออกไป
เวินจิ้งมองไปที่ด้านหลังของมู่วี่สิง ทำปากจู๋ไม่ได้พูดอะไร
หรือว่าเขาจะโกรธ?
”มู่วี่สิง” เธอโมโหเล็กน้อย
นี่มันคืออะไร!
ผู้ชายที่หน้าประตูชะงักหยุดเดิน สูดหายใจเข้าลึก เขาทิ้งขยะแล้วหันตัวกลับมา
เวินจิ้งคิดไม่ถึง เห็นมู่วี่สิงเดินเข้ามาทางเธอ กอดเธอเข้าในอ้อมแขน
“ฉันหึงนะ” เขาตอบด้วยเสียงนิ่ง
เวินจิ้งอึ้ง หึง?
เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย….
“อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร” มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรอีก
เวินจิ้งจับคอเสื้อเขาไว้ “คุณหึงใครหรอคะ?”
ใบหน้าของมู่วี่สิงยากนักที่จะแดงแบบนี้
เวินจิ้งได้เห็นเข้า อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เธอนึกถึงเรื่องในวันนี้ หรือเป็นหลิงอี้
แต่เธอกับหลิงอี้ก็แค่คบหากันแบบธรรมดาทั่วไป
มองมู่วี่สิงย่างสงสัย เขาก็รีบหันศีรษะไป
“หึงชัดๆ! มู่วี่สิง คุณรีบพูดมา” เวินจิ้งจับแขนเขาไว้
มู่วี่สิงถอยหลัง เธอจับเขาไม่ได้ แต่กับดึงถูกกระดุมเสื้อ…
ทันใดนั้นเสียงกระดุมเสื้อหล่นลงพื้นดังขึ้น
กล้ามเนื้อผู้ชายที่ซ่อนอยู่ถูกเผยออกมา
แก้มเวินจิ้งค่อยๆแดงขึ้น
ยิ่งละสายตาออกไม่ได้…
“รีบร้อนขนาดนี้? หืม?” เสียงผู้ชายที่ล้อเล่นดังอยู่บนศีรษะ วินาทีต่อมาเวินจิ้งถูกเขากดเข้ามาบนหน้าอก
แก้มเธอแนบกับจุดเต้นของหัวใจเขาพอดี
ความร้อนในตัวเขาถูกส่งผ่านมายังตัวเธอเหมือนกับถูกไฟเผา
เธอได้สติ คิดจะผลักเขาออก แต่มู่วี่สิงไม่ให้เธอมีโอกาสนี้
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เธออธิบาย
“อืม แต่จงใจ”
เวินจิ้ง…….
มองกระดุมที่ตกพื้น สายตาเธอมองขึ้นมา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าถึงกับทำให้เธอต้องกลืนน้ำลาย
แก้มยิ่งแดงขึ้น
เธอโค้งเอวก้มลงมาเก็บกระดุม เพียงแต่เสื้อตัวนั้นไม่สามารถใส่ต่อได้อีกแล้ว
“ทำไงดี……”
“พักสักเกาเชียนจะเอาเสื้อมาส่ง แต่ว่าตอนนี้ คุณเวินจะชดใช้เสื้อตัวนี้ให้ผมยังไง” มู่วี่สิงเข้าใกล้ จับมือเธอไว้ แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เวินจิ้งรู้สึกกังวล แต่เธอรู้ว่าเสื้อเชิ้ตของมู่วี่สิงราคาหกหลักขึ้น ถึงแม้ตระกูลหลินจะมีเงิน แต่เงินเก็บส่วนตัวของเธอก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
“ฉันจะพยายามเก็บเงินคืนให้คุณ” เวินจิ้งพูดอย่างจริงจัง
มู่วี่สิงขมวดคิ้วแบบไม่พอใจ นี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากได้ยิน ดึงเวินจิ้งเข้ามาที่อ้อมอก หยิกคางเธอ สายตาเขาเหมือนบังคับ
เวินจิ้งใจเต้นรัว
” มู่วี่สิง”
“เก็บเงิน? ผมขาดเงินหรอ?” เขายักคิ้ว
เวินจิ้ง …
แน่นอนไม่ขาด!
“งั้นคุณจะเอายังไง…” เวินจิ้งถามเบาๆ
“ถอดเสื้อผ้าของผมแล้ว คุณว่าจะเอายังไง?” มู่วี่สิงทำตาหวาน แววตาเหมือนสัตว์ป่าที่อันตราย
เวินจิ้งทำท่ามึนงง คุ้นเคยมากที่มู่วี่สิงเป็นแบบนี้
รู้ว่าเขาคิดอะไร เธอรีบผลักเขาออกไป
“คุณอย่าทำบ้าๆนะ …ฉันยังเป็นคนป่วยอยู่นะ” เวินจิ้งจ้องเขา
มู่วี่สิงโอบเธอเข้าอ้อมกอดอีกครั้ง โค้งเอวลง ปากของเขาแนบกับหูของเธอ “อืม ผมจะรอคุณ”
ทั้งๆที่เป็นคำพูดธรรมดามาก แต่พอพูดออกจากปากของมู่วี่สิง กลับกลายเป็นได้ลิ้มรสความคิดอีกแบบหนึ่ง
หูวว…
เวินจิ้งรู้สึกว่าทั้งร่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไปหมด
“คุณอย่าพูดเหลวไหลนะ”
มู่วี่สิงขยี้หัวเธออย่างรักใคร่ แล้วก็หยุดล้อเธอ สั่งให้เกาเชียนซื้อชุดมา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เอามาส่ง
ต่อหน้าเวินจิ้ง เขาเปลี่ยนเสื้อเชื้อตัวใหม่
อันที่จริงหันหลังให้มู่วี่สิงนะ แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะหันมามอง จ้องเขาแบบไม่กระพริบตา
ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เหลือเกิน
มู่วี่สิงเป็นผู้ชายของเธอ
คิดถึงตรงนี้ เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“พอผ่าตัดเสร็จ ผมเป็นของคุณ” รู้ทันความคิดเวินจิ้ง มู่วี่สิงเดินเข้ามา เชยหน้าเธอขึ้น ทิ้งรอยจูบไว้บนใบหน้าของเธอ เวินจิ้งหลงระเริงในความอ่อนโยนของเขา
ก่อนผ่าตัดหนึ่งวัน เดิมทีอารมณ์เวินจิ้งผ่อนคลายสงบมาตลอด แต่สุดท้ายก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา
ถึงแม้มู่วี่สิงรับรองว่าการผ่าตัดสำเร็จแน่นอน แต่เธอรู้ว่าการผ่าตัดครั้งนี้ โอกาสที่จะรอดมีน้อยมาก
ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด เธอจะไม่มีทางได้ฟื้นขึ้นมาอีก
เธอกลัวมาก
พอคิดถึงตรงนี้ เวินจิ้งเดินออกมานอกระเบียน แสงอาทิตย์ส่องเข้ามา แววตาของเธอกลับมืดสนิท
เธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ นี่คือความคิดอย่างแรงกล้าในเวลานี้
เธออยากอยู่กับมู่วี่สิง เธอไม่อยาก…จากเขาไป
ไม่อยากเสียเขาไปอีก