บทที่ 436 อ่อยโดยการแกล้ง
มู่เหิงสีหน้าเคร่งขรึม คิดไม่ถึงว่าเวินจิ้งจะต่อต้านเขา
“มู่เหิง วันนี้ที่ฉันมา ไม่ใช่ให้นายมาทำให้คนของฉันขายหน้า” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเยือกเย็นมากๆ
“ฉันไม่กล้าหรอก ก็แค่ล้อเล่นเอง ไอ้น้องชายอย่าจริงจังนักเลย”
อย่างไรก็ตามคนรอบข้างก็เป็นคนกันเอง มู่เหิงจึงไม่ได้ถูกฉีกหน้า
“บริษัทใหม่ของฉันเพิ่งจะก่อตั้ง คงต้องให้น้องชายนั้นคอยสนับสนุนแล้ว” มู่เหิงเป็นฝ่ายชนแก้วก่อน
มู่วี่สิงทำสีหน้านิ่ง ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ไม่ได้ชนแก้วกับมู่เหิง แต่กลับดื่มมันคนเดียวจนหมด
มือของมู่เหิงก็ชะงักกลางอากาศ
มองไปที่มู่วี่สิงที่หันหลังเดินออกไป เขาโกรธจนเขวี้ยงแก้วเหล้าที่อยู่ในมือทิ้งจนแตก
“คุณมู่ อย่าโกรธเลยครับ วันนี้เป็นวันดีนะครับ” ผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ด้านข้างก็รีบปลอบเขาอย่างเร็ว
ได้ยินมาว่าตระกูลมู่พี่น้องเข้ากันไม่ได้ เห็นทีข่าวลือนั้นจะเป็นเรื่องจริง
มู่เหิงทำหน้าเข้ม เมื่อเห็นคนใส่เสื้อดำกางเกงดำเดินเข้ามาจากหน้าประตู สีหน้าจึงเปลี่ยนไป แล้วรีบเข้าไปต้อนรับ
“คุณโจว”
…….
ก่อนที่เวินจิ้งจะมาเธอยังไม่ค่อยได้ทานอะไร ตอนนี้ก็หิวพอดี มู่วี่สิงจึงยื่นเค้กมาให้เธอ
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่ามาฝากท้องเลย” เวินจิ้งหงุดหงิดเล็กน้อย
ควรจะกินให้อิ่มท้องก่อนค่อยมา ตอนนี้ทั้งโต๊ะมีแค่เธอกับมู่วี่สิง
แน่นอนว่า แขกคนอื่นๆ ก็ต่างกรูเข้าไปแสดงความยินดีกับมู่เหิง
“ยัยตะกละ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปกินชาบู” มู่วี่สิงบีบไปที่จมูกเล็กๆ ของเธอ
ในดวงตาของเวินจิ้งเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันกินได้จริงๆ เหรอ?”
ช่วงนี้ที่อยู่ในโรงพยาบาลเธอกินแต่อาหารรสจืดชืดจนทำให้เธอไม่ค่อยอยากอาหาร
ตอนนี้ที่นี่มีขนมหวานต่างๆ นานา เป็นกอง จึงยั่วความอยากของเธอได้อย่างง่ายๆ
“อื้ม กินได้” มู่วี่สิงตอบรับ
เวินจิ้งกัดเค้กไปคำนึง แล้วเงยหน้าขึ้น ห่างออกไปก็มีเงาที่ไม่ใช่ของคนแปลกหน้า
โจวหย่าน?
ทันใดนั้นสีหน้าของเวินจิ้งก็เย็นชาลง
ที่จริงมู่วี่สิงโอบเธอไว้อยู่ เธอจึงดันเขาออก
“วี่สิง” คืนนี้โจวหย่านแต่งตัวมาดี ใบหน้าที่แต่งอย่างเพอร์เฟคจนหาที่เปรียบไม่ได้ ชุดราตรีสีฟ้าอ่อนแนบเนื้อทำให้เห็นรูปร่างเธอได้ชัด ท่อนบนที่ออกแบบให้เห็นร่องอกสวยงามของเธอ ได้รับความสนใจจากแขกในงานไม่ใช่น้อย
แต่ในสายตาของเธอมีแค่มู่วี่สิง
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มือก็โอบเอวของเวินจิ้งอีกครั้ง แน่นมากจนเธอสลัดออกไม่ได้เลย
เวินจิ้งมองเขาอย่างโมโห
ฉากนี้ในสายตาของโจวหย่าน ราวกับว่าทั้งสองกำลังแกล้งอ่อยกัน
รอบยิ้มบนหน้าเธอก็ชะงักไป
แต่ ก็ยังดึงหน้าแล้วเดินเข้ามา
แต่มู่วี่สิงไม่ได้มองเธอเลย
เวินจิ้งพูดอย่างโมโหเล็กน้อย “คู่หมั้นนายมาแล้ว”
“ฉันกับหล่อนไม่ได้หมั้นกันแล้ว” มู่วี่สิงชักสีหน้าจริงจัง แล้วพูดกับเธอ
“อ๋อ” เวินจิ้งตอบกลับอย่างไม่ค่อยแฮปปี้
อารมณ์ดีๆ อยู่แท้ๆ ดันโดนรบกวน
“วี่สิง ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย” โจวหย่านยื่นอยู่ข้างหน้ามู่วี่สิง น้ำเสียงนุ่มนวล
ผู้ชายขมวดคิ้ว น้ำเสียงนิ่ง “อื้อ พูดมา”
พอได้ยิน โจวหย่านจึงมองไปที่เวินจิ้ง
เธอจึงรู้ความหมายของโจวหย่าน หล่อนอยากจะคุยกับมู่วี่สิงตามลำพัง
แต่เวินจิ้งกลับไม่อยากให้โอกาสนี้กับเธอ กอดแขนมู่วี่สิงไว้ไม่เดินออกไป
สีหน้าของโจวหย่านดูไม่ได้ ทำได้แค่เอ่ยปาก “วี่สิง เรื่องงานแต่ง ฉันขอโทษจริงๆ นะ”
“คุณโจว พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมาขอโทษผม” มู่วี่สิงทำสีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น
“ฉันรู้ว่าแม่ของฉันเป็นคนขอถอนหมั้น แต่ว่าเรื่องการแต่งงานเป็นการตกลงของพวกเรา ฉัน……”
เบ้าตาของโจวหย่านแดงเล็กน้อย ความตึงเครียดทำให้เธอกำกระโปรงของเธอแน่น
เธอนั้นมากับพี่ชายของเธอ โดยที่คนเป็นแม่นั้นไม่รู้
เพียงเพราะ แค่อยากจะเห็นหน้ามู่วี่สิง อยากจะพูดกับเขาให้ชัดเจน
เธอนั้นอยากจะแต่งงานกับเขาจริงๆ
แต่พอเห็นสายตาที่เย็นชาของมู่วี่สิง ทำให้เสียงของเธอยิ่งพูดยิ่งเบาลง
“โจวหย่าน ฉันจะไม่ยอมรับการคุกคามของใคร และฉันก็เกลียดมาก ที่โดนคนอื่นข่มขู่” มู่วี่สิงตัดบทสนทนาของเธออย่างเย็นชา
โจวหย่านก็หน้าซีดทันที
เธอจึงนึกขึ้นมาได้ ว่าตัวเองข่มขู่มู่วี่สิงถึงมีโอกาสได้แต่งงานกับเขา
เธอคิดว่าจะทำให้มู่วี่สิงชอบตัวเธอได้
แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่สิ่งที่เธอคิดไว้
ข้างกายมู่วี่สิง เป็นเวินจิ้งมาโดยตลอด
เธออดไม่ไหวจึงร้องไห้โฮออกมา
จนแม้แต่เวินจิ้งยังใจอ่อน
เย่เฟยเฟยเมื่อก่อน คือโจวหย่านในตอนนี้ แต่ก็ยังรักมู่วี่สิงรักจนเจียนตาย
“เพราะงั้น เป็นฉันที่ผิดใช่มั้ย?” เธอถามอย่างสะอึกสะอื้น
“ถ้าเธอไม่มีราคา ฉันคงจะไม่ตอบตกลงแต่งงานกับเธอ แต่ว่า ฉันไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเธอเลย”
คำพูดของมู่วี่สิง เพียงพอที่จะทำร้ายจิตใจคน
โจวหย่านมองเขาทั้งน้ำตา สายตาของความรักค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้แต่สายตาของความเจ็บปวด
“เป็นฉันที่โง่เอง”
โจวหย่านวิ่งจนหายลับไป เวินจิ้งจึงหันกลับมา
มองดูผู้ชายที่กัดฟันแน่น สายตาของเขามองไปที่ไม่ไกลนัก
ด้านข้างของโจวหย่าน คือชายร่างสูงดูเป็นสุภาพบุรุษ เสื้อดำกางเกงดำ ออร่าสะดุดตามาก
แต่เวินจิ้งไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจด้วย
“กลับกันเถอะ” มู่วี่สิงพูดเสียงเข้ม
เวินจิ้งพยักหน้า คล้องแขนมู่วี่สิงแล้วเดินไปทางประตู
เพราะว่าเรื่องนี้ เธอก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว
แต่ผู้หญิงหน้าแดงข้างหน้าเดินผ่าน เหมือนจะดื่มเหล้ามาไม่น้อย เมาเซไปเซมาจนชน เวินจิ้งถอยหลบไม่ทัน จึงโดนไวน์ราดไปทั้งตัว
“ขอโทษค่ะ……ฉัน……ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวขอโทษทันที
เพราะงั้นจึงได้สติขึ้นมาบ้าง นวดไปที่ขมับ เธอไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปเปลี่ยนชุด” เวินจิ้งมองไปที่ชุดราตรีที่เปียกไปครึ่งชุด แล้วขมวดคิ้ว
ขณะนั้นมู่วี่สิงก็ได้ถอดเสื้อนอกมาคลุมให้เธอ แต่ชุดราตรีก็ยังมีน้ำหยดลงมา
“ฉันพกชุดราตรีสำรองมา ใส่ชุดฉันเถอะ” หญิงสาวเอ่ยปาก
เวินจิ้งมองไปที่มู่วี่สิง ออกไปตอนนี้…….เหมือนกับว่าจะน่าอายไปหน่อย
“ไปเถอะ ฉันจะรอเธออยู่นี่”
เวินจิ้งไปกับหญิงสาว เดินออกไปตามทางเดินเล็ก ที่ไม่ค่อยมีแขกมากนัก
“ฉันชื่อไป๋ลู่ เธอล่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวนั้นนุ่มนวล
“เวินจิ้ง”
“ชื่อคุ้นๆ แหะ” ไป๋ลู่แปลกใจ
เวินจิ้งเงียบไป มั่นใจมากๆ ว่าไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า
มาถึงห้องพัก ไป๋ลู่ก็ค้นกระเป๋าของตัวเอง แล้วหยิบชุดราตรีสีดำขึ้นมาชุดนึง
“น่าจะพอดีนะ เธอเปลี่ยนเถอะ ฉันออกไปก่อนนะ”
เวินจิ้งเปลี่ยนชุดเสร็จอย่างรวดเร็ว แต่ว่าตอนที่ออกไปก็ไม่พบกับไป๋ลู่แล้ว
เมื่อกี้ไป๋ลู่พาเธอขึ้นมา แต่ตอนนี้ระเบียงทางเดินมีทางแยกอยู่สามทาง เวินจิ้งจำได้ไม่ค่อยชัดว่าเดินมาจากทางไหน
ทำได้แค่เดินไปมั่วๆ ก่อน
พอเดินจนสุดทางเดิน ตอนแรกคิดว่าเลี้ยวแล้วยังจะมีทางต่อ แต่กลับเป็นระเบียง
มเงาร่างสูงกำลังยื่นสูบบุหรี่อยู่
เสื้อดำกางเกงดำ รัศมีที่น่ากลัวเปล่งปกคลุมทั่วร่าง เวินจิ้งจึงหูดฝีเท้า โดยไม่รู้ตัว
นิ่งอยู่ครู่ เธอจึงเดินกลับทางเดิม
แต่พอหันหลังกลับ น้ำเสียงเข้มก็ดังมาจากด้านหลังของเธอ
“ยังจำฉันได้มั้ย?”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เงยหน้ามอง ผู้ชายคนนั้นก็เดินมาอยู่ข้างหน้าเธอแล้ว