บทที่ 458 ไม่เคยจากไป
“มู่วี่สิง เวลาที่คุณอารมณ์ไม่ดี ฉันก็ไม่ใช่แฟนของคุณแล้วเหรอ ใช่หรือเปล่า” เวินจิ้งหน้าหม่นหมอง พูดด้วยความโกรธ
“ฉันไม่ใช่ความหมายนี้” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว แต่กลับไม่รู้จะอธิบายยังไง
เวินจิ้งจ้องมองตาลึกของเขา พูดทีละคำด้วยความจริงจัง “ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอารมณ์ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มู่วี่สิง คุณจำไว้ ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณ ไม่เคยจากไปไหน”
“จิ้งจิ้ง เช่นกัน เป็นคำพูดที่ฉันอยากจะบอกเธอเหมือนกัน”
วินาทีต่อมา มู่วี่สิงเลี่ยงบาดแผลของเธออย่างอ่อนโยน กดเธอไว้บนโซฟา จูบอย่างลึกซึ้ง
เวินจิ้งหยุดชะงัก และคิดไม่ถึง ว่ามู่วี่สิงจะมีแนวนี้ด้วย
มักจูบเธอโดยไม่ทันตั้งตัว
เป็นเวลานาน ตอนที่มือของใครบางคนกำลังเลื่อนลงไป เวินจิ้งหยุดเขาไว้ทันที
เธอไม่ได้มาหาเขาเพื่อเรื่องแบบนี้!
“มู่วี่สิง คุณหิวไหม?” เวินจิ้งถามจริงจัง
เธอรู้ว่าหากมู่วี่สิงยุ่งขึ้นมา หรือว่าเวลาที่อารมณ์ไม่ดี ก็มักจะไม่กินข้าว
“หิว” มู่วี่สิงเป็นคนตรงไปตรงมา เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องกินเลยสักนิด วันนี้ที่รีบมา เพื่อเก็บของในวิลล่า เขาไม่ได้พักเลย
“ฉันจะสั่งอาหาร” เวินจิ้งหยิบมือถือ
เพิ่งนึกได้ว่ามือถือของตัวเองหน้าจอดับไปแล้ว
มู่วี่สิงรับมือถือของเธอมา “เกิดอะไรขึ้น ซื้อเครื่องใหม่ให้เธอ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันเอาไปซ่อม” เวินจิ้งแย่งมันมา
แม้ว่สมือถือเครื่องนี้จะใช้มานานหลายปีแล้ว แต่เธอไม่เคยรังเกียจมันเลยสักนิด
“เข้ามาได้ยังไง” มู่วี่สิงมองเธอ
นึกถึงรปภ.ของที่นี่เข้มงวดมาก เวินจิ้งไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ เข้ามาไม่ได้
นอกจากจะมีคนพาเธอเข้ามา
“ฉันเจอโจวเซิน…” เสียงของเวินจิ้งเบาลงเรื่อยๆ
ตอนแรกมู่วี่สิงอ่อนลงมากบ้างแล้วครู่หนึ่งสีหน้าก็หม่นหมองอีกครั้ง
“เธอขึ้นรถของเขา?” สายตาของมู่วี่สิงพูดได้ว่าน่าหวาดกลัว
เวินจิ้งพยักหน้าช้าๆ
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเบาๆ ของเวินจิ้ง “เพราะคุณไม่รับสายของฉัน โจวเซินขึงอาสาส่งฉันเข้ามา ฉันเป็นห่วงคุณจึงไม่ได้คิดอะไรมาก”
แม้ว่าตอนนี้ยังนึกถึงทัศนคติที่เข้าใจได้ยากของโจวเซิน ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่
“อืม ฉันผิดเอง” มู่วี่สิงกอดเวินจิ้งไว้ น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
มือถือของเวินจิ้งเสียแล้ว มู่วี่สิงสั่งให้เกาเชียนสั่งอาหารให้ จากนั้นก็รวดซื้อมือถือเครื่องใหม่มาให้
เวินจิ้งไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
“ฉันบอกว่าไม่ต้องไง…”
“ฉันซ่อมเสร็จให้เธอแล้ว เธอค่อยเปลี่ยนกลับมา” มู่วี่สิงพูดแล้วเอามือถือของเธอไป
“คุณพูดแล้วนะ”
“ยังไม่เชื่อฉันเหรอ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้นอย่างอันตราย
“ไม่กล้า…”
การทำงานของเกาเชียนนั้นรวดเร็วมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็นำอาหารเย็นและมือถือส่งมาแล้ว
เมื่อเห็นบอสปลอดภัย ก็รู้สึกโล่งใจ
“ประธานมู่ หลุมศพได้ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว” เกาเชียนรายงาน
“อืม ตรวจสอบเป็นยังไงบ้าง?”
“กล้องวงจรถูกทำลายแล้ว ตามบันทึกการเดินทางของถนนใกล้เคียงมีการติดตามรถยนต์สามคัน มีหนึ่งในสามคันที่น่าสงสัยได้ตรวจสอบรู้เจ้าของรถแล้ว เกี่ยวข้องกับเย่เฉียว”
“เย่เฉียว” มู่วี่สิงหรี่สายตา
ไม่แปลกใจเลย
“เย่เฉียวมากเกินไป” เวินจิ้งพูดด้วยความไม่พอใจอย่างอดไม่ได้
การขุดหลุมฝังศพเป็นสิ่งที่เลวร้ายซึ่งเขาก็ทำได้ลง!
“นำหลักฐานส่งให้ตำรวจ ให้ทางนั้นจัดการ” มู่วี่สิงพูด
เกาเชียนรับคำสั่ง ไม่มีอะไรแล้วจึงออกไป
ภายในวิลล่าคืนความสงบอีกครั้ง เวินจิ้งกินไก่ทอดแล้วมองมู่วี่สิงไปด้วย
เขาหิวไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กินเลยสักคำ…
“คุณดูฉันกินอิ่มได้เหรอ…” เวินจิ้งบ่น
สิ้นเสียง ก็หยิบน่องไก่หนึ่งชิ้นป้อนให้มู่วี่สิง
ปกติร้านไก่ทอดนี้อยู่ที่ถนนอันหนิงเป็นร้านที่เธอชอบมากที่สุด ไม่ได้กินนานแล้ว
ตอนแรกไม่ได้อยากกิน แต่เวินจิ้งก็กินไปมากแล้ว
มู่วี่สิงมองไก่ที่มุมปาก ก็ขมวดคิ้ว
เมื่อกัดน่องไก่ไปคำหนึ่ง ปลายลิ้นเลียปลายนิ้วของเวินจิ้งเล็กน้อย ทันใดนั้น เวินจิ้งก็หดตัวลงอย่างอดไม่ได้ น่องไก่หลุดออกจากมือของเธอ โชคดีที่มู่วี่สิงหยิบมันไว้อย่างรวดเร็ว
“ยังคงอ่อนไหวขนาดนี้” น้ำเสียงของเขามีความขี้เล่นเล็กน้อย
ใบหน้ารูปไข่ของเวินจิ้งแดงก่ำ
จ้องมู่วี่สิงด้วยความไม่พอใจ เธอแย่งน่องไก่จากมือของเขามา “รำคาญ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน!”
สายตาของมู่วี่สิงเอ็นดูมาก ตอนที่เวินจิ้งกินน้องไก่ไปหนึ่งคำ ฝ่ามือของเขาก็จับหลังศีรษะของเธอไว้ทันที วินาทีต่อมา ไก่ในปากก็ถูกเขากระชากออกไป
เวินจิ้งตะลึง กลิ่นอายที่คุ้นเคยเหมือนว่ายังติดอยู่ตรงริมฝีปาก ดูรอยยิ้มที่พอใจของมู่วี่สิง เธอทำแก้มป่อง รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่ในที่สุดก็เห็นเขาทานอะไรได้บ้างแล้ว และก็รู้สึกโล่งใจ
ทั้งสองคนกินอิ่มแล้ว เวินจิ้งถึงนึกขึ้นได้ “คืนนี้เราจะนอนที่นี่?”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มองดูเวลา ก็เที่ยงคืนแล้ว
ที่นี่มีคนทำความสะอาดเป็นประจำ ไม่ได้ยุ่งเหยิง ในทางกลับกันเป็นระเบียบมาก
“อืม” สิ้นเสียง เขาจูงเธอขึ้นไปชั้นสอง
มู่วี่สิงพาเธอมาถึงห้องหนึ่ง ห้องนอนตกแต่งด้วยสีฟ้า ในตู้กระจกมีโมเดลวางอยู่มากมาย และอีกด้านมีตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบ
ที่นี่…น่าจะเป็นห้องนอนเด็ก?
“ที่นี่เป็นห้องนอนที่ฉันนอนตอนเด็ก” สบตากับสายตาที่สงสัยของเวินจิ้ง มู่วี่สิงพูด
“ว้าว ห้องนอนนี้น่ารักมากๆ เลย” เวินจิ้งเดินเข้าไป แนบติดหน้าตู้กระจกดูโมเดลแต่ละชิ้น ตอนเธอยังเด็กยังไม่เคยเล่นของแบบนี้ แต่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายส่วนมากเล่นกัน เพื่อความสนุกสนาน
แต่ของชิ้นนี้ราคาสูงเกินไป เจี่ยนอีเลี้ยงเธอตัวคนเดียว เธอไม่เคยร้องขอให้เจี่ยนอีซื้อให้เธอ
และยังมีตุ๊กตาเหล่านี้ที่มีเต็มครึ่งห้อง ที่แสนน่ารัก พิคาชู สติทซ์ แพทริค สตาร์… เป็นของที่เธอชอบหมดเลย!
“อยากจะเอาตุ๊กตาของคุณไปให้หมดเลย” เวินจิ้งโพล่งออกมา
“เป็นรสนิยมของแม่ฉันทั้งหมด เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยชอบ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
ตั้งแต่หลังจากกลับมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คุณแม่ได้ชดเชยความรักของแม่ในหลายปีที่ผ่านมาตลอด มีตุ๊กตามากมายส่งมาให้ทุกวัน นี่เป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็ง
“ไม่รู้ว่ามีกี่คนกันที่อิจฉา” เวินจิ้งบ่น
อย่างน้อยสภาพแวดล้อมของครอบครัวเธอไม่อนุญาตให้เธอมีสิ่งเหล่านี้
แต่ว่า เธอไม่เคยอิจฉา วิถีชีวิตของทุกคนแตกต่างกัน
“เธอชอบมากไหม?”
“ก็โอเค รู้สึกว่าพวกมันน่ารักดี” เมื่อก่อนเวินจิ้งชอบดูการ์ตูนมาก ตอนเด็กๆ ตอนที่มีเงินให้ใช้ก็ชอบซื้อพวกสติ๊กเกอร์ แต่ว่าตุ๊กตาตัวใหญ่ขนาดนี้ ซื้อไม่ไหว
ทั้งสองค้างคืนที่นี่ แต่มู่วี่สิงไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว เสื้อผ้าในตู้…มีแต่เสื้อผ้าที่มู่วี่สิงสวมใส่ตอนยังวัยเรียน
ตอนนี้เขาสูงขึ้น ต้องใส่ไม่ได้อยู่แล้ว
บางตัวก็ขึ้นราแล้ว
และมู่วี่สิงก็รบกวนเกาเชียนที่กำลังจะเตรียมตัวนอนอีกครั้ง สั่งให้เขานำเสื้อผ้าชายหญิงส่งมาให้ในวันพรุ่งนี้
เวินจิ้งรู้สึกเห็นใจผู้ช่วยเกาอย่างเงียบๆ เที่ยงคืนแล้วได้รับคำสั่งจากเจ้านาย น่าสงสารจริงๆ