บทที่ 45: อย่าให้เธอต้องลำบากใจ
สูบลมหายใจเข้าลึกๆ ฉินเฟยหันหลังไป “ประธานเสี้ยว ฉันมีใจที่จะร่วมงานสิคะ ไม่งั้นคงไม่มาที่นี่หรอก แต่ว่าฉันมีความละเอียด ฉันให้ความสำคัญกับทีมงานมืออาชีพของเทียนอี แต่พอมาเห็นวันนี้ก็เหมือนจะงั้นๆ แหละค่ะ”
“ในเมื่อคุณฉินไม่พอใจ งั้นโอกาสหน้าค่อยร่วมมือกัน” เมื่อพูดจบ เสี้ยวหงออกไปก่อนฉินเฟยเสียอีก
สีหน้าเธอเปลี่ยนไปอย่างขุ่นเคือง ผู้ช่วยด้านหลังเอ่ยปากขึ้น “คุณหนู เถ้าแก่บอกแล้วว่าการร่วมมือครั้งนี้ต้องคว้าไว้ให้ได้”
“ฉันรู้!” ฉินเฟยพูดด้วยความโมโห
เธอเดินไปหน้าเวินจิ้งในส้นสูง มองฉินเฟยด้วยสายตาที่อยู่เหนือกว่า
“คุณฉิน ยังมีอะไรที่จะกล่าวหาฉันอีกไหมคะ” เวินจิ้งน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ฉันต้องกล่าวหาแกอีกหรอ? ที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งนั้นแหละ!”
สิ้นประโยค เวินจิ้งง้างมือตบลงหน้าฉินเฟย
ตรงนี้ยังมีพนักงานระดับสูงของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอีกด้วย แต่ละคนอึ้งทึ่งกันเป็นแถว
แต่อั้ยเถียนกลับรู้สึกสะใจเหลือเกิน!
“ความจริงเป็นยังไงแกรู้ดีที่สุด ฉินเฟย พอเถอะนะ” พูดจบ เวินจิ้งหันหลังแล้วจากไป
ฉินเฟยจะยอมง่ายๆ ได้ไง เธอจับมือเวินจิ้งไว้ เห็นอีกนิดเดียวส้นสูงจะเขวี้ยงใส่เวินจิ้งแล้ว อั้ยเถียนตาไวมือไว ผลักฉินเฟยออกไป
แรงผลักนั้นไม่เบาซะเลย ฉินเฟยทรงตัวไม่อยู่สุดท้ายล้มลงกับพื้นด้วยท่าทางทุรักทุเร
“แก…พวกแกรีบพยุงฉันขึ้นมา!” ฉินเฟยตะโกนใส่ผู้ช่วยที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆ
เวินจิ้งเดินออกไปอย่างไม่เหลียวมองใดๆ แต่เมื่อพ้นประตูไป สีหน้าเธอขาวซีดทันที
เรื่องในวันวานโดนฉินเฟยขุดออกมา เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังคงรู้สึกอยู่
โดนกล่าวหาใส่ร้าย โดนไล่ออกจากที่เรียน โดนสวมเขา เรื่องราวร้ายๆ ทั้งหมดเกิดขึ้นในปีเดียวกัน และตอนนี้บาดแผลนั้นยังคงไม่จางหายไป บาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดยังไงก็สมานยาก
อั้ยเถียนรีบเข้าไปพะยุงเธอไว้ “จิ้งจิ้ง ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เวินจิ้งพิงอยู่บนไหล่อั้ยเถียน ซูดจมูกทีสองทีแล้วส่ายหัวอย่างแรง
เธอจะเป็นอะไรไปไม่ได้
“ผลที่แย่ที่สุดก็คงจะโดนไล่ออกแค่นั้นแหละ” สิ่งที่เลวร้ายที่จะเกิดขึ้น เธอคิดไว้ตั้งนานแล้ว
“ไม่หรอก ไม่ใช่ความผิดของแกสักหน่อย ฉินเฟยที่เป็นคนงี่เง่า ฉันจะอธิบายกับประธานเสี้ยวเอง”
“ขอบคุณนะเถียนเถียนที่คอยเป็นกำลังใจให้ฉันตลอด” เวินจิ้งเผยรอยยิ้มอย่างซีดจาง
อั้ยเถียนรู้สึกปวดใจขึ้นมา ตอนนั้นเวินจิ้งผ่านเรื่องเหล่านี้มาได้อย่างไรเธอเห็นหมด
ความเจ็บปวดของเธอ อั้ยเถียนรู้หมด
ในที่ไม่ไกล เสี้ยวหงยืนอยู่ตรงหัวมุมและถือมือถืออยู่
“วี่สิง ศัตรูของผู้หญิงแกมีไม่น้อยเลยนะ” เสี้ยวหงยีตาขึ้น
“อย่าให้เธอต้องลำบากใจ” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงเข้ม
“คืนนี้เธอน่าจะรู้สึกไม่ค่อยดีนะ เรื่องในอดีตโดนฉินเฟยขุดออกมา เหมือนกำลังร้องไห้อยู่ด้วย”
……
ณ โรงพยาบาลเหรินหมิน
มู่วี่สิงออกจากออฟฟิศ แต่ยังไม่ทันได้เข้าลิฟต์ก็โดนขวางเอาไว้
ซึ่งเป็นเย่กวนกวนที่ออกจากโรงพยาบาลได้วันนี้
“กลับไปเป็นเพื่อนฉันได้ไหม?”
“เย่กวนกวน ผมไม่ว่าง” ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงเย็นชาจนถึงที่สุด
เย่กวนกวนไม่ยอม เดินตามมู่วี่สิงจนถึงชั้นจอดรถใต้ดิน
เขาขึ้นรถแล้ว เธอรีบมุดเข้าไปตรงฝั่งคนนั่ง
มู่วี่สิงใจร้อน ได้แต่ขับรถไปตรงที่อยู่ที่เสี้ยวหงส่งมาให้
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงวนหารอบโรงแรมไปหนึ่งรอบ แต่ไม่เจอเวินจิ้งแล้ว
เย่กวนกวนเดินตามมู่วี่สิงอยู่ข้างหลัง ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คุณหาเวินจิ้งอยู่เหรอ”
มู่วี่สิงไม่ได้สนใจเธอ
เย่กวนกวนไม่ได้คิดอะไร เพราะได้อยู่ข้างๆ มู่วี่สิงก็ดีแค่ไหนแล้ว
ไม่นาน มู่วี่สิงเจอเวินจิ้งในร้านชาบูตรงข้าม เธอและอั้ยเถียนนั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านในสุด ตรงหน้าพวกเธอเป็นชาบูหม่าล่าที่แดงเถือก
“คุณหมอมู่ พวกเราไปดีกว่า ที่นี่เสียงดังจังเลย” เย่กวนกวนไม่ชอบที่ที่คนเยอะ ก็เลยดึงมู่วี่สิงออกไป
แต่มู่วี่สิงกลับชักมือออกมา ไม่นานก็เดินไปหาเวินจิ้ง
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น มองผู้ชายหล่อเหลาในเชิ้ตขาวกางเกงไพรเวทด้วยสายตาอึ้งทึ่ง